บทที่ 373

บทที่ 375
ลานฝึกวิทยายุทธของสำนักศึกษาวังหลวง เหล่านักเรียนที่เข้าร่วมการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรถูกแบ่งออกเป็นห้าแถวและยืนอย่างเป็นระเบียบ อาจารย์ด้านการทหารและพลเรือนจำนวนสิบท่านยืนอยู่บนแท่นสูง และชี้แจ้งกฎของการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกร

“นักเรียนที่ยืนอยู่ที่นี่ ล้วนแต่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากสำนักศึกษาวังหลวง ในปีที่ผ่าน ๆ มามีเพียงนักเรียนของสำนักศึกษาวังหลวงเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรได้ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะหาผู้ที่มีความสามารถ นักเรียนที่โดดเด่นของปีก่อน ๆ จึงสามารถที่จะเข้าร่วมได้”

“ภูเขาสวินหลงเป็นภูเขาที่ล้ำค่าของรัฐเยี่ย อย่างที่เราทุกคนทราบกันดีว่าในสมัยโบราณมีสงครามเกิดขึ้นมากมาย เป็นสมรภูมิรบที่มีซากปรักหักพัง ไม่เพียงแต่ข้างในจะมีสัตว์ที่ดุร้ายและดอกไม้แปลก ๆ ที่มีพิษเท่านั้น แต่ในนั้นยังมีสมบัติต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมบัติระดับสองขึ้นไป หากโชคดีก็จะได้พบกับสมบัติระดับสี่”

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติอะไรในภูเขาสวินหลง มันจะเป็นของพวกเจ้า หากพวกเจ้าโชคร้ายไม่พบอะไร เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไร จะต้องเข้าไปในภูเขาสวินหลงเป็นเวลาสามวัน หลังจากสามวัน การชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรจะสิ้นสุดลง ทุกคนจะต้องถอนตัวออกมาจากภูเขาสวินหลง หากใครไม่ถอนตัวออกมา ฆ่าไม่ละเว้น”

“สำนักศึกษาวังหลวงจะส่งระฆังให้พวกเจ้าแต่ละคน หากมีอันตราย ให้สั่นระฆังสามครั้ง แล้วดึงเชือกที่อยู่ใต้ระฆังออก จากนั้นตนของสำนักศึกษาวังหลวงจะไปรับพวกเจ้าออกมา แต่พวกเจ้าจะไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกร และไม่สามารถที่จะหาสมบัติต่อไปได้อีก”

กู้ชูหน่วนหาวและได้ยินเสียงพวกเขาพูดไม่หยุดปาก

เหล่าอาจารย์อาวุโสพูดไม่จบไม่สิ้น ทำให้เวลาล่าช้าออกไป ไม่มีเวลาตลอดทั้งวัน แล้วยังจะเข้าร่วมอะไรอีก

นางกวาดสายตามองไปทั่วสำนักศึกษา แต่ก็ไม่เห็นองค์หญิงตังตัง ไม่รู้ว่านางจัดการกับหนี้สินที่ติดค้างหอประมูลเฟิงเซียงอย่างไร?

เจ๋ออ๋องและกู้ชูหน่วนต่างก็เข้าร่วมการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกร

เมื่อมองออกไป สายตาของกู้ชูหน่วนก็จ้องมองท่าทีที่สุภาพอ่อนโยนของซั่งกวนฉู่

ซั่งกวนฉู่ดูเบิกบานใจ ไม่เหมือนอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่พูดไม่หยุดปาก เขาเพียงแค่นั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นและลูบคลำฉินของเขา

มีนักเรียนเข้าร่วมการชุมนุมล่าขุมทรัพย์มังกรประมาณสามร้อยคน กู้ชูหน่วนพบว่ามีสายตาที่ร้ายกาจมากมายจ้องมองมาที่นางเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะปกปิดไอพิฆาตเหล่านั้นไว้อย่างไร ก็ปิดไม่มิด

นางพูดเบา ๆ ว่า “อีกเดี๋ยวหลังจากเข้าไปในภูเขาสวินหลงแล้ว พวกเจ้าสามคนตามข้าไปอย่างใกล้ชิด”

“มีอะไรหรือ?” เซี่ยวอวี่เซวียนถาม

“ไม่มีอะไร มีผู้คนที่มีความสามารถมากมาย” กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะและยิ้ม

อาจารย์สวีกล่าวว่า “เอาล่ะ สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปในภูเขาสวินหลงได้ หากพวกเจ้าไม่ไหว จำไว้ว่าให้ดึงเชือกที่ใต้ระฆัง เพื่อที่จะได้ไม่เอาชีวิตไปทิ้ง”

“ขอรับ ท่านอาจารย์”

เหล่านักเรียนมีความฮึกเหิมและกระตือรือร้น จนแทบจะรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในภูเขาสวินหลง

เหล่าอาจารยผนึกฝ่ามือทั้งสองข้างของพวกเขา สร้างค่ายกล และปล่อยกำลังภายในเข้าไปในค่ายกล เพื่อเปิดเขตแดนของภูเขาสวินหลง

จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ไปกันเถอะ”

ดูเหมือนปลายอีกด้านของเขตแดนจะมีแรงดึงดูด และดูดพวกเขาทั้งหมดเข้าไป

ฉ่า……

แน่นอนว่ากู้ชูหน่วนและคนอื่น ๆ ก็ถูกดูดเข้าไปเช่นกัน หากนางยังไม่ได้เปิดเส้นวรยุทธ์ เกรงว่านางคงจะล้มกลิ้งและร้องโอดครวญ

แม้แต่เซี่ยวอวี่เซวียนที่มีวรยุทธก็แทบจะไม่ยืนไม่อยู่

หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยเกือบจะล้มลง โชคดีที่กู้ชูหน่วนช่วยพยุงพวกเขาไว้

“ขอบคุณพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ท่านมีฝีมือดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“เมื่อไม่กี่วันมานี่”

“เมื่อไม่กี่วันมานี่?หรือว่า… ท่านเปิดเส้นวรยุทธ์ได้แล้ว?”

“ประมาณนั้น”

“โอ้สวรรค์ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ท่านเปิดเส้นวรยุทธ์ได้อย่างไรกัน?”

กู้ชูหน่วนมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบของที่นี่อย่างระมัดระวัง

นี่เป็นภูเขาที่รกร้างที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี เทือกเขาทับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มองแวบแรก ยอดเขาลูกหนึ่งเชื่อมต่อกับยอดเขาอีกลูกหนึ่ง และไม่รู้ว่าเชื่อมต่ออีกกี่ลูก

หลิ่วเย่ว์อุทาน “ภูเขามากมายเช่นนี้ ภูเขาไหนคือภูเขาสวินหลง?”