ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 243

ฮูหยินหลิงหลงเมื่อเห็นสถานการณ์นี้เข้า เร่งรีบแยกเซี่ยหว่านเอ๋อออกมา “อย่ามาก่อเรื่อง เหล่าไท่จวินกำลังมองมาจากทางนู้น”

เซี่ยหว่านเอ๋อมองกลับไป ก็พบกับฮูหยินผู้เฒ่าของคุณหนูตระกูลเฉิน เฉินเหล่าไท่จวิน เมื่อสักครู่นางกำลังพูดคุยอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่า ชุยไท่เฟยได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากทางด้านนี้ จึงหันกลับมาดูด้วยกัน

ได้ยินคำเซี่ยหว่านเอ๋อสั่งให้คนไล่คุณหนูตระกูลเฉินออกไปพอดิบพอดี

“ท่านแม่ ท่านคงไม่รู้ว่านางพูดถึงข้าว่าอย่างไรบ้าง” เซี่ยหว่านเอ๋อเอ่ยออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจ

เฉินหลินหลงเองก็ได้ยินคำพูดของคุณหนูตระกูลเฉิน นางกดเสียงลงต่ำเอ่ยออกมา “วันนี้เป็นงานสำคัญ ตระกูลเฉินเรามิอาจล่วงเกินได้”

ตระกูลเฉินเป็นผู้บัญชาการทหาร เฉินเหล่าไท่จวินเองก็เป็นแม่ทัพหญิงคนแรกของราชวงศ์ เคยออกรบมาแล้วในปีนั้น ต่อสู้กันจนเป่ยโม่ร่วงโรยดั่งดอกไม้ร่วงลงในแม่น้ำ ในปีนั้นอ๋องอันเองก็เป็นครั้งแรกที่ออกรบ ก็อยู่ภายใต้การนำทัพของตระกูลนาง

ตระกูลเฉินในเมืองหลวงนั้น จึงมีสถานะที่มิอาจแตะต้องได้ เพราะในปีนั้นนางได้รับตำแหน่งไท่จวินที่ไท่หวงไท่โฮ่วทรงแต่งตั้งให้ด้วยตนเอง

และคุณหนูตระกูลเฉิน เฉินหลิวหลิ่วท่านนี้ ยังเป็นหลานสาวคนเล็กสุดของเหล่าไท่จวิน ปีนี้เพิ่งจะอายุครบสิบแปดปีเต็ม ยังมิได้หมั้นหมาย แต่หมายตาเซียวท่าของจวนโหวไว้ แต่เซียวท่ายังมิยินยอมที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เลยยังพักเรื่องนี้กันไว้อยู่ที่ตรงนี้

โดยปกติแล้วเหล่าไท่จวินมักจะมิได้สนใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงพวกนี้ แต่ในปีสองปีมานี้ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่นางมักจะนำเฉินหลิวหลิ่วออกงานด้วย เพื่อหาคู่ครองให้นาง

หากใช้คำพูดของเหล่าไท่จวินมาอธิบายแล้ว มองหาจนเหนื่อยตาแทบบอดแล้ว แต่นางได้กล่าวไว้แล้วว่าก่อนตายนางจะต้องเห็นเฉินหลิวหลิ่วแต่งงานออกไป

เหล่าคุณหนูที่เอะอะโวยวายกันเมื่อครู่ ต่างก็แยกย้ายกันไป ผู้ใดก็มิอยากจะล่วงเกินเฉินหลิวหลิ่ว เพราะว่าต่างก็รู้นิสัยนางกันดี คำพูดคำจาดูร้ายกาจอย่างยิ่ง

เฉินหลิวหลิ่วหยุดพูดลง เดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าของจื่ออัน

นางมองไปยังจื่ออัน ดวงตาราวไข่มุกทั้งสองข้างมีสีดำเป็นพิเศษ เหมือนดั่งสีของเม็ดลำไย คิ้วดำสองข้างโค้งงอ “ข้าชื่อว่าเฉินหลิวหลิ่ว ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เจ้ามิต้องสนใจว่าคนพวกนั้นจะพูดอะไรกัน คนพวกนั้นปากเหม็น”

นางพูดปลอบโยนจื่ออัน

จื่ออันเอ่ยด้วยรอยยิ้น “ขอบคุณที่เจ้าช่วยออกหน้าให้ข้า”

“มิเป็นไร ข้าเองก็อยากสั่งสอนนางตั้งแต่ต้นแล้ว” เฉินหลิวหลิ่วยังคงมองไปยังจื่ออัน ราวกับว่าจื่ออันพบกับบางสิ่งที่น่าสนุก จ้องมองอย่างไม่วางตา จื่ออันรู้สึกว่านางจ้องมองแบบแปลกประหลาด

“หน้าข้ามีอะไรติดอยู่รึ?” จื่ออันลูบไปบนใบหน้า เตือนให้นางรู้ว่านางจ้องมองผู้อื่นเยี่ยงนี้มิค่อยจะดีนัก

“มิได้ ข้าเพียงแต่คิดว่าเจ้างดงามยิ่งกว่าก่อนหน้านี้นัก” เฉินหลิวหลิ่วกล่าวออกมา

“ก่อนหน้า?”

“ใช้แล้ว ข้าเคยมายังจวนมหาเสนาบดีของเจ้าแล้วกี่ครั้ง แล้วเคยเจอเจ้า ทุกครั้งที่มาก็เห็นว่าเซี่ยหว่านเอ๋อและคุณหนูเหล่านั้นกำลังรังแกเจ้าอยู่”

“พวกนางจะพูดอะไรกัน ข้าก็มิได้สนใจ” จื่ออันพยักหน้า

“ข้าก็มิได้สนใจ เพียงแต่ในเวลาที่ในใจข้ารู้สึกไม่สบาย จะต้องหาคนด่าสักหน่อย” เฉินหลิวหลิ่วพูดอย่างตรงไปตรงมา

จื่ออันเผยยิ้มขึ้นมา นางชอบหญิงสาวที่ตรงไปตรงมาอย่างนี้

เฉินหลิวหลิ่วยังกล่าว ” เจ้าระวังเซี่ยหว่านเอ๋อและเซี่ยฟางเอ๋อสักหน่อย ทั้งสองคนนี้ร้ายกาจนัก ทุกครั้งข้ามักจะอยากปาของสกปรกใส่นาง! ”

จื่ออันเบิกตากว้าง “เจ้าพูดจริงรึ?”

เอ๊ะ เฉินหลิวหลิ่ว คุณหนูตระกูลเฉิน นางใช่มิใช่คนที่ซูชิงและมู่หรงเจี๋ยเอ่ยถึงงั้นรึ? คุณหนูตระกูลเฉิน? มิใช่มู่หรงเจี๋ยที่ให้เซียวท่าไปพบนางเพียงแค่ครั้งเดียวหรอกเหรอ

เซียวท่ากับนาง… ค่อนข้างมีอคติต่อกัน