ตอนที่ 96 เขาได้รับบาดเจ็บ

นี่มันต้องการเอาชีวิตชัด ๆ!

“เจ้า!” ฉีเฉิงเฟิงร้องตะโกนออกมา!

ซูหวานหว่านเบี่ยงศีรษะตนเองออกพร้อมกับยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งก่อนจะเตะเข้าไปกลางลำตัวของถังฟู่ เขาร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นนางยังกระทืบซ้ำลงไปที่ฝ่าเท้าของถังฟู่

“เหตุใดเจ้าถึงประมาทนัก!” ฉีเฉิงเฟิงรีบวิ่งเข้าไปหาซูหวานหว่าน ชายหนุ่มสำรวจร่างกายของนางอย่างละเอียดว่าได้รับอันตรายร้ายแรงหรือไม่ เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาวางซับไว้บนคอของซูหวานหว่านเพื่อเป็นการห้ามเลือด เมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายของนาง หัวใจของเขาพลันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

ถังฟู่ลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายสั่นสะท้านพร้อมทั้งหยิบมีดออกมาอีกครั้ง เป้าหมายในครั้งนี้ของเขาคือซูหวานหว่าน ทว่าฉีเฉิงเฟิงเหลือบเห็นเข้าจึงผลักนางออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวมีดแหลมคมก็แทงเข้ามาที่ไหล่ของเขา!

“อึก” ฉีเฉิงเฟิงร้องออกมาแผ่วเบา เขายกเท้าขึ้นเตะไปที่ถังฟู่เต็มแรงจนทำให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้น

“เฉิงเฟิง!” ซูหวานหว่านเปล่งเสียงร้องเรียกอีกฝ่าย วิ่งพรวดเข้าไปหาเขาพร้อมเตะซ้ำไปที่ถังฟู่ที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ฉีเฉิงเฟิงกำลังจะดึงมีดที่แทงอยู่บริเวณไหล่ออก และก็เห็นซูหวานหว่านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ เพียงพริบตาขาของเขาก็อ่อนแรงล้มลงกระแทกกับพื้นพลางส่งเสียงร้องครางแผ่วเบา

เขาครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด! เรียกว่าเจ็บยังดูดีไปเสียด้วยซ้ำ

ราวกับหัวใจของซูหวานหว่านถูกบีบรัดโดยมือที่มองไม่เห็น อีกทั้งนางไม่ต้องการลงมือแก้แค้นในตอนนี้ นางเดินเข้าไปโอบแขนของเขาเอาไว้ “กอดข้าเอาไว้แน่น ๆ”

ฉีเฉิงเฟิงชะงักนิ่งไปชั่วครู่หนึ่งและก็ตระหนักได้ว่าตนเองกำลังถูกซูหวานหว่านกอดไว้

ในอีกด้าน ถังฟู่ประคองร่างกายของตนเองขึ้นและเดินโซซัดโซเซหนีไปช้า ๆ

ซูหวานหว่านประคองฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปในบ้าน แม่เจิ้นซึ่งเดินกลับมาพร้อมกับกับเงินเกือบชนเข้ากับพวกเขาทั้งสอง เมื่อเห็นซูหวานหว่านโอบกอดฉีเฉิงเฟิงอย่างใกล้ชิดจึงตั้งท่าเอ่ยตำหนินาง แต่พลันใดนางก็เหลือบไปเห็นมีดตรงไหล่ของชายหนุ่ม นางจึงลืมเรื่องที่จะตำหนิซูหวานหว่านเสียสิ้น “เกิดอะไรขึ้น!”

“ท่านแม่ ไว้คุยเรื่องนี้ทีหลัง” ซูหวานหว่านประคองฉีเฉิงเฟิงนั่งลงบนเตียง แม่เจิ้นก็เดินเข้ามาไถ่ถาม “คุณชายถังไปไหนแล้ว?”

“คนเมื่อครู่ เขาไม่ใช่คุณชายถังหรอก แต่เป็นน้องชายของเขาต่างหาก ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกัน ท่านแม่จำผิดคนแล้ว!” ซูหวานหว่านไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้ในตอนนี้ นางดึงมีดที่ปักอยู่บนไหล่ของฉีเฉิงเฟิงออก เลือดจากบาดแผลไหลทะลักออกมาไม่หยุด ส่งผลให้เลือดสีเข้มเปรอะเปื้อนไปทั่วอาภรณ์สีดำของเขา

ซูหวานหว่านอยู่ในอาการตื่นตระหนก นางไหว้วานแม่เจิ้นนำผ้าสะอาดเข้ามาให้ หลังจากที่มารดาของนางเดินออกไป ซูหวานหว่านจึงปิดประตูห้องลง นางหันมาสำรวจและทำความสะอาดบาดแผลให้เขา

ร่างกายของฉีเฉิงเฟิงสั่นไหวจากสัมผัสอบอุ่นจากมือหญิงสาว บาดแผลของเขาเจ็บจนชา ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ซูหวานหว่านจึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ข้าทำให้เจ้าเจ็บอย่างงั้นหรือ?”

“ไม่” ฉีเฉิงเฟิงส่ายหัว พลันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของตนไวต่อสัมผัสของซูหวานหว่าน ใบหน้าของฉีเฉิงเฟิงขึ้นสีแดงระเรื่อ

หากนางยังสัมผัสร่างกายของเขาต่อไปคงจะไม่ดีแน่!

ฉีเฉิงเฟิงผลักซูหวานหว่านออกห่างจากตน “อย่ามาแตะตัวข้า!”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขากำลังโกรธเคืองหรือ? ซูหวานหว่านตกใจกับปฏิกิริยาของฉีเฉิงเฟิง นางมองเขาด้วยความงุนงงราวกับตนเองเป็นเด็กน้อยที่ทำผิดโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เขาไม่ได้หยาบคายไปใช่หรือไม่? ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกผิด ทว่าเขาก็ไม่รู้อธิบายอย่างไรดี สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปความเจ็บปวดจากบาดแผล

บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ซูหวานหว่านมองดูเลือดที่ยังไหลออกมาไม่หยุดจากปากแผลอีกฝ่าย และทันใดนั้นนางก็ผลักฉีเฉิงเฟิงนอนลงบนเตียงก่อนยกมือขึ้นปิดตาฉีเฉิงเฟิงไว้ด้วยมือของตน

หรือนี่จะเหมือนกับเรื่องที่เจอมาจากตำรา? ซูหวานหว่านปิดตาของเขาเพื่อจะจูบเช่นนั้นหรือ? ความคาดหวังเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ทว่านอนรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มจากริมฝีปากจากซูหวานหว่านแต่อย่างใด แต่เขากลับรู้เย็นสบายที่บริเวณบาดแผล

แท้จริงแล้วที่นางปิดตาของฉีเฉิงเฟิงไว้เพื่อจะได้นำน้ำหลิงเยว่ออกมาจากมิติฟาร์ม

เมื่อเทน้ำหลิงเยว่ลงไป เลือดก็หยุดไหลพลันใด ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “น้ำหลิงเยว่เป็นน้ำที่วิเศษจริง ๆ!”

เลือดจับตัวเป็นก้อนบริเวณบาดแผล เผยให้เห็นแผลขนาดใหญ่สีแดงสดน่ากลัวบนไหล่ของฉีเฉิงเฟิง ซูหวานหว่านจำได้ว่ามียาสร้างกล้ามเนื้ออยู่ นางจึงถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์ม “เจ้าจิตวิญญาณมิติฟาร์ม! ออกมาหาข้าที! ข้าต้องการแลกเปลี่ยนยาสร้างกล้ามเนื้อ”

“โอ๊ะ? หากท่านต้องการแลกยา ท่านจะต้องใช้คะแนนหนึ่งแสนคะแนน” จิตวิญญาณของมิติฟาร์มกล่าวอย่างเกียจคร้านแล้วหักหนึ่งแสนคะแนนของซูหวานหว่านทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็กรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดเต็มไปด้วยความโกรธ “เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องการมันแล้ว! เจ้าเอาคะแนนคืนข้ามา! ยาอะไรเหตุใดถึงใช้คะแนนสูงนัก!”

“คืนให้? เจ้าฝันไปเถอะ!” จิตวิญญาณของมิติฟาร์มพูดขึ้นพลางหัวเราะเยาะ แล้วโยนกล่องไม้เล็ก ๆ ให้แก่ซูหวานหว่าน หากไม่ใช่เพราะสายตาและความไวของมือซูหวานหว่าน นางคงรับกล่องไม้เอาไว้ไม่ได้ทัน และมิเช่นนั้นมันคงตกลงบนหัวของนางแล้ว

“ช่างเป็นจิตวิญญาณที่ดีเสียเหลือเกินนะ กล้าดีอย่างไรถึงทำกับเจ้าบ้านตนเองเช่นนี้!” นางอยากลงโทษจิตวิญญาณมิติฟาร์มนัก นางคิดแผนเอาไว้ทว่าต้องปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน เมื่อได้ยามาแล้วจึงรีบรักษาบาดแผลให้กับฉีเฉิงเฟิง

ผู้ใดจะรู้ว่าตอนซูหวานหว่านถอนจิตวิญญาณออกมาจากมิติฟาร์ม บริเวณกระท่อมที่มุงขึ้นจากฟางในมิติฟาร์ม มีเด็กชายรูปงามผู้หนึ่งบนร่างกายของเขามีเพียงใบไม้ขนาดไม่ใหญ่ปกคลุมส่วนล่างเดินออกมา เมื่อเด็กชายคนนั้นเห็นซูหวานหว่านถอนจิตออกไปแล้วก็เดินกลับเข้าไปในกระท่อมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ซูหวานหว่านเปิดริมฝีปากของฉีเฉิงเฟิงออก ทว่าฉีเฉิงเฟิงกลับเปิดปากดูดดึงนิ้วของนางเบา ๆ และรับรู้ถึงความชื้นและชามากปลายนิ้วของซูหวานหว่าน นางรีบดึงมือของตนเองกลับมาด้วยความตกใจ “ฉีเฉิงเฟิง เจ้ากำลังทำอะไร!”

“ข้าหิว” ฉีเฉิงเฟิงกล่าวและอ้าปากออกอย่างว่าง่าย ทว่ากลับรู้สึกคัน ๆ บริเวณริมฝีปาก เขาเริ่มอึดอัดเป็นอย่างมาก ด้วยมีบางอย่างที่เริ่มควบคุมไม่ได้

“หิวเจ้าก็กิน เจ้าทำเช่นนี้ทำไม!” ซูหวานหว่านบ่นออกมาแฝงความโกรธเคือง ทว่านางไม่ได้รับรู้ถึงความหมาย ‘หิว’ ของฉีเฉิงเฟิง

ซูหวานหว่านป้อนยาเม็ดให้ฉีเฉิงเฟิง ทว่าเมื่อคิดถึงคะแนนที่เหลืออยู่ในมิติฟาร์มของตัวเอง หัวใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวด

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา— ปัง ปัง ปัง!

แม่เจิ้นกำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอกและนำผ้าสะอาดมาให้กับซูหวานหว่าน แต่ดูเหมือนว่าแผลของฉีเฉิงเฟิงหายเป็นปกติแล้ว ซูหวานหว่านกำลังคิดว่าจะสวมเสื้อผ้าคืนให้ฉีเฉิงเฟิง ทว่านางก็แอบคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก อีกทั้งไม่ได้มีคนเยอะมากมาย ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อให้เรียบร้อยก็ได้!

ฉีเฉิงเฟิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และซูหวานหว่านก็ไม่สามารถขยับตัวได้ แม่เจิ้นจึงต้องคอยดูแลฉีเฉิงเฟิงและเอ่ยตำหนิซูหวานหว่านที่อยู่ใกล้ชิดฉีเฉิงเฟิงมากเกินเหตุ พร้อมทั้งสั่งให้นางไปทำอาหารให้ฉีเฉิงเฟิง

ซูหวานหว่านเดินไปยังห้องครัวพลางขบคิดเรื่องถังฟู่ที่วิ่งหนีไป นางนำนกกางเขนออกมาจากมิติฟาร์ม นัยน์ตาของนางฉายแววชั่วร้าย จากนั้นจึงเล่าเรื่องถังฟู่ให้นกกางเขนได้รับรู้ ทว่านางไม่ทันพูดจบนกกางเขนก็พูดขึ้นมาว่า “ข้ารู้แล้ว! ข้าจะช่วยเจ้าแก้แค้นเขาเอง!”

ถังฟู่ยังไม่รู้ชะตากรรมอันน่าเศร้าที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นกับตนเอง ทุกครั้งที่เขาออกจากบ้านจะต้องมีนกลอยอยู่เหนือหัว และนกตัวนั้นก็ปล่อยมูลของมันใส่หัวของถังฟู่ตลอด หากเขาพกร่มออกจากบ้านก็จะถูกโจมตีด้วยฝูงนก

ในตอนที่นกกางเขนบินจากไป นางจึงถอนจิตเข้าไปในมิติฟาร์มและตรวจสอบคะแนนที่เหลือของตน ‘25 คะแนน’ ทำให้นางรู้สึกโกรธมาก

นางจำได้อย่างแม่นยำว่าก่อนหน้านี้นางมีคะแนนสะสมเยอะกว่านี้ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะใช้คะแนนหมดไปกับการพัฒนาพื้นที่ในฟาร์มก็ตาม ทว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้เข้ามาปลูกผักในมิติฟาร์ม ก็พบว่าคะแนนของตนมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคะแน เหตุใดตอนนี้จึงเหลือเพียง 25 ได้กัน!