บทที่ 277
จากที่ศิษย์พี่หานเฟิงพูดว่า “จะให้ศิษย์น้องลู่ฝานไปสู้คนเดียวทุกครั้งได้ยังไง ครั้งนี้พวกศิษย์พี่จะไปเป็นเพื่อนนายเอง นายไม่ต้องลงมือเลย ให้ศิษย์พี่จัดการเอง”

ตอนพูดประโยคนี้ ศิษย์พี่หานเฟิงตบอกตัวเองดังปักๆ

แต่ในความเป็นจริง ลู่ฝานรู้เป็นอย่างดี เมื่อเช้ายังได้ยินศิษย์พี่หานเฟิงกับศิษย์พี่ฉู่สิงคุยกันอยู่เลย

“วันนี้ไปคณะสงบใจ ต้องจีบนักเรียนหญิงกลับมาให้ได้สักคน นี่เป็นความปรารถนาของฉันมาหลายปี”

“ก่อนหน้านี้หลายปี ไม่มีโอกาสไปคณะสงบใจอย่างอกผายไหล่ผึ่ง ครั้งนี้จะเสียเปล่าไม่ได้ นักเรียนหญิงคณะสงบใจ พวกเรามาแล้ว”

“ศิษย์พี่สามพูดถูก เราพาเจ้าดำไปด้วย ไม่แน่มันอาจเจอสัตว์อสูรตัวอื่นก็ได้ คณะสงบใจมีสัตว์อสูรไม่น้อยเลย วะฮ่าๆๆๆ”

…..

เดินเข้ามาในคณะสงบใจ เพิ่งเดินเข้าประตูคณะ ก็มีนักเรียนหญิง 2-3 คน เดินเข้ามา

“คณะหนึ่งเดียวใช่ไหม อาจารย์สั่งไว้แล้ว เชิญทางนี้”

นักเรียนหญิงคณะสงบใจผายมือขวา นักเรียนหญิงงดงามอ่อนช้อย พูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใส

จู่ๆ หานเฟิงกับฉู่สิงมองจนเคลิ้ม

อาจารย์อี้ชิงกระแอมเบาๆ ให้หานเฟิงกับฉู่สิงสุขุมหน่อย อย่าทำเหมือนไม่เคยเจอผู้หญิง

“งั้นรบกวนนำทางด้วย”

นักเรียนหญิงคณะสงบใจ 3 คน พากันหัวเราะ คนที่นำมาอย่างม่านเหยียนยิ้มจนตาเป็นสระอิ แล้วเดินนำทางไปข้างหน้า

ตอนนี้ศิษย์พี่ฉู่เทียนปรายตามองหานเฟิงกับฉู่สิง แล้วพูดว่า “พวกนายนิ่งๆ หน่อยได้ไหม อย่าทำขายหน้านี่ ฉันล่ะอับอายแทนพวกนายจริงๆ พวกนายนิ่งแบบศิษย์พี่ใหญ่ได้ไหม”

เมื่อศิษย์พี่ใหญ่ได้ยิน ก็ยืดพุงโตของตัวเอง

หานเฟิงมองศิษย์พี่ใหญ่อย่างประเมิน “ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ต้องแสร้งทำแล้ว ศิษย์พี่แข็งหมดแล้ว”

ศิษย์พี่ใหญ่รีบจับเป้าด้วยสีหน้าเขินอาย

หานเฟิงหัวเราะออกมา ฉู่สิงที่อยู่ข้างหานเฟิงพูดดุว่า “ศิษย์น้องหานเฟิง ดูเหมือนนายจะไม่กลับคณะหนึ่งเดียวแล้วใช่ไหม”

ตอนนี้หานเฟิงเพิ่งเห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ยืนกำหมัดมองเขา

หานเฟิงรีบไปหลบข้างหลังลู่ฝาน แล้วตะโกนว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานช่วยฉันด้วย”

ลู่ฝานมีสีหน้าเหนื่อยใจ พูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง พูดน้อยๆ หน่อย ไม่ตายหรอก”

เสียงทะเลาะโหวกเหวกโวยวาย ม่านเหยียนพาทุกคนมายังโถงหลักของคณะสงบใจ

เมื่อเข้ามาในโถง มองออกไป มีนักเรียนคณะสงบใจนั่งอยู่เต็มไปหมด

คณะสงบใจฝึกวิชาบู๊ ใช้ใจที่สงบฝึกฝน มีชื่อเสียงด้านบทกลอน เขียนพู่กัน การเล่นขิม หมากรุก ลักษณะเด่นของคณะคือ ไม่ชอบการแข่งขันต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักเรียนหญิงเยอะ มองไปรอบๆ นักเรียนเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ ล้วนเป็นผู้หญิง
คนที่นั่งตรงกลางคืออาจารย์อู๋โฉวคณะสงบใจ ตำแหน่งเรียงจากซ้ายมือคือ หมิงจู หลิงเหยา หลินเสี่ยวอวิ๋น ม่านเหยียนและเยียนหราน รวมห้าคน
ห้าคนนี้เป็นนักเรียนที่โดดเด่นของคณะสงบใจ ล้วนเป็นผู้หญิง ไม่มีผู้ชายสักคน

หานเฟิงพึมพำว่า “คณะสงบใจใกล้เป็นคณะผู้หญิงแล้ว ปีก่อนยังมีนักเรียนชายโดดเด่นอยู่คนหนึ่ง ปีนี้ไม่มีเลย หรือว่าอาจารย์อู๋โฉวเลือกปฏิบัติ”

“ไร้สาระ!”

อาจารย์อี้ชิงหันมาดุหานเฟิง

หานเฟิงไม่เพียงแต่รีบหุบปาก ยังหลับตาลงด้วย

ศิษย์พี่ฉู่สิงที่อยู่ข้างๆ กระซิบข้างหูลู่ฝานว่า “อาจารย์ทนฟังคนต่อว่าอาจารย์อู๋โฉวไม่ได้ ฉันสงสัยว่าตอนนั้นอาจารย์กับ……อิอิ นายก็รู้”

ลู่ฝานทำท่าเข้าใจ มองอาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์อู๋โฉวไปมา

พูดขึ้นมา อาจารย์อู๋โฉวกับอาจารย์เมิ่งอวิ๋นของคณะบังเหิน ถ้าไม่มองเรื่องอายุ ก็ยังเป็นสาวงามที่สวยจนตกตะลึง

กาลเวลาที่ผ่านไป แทบจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนใบหน้าพวกเธอเลย

ดูอาจารย์อี้ชิงสิ โดนกาลเวลาทำร้ายจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว หันมามองอาจารย์อู๋โฉว จินตนาการยากมากว่าพวกเขาเป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

อาจารย์อู๋โฉวลุกขึ้นพูดว่า “เชิญคณะหนึ่งเดียวทุกท่าน!”

ลู่ฝานและคนอื่นรีบโค้งคำนับ จากนั้นทุกคนพากันไปนั่ง

เพิ่งนั่งลง คนที่นั่งตรงข้ามลู่ฝานคือหลิงเหยา ที่ไม่ได้เจอกันนาน

เธออมยิ้มมองลู่ฝาน

หมิงจูที่นั่งข้างหลิงเหยาขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องหลิงเหยา สายตาเธอไม่เลวนี่ มองดูดีๆ ลู่ฝานดูห้าวหาญ เทียบกับครั้งก่อนที่เจอเขา เหมือนเขาเปลี่ยนแปลงไป อย่าบอกนะว่าพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”

หลิงเหยาแก้มแดงระเรื่อ “ศิษย์พี่ เบาๆ หน่อย”

หมิงจูหยุดพูด ไม่ได้พูดอะไรมากอีก แต่รอยยิ้มยังไม่หายไป

ไม่รู้สายตาของอาจารย์อู๋โฉว มองมาทางหลิงเหยาตั้งแต่เมื่อไร จากนั้นหันไปกวาดตามองลู่ฝาน

อาจารย์อู๋โฉวยกยิ้มมุมปาก พูดเสียงก้องกังวานว่า “อี้ชิง เต้ากวง วันนี้พวกนายมาคณะสงบใจของฉัน ต้องการสู้แบบไหน”

อี้ชิงรีบพูดว่า “แข่งยังไงก็ได้”