ตอนที่ 676 ยุคแห่งการแสวงบุญได้เริ่มตื่นขึ้นแล้ว!

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

“…ฉันเคยเห็นความตายมามากเกินไปแล้ว ฉะนั้นฉันขอเลือกวิหารแห่งความลึกลับ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

“เช่นนั้น นับจากนี้ไป เจ้าคือผู้ศรัทธาในเทพแห่งความลึกลับ จงเร่งออกจากที่นี่ ไปยังโลกแห่งเขตสงครามของเทพ จากนั้นจงเข้าไปในวิหารแห่งความลึกลับ และใช้พลังของวิหาร จุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเสีย” กล่าวจบ ร่างมนุษย์แสงก็หายวับไป

ซางหยิงฮ่าวตะโกนด้วยความตื่นเต้น “คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะได้เจอโอกาสดีๆ อย่างการสามารถกลายเป็นเทพมาวางไว้ต่อหน้าแบบนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเร่งออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วไปจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซะแล้ว”

“พอฉันได้กลายเป็นเทพ ฉันก็จะตั้งฉายาตัวเองว่าเทพนักฆ่า ฮะฮ่า!”

ซางหยิงฮาวลุกโชนไปด้วยความหวัง แต่แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติรอบตัวเขา

หันไปมองรอบๆ จึงเห็นว่าตลอดทั้งถ้ำใต้ดิน สัตว์ป่าและมอนสเตอร์ทั้งหมด เบนสายตาออกจากร่างมนุษย์แสงตรงหน้า จ้องมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว

ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยหลากหลายห้วงอารมณ์ทั้งประหลาดใจ สับสน สงสัย และหวาดกลัว

ซางหยิงฮ่าวถูกจับจ้องเป็นสายตาเดียว

เขาก้าวถอยหลัง หัวเราะแห้งๆ “นี่พวกนาย ทำไมถึงได้มองฉันแบบนั้นกัน? หรือว่าฉันมาที่แล้วทำอะไรผิดไป?”

กิ้งก่าเกล็ดเขียวที่กำลังมองซางหยิงฮ่าว เอ่ยเสียงจม “ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะส่วนใหญ่ทุกตนต่างก็ประหลาดใจจนเกินไป เลยพากันหันมามองเจ้า”

“ใช่ เพราะหลังจากนี้ไป ข้ากลัวว่าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกนานเลย” เสือดาวกล่าว

“ทำไมกัน?” ซางหยิงฮ่าวไม่เข้าใจ

“เพราะโลกที่พวกเราอยู่ มันอยู่ทางเหนือตอนบนสุดของดินแดนชิงอำนาจน่ะสิ” ไฮยีน่าอธิบายอย่างอดทน

กิ้งก่าตนอื่นช่วยเสริม “แต่ว่านะ โลกเขตสงครามของเทพที่เจ้าต้องไปน่ะ มันเป็นโลกทางใต้ที่ได้รับการยอมรับว่าอยู่ด้านล่างสุดของดินแดนชิงอำนาจ

“ก็หมายความว่า…”

“หมายความว่าเจ้าจะต้องข้ามผ่านตลอดทั้งดินแดนชิงอำนาจ ข้ามผ่านไปทั้งโลกสองร้อยล้านชั้น ก่อนที่เจ้าจะไปถึงโลกเขตสงครามของเทพ”

ข้ามผ่านโลกสองร้อยล้านชั้น!

ซางหยิงฮ่าวแข็งค้าง

บรรดาเหล่าสัตว์ป่ายังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ พวกมันเอ่ยต่อ

“แม้ว่าจะมีสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกที่เรียกกันว่า ‘โลกมิติอนันต์’ อยู่ก็ตาม แต่พวกเราน่ะเป็นสัตว์ ดังนั้นจึงไม่มีสกุลเงินให้เจ้าหยิบยืมเพื่อเดินทางผ่านโลกมิติอนันต์หรอก”

“หยิงฮ่าว ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า อย่าว่าแต่เดินทางในกระแสมิติเลย แค่โลกของพวกเราเจ้าก็ไม่รอดแล้ว”

“เนื่องจากพวกมอนสเตอร์ในกระแสมิติมันไม่ใช่พวกกินพืช ดังนั้นถ้าเจ้าหลงเข้าไปละก็ พนันได้เลยว่าซากศพเจ้าคงจะไปติดอยู่ตามซอกฟันของพวกมันตัวใดตัวหนึ่งนั่นแหละ”

“กุ๊ๆ ตั้งสองร้อยล้านชั้นแน่ะ บางทีอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานแสนนานเลยก็ได้นะ เจ้าหนูหยิงฮ่าว”

ระหว่างบรรดาสัตว์กล่าว กลับได้ยินเพียงเสียง ‘ตุ๊บ’ เท่านั้น

เป็นขาของซางหยิงฮ่าวที่อ่อนเปลี้ย และล้มลงกับพื้น เมื่อมองไปยังใบหน้าโศกเศร้าของซางหยิงฮ่าว พวกสัตว์ป่าก็เริ่มเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย

แต่พวกมันก็มิได้พูดปลอบอะไรออกไป นั่นเพราะทางพวกมันเองก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน

…ใช่ พวกมันยังต้องเลือกศรัทธาของตนเอง และไปยังวิหารที่กำหนด

ไม่เพียงแต่ในโลกใบนี้เท่านั้น แต่หลายร้อยพันล้านโลก หลายร้อยพันล้านสิ่งมีชีวิตเอง ก็เตรียมที่จะออกเดินไปทางไปยังวิหารทั้งเจ็ดเช่นกัน

เพราะมีเฉพาะเพียงวิหารที่สอดคล้องกันกับศรัทธาของตนเองเท่านั้นจึงจะจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้!

มันคือหนทางเดียวสู่การเป็นกึ่งเทพ!

การแสวงบุญครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของดินแดนชิงอำนาจ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเงียบๆ

และในยุคถัดๆ ไป ช่วงเวลานี้ก็จักถูกขนานนามว่ายุคสมัยแห่งการแสวงบุญ!

ในโลกบางชั้น

ณ สถานที่แสนงดงามและรุ่งโรจน์

นี่คือสถานที่แห่งการตกผลึกจากทุกอารยธรรมของเผ่าพันธุ์ตลอดทั้งหมื่นโลกา โลกทั้งใบได้รับการพัฒนาในระดับสูง สิ่งประดิษฐ์และอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย ล้วนถูกผลิตขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ชนิดที่ว่าแม้แต่การมีชีวิตอมตะก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่ปัญหาที่ใหญ่หลวงที่สุดที่พวกเขากำลังพบเจอในตอนนี้ก็คือ อาจจะไม่มีใครสามารถรอดไปได้จนถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นอมตะเสียแล้ว

โลกใบนี้ คือโลกอารยธรรมของหอคอยสูง

ปรากฏให้เห็นถึงหอสูงทั้งเล็กใหญ่ตั้งตระหง่าน แต่ละหอสูงเปี่ยมไปด้วยทุกชนิดของการตกผลึกในด้านความรู้ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในบางประเภท

และที่สำคัญก็คือ มันยังเป็นหนึ่งในเจ็ดโลก ที่มีวิหารแห่งความรู้ตั้งอยู่

ช่วงเวลานี้ ภายในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในโลก

ผู้ครองนครรุ่นเยาว์ได้เดินทางไกลมายังที่นี่ และกำลังชั่งน้ำหนักบางสิ่งในมือ

เบื้องหน้าของเธอ ยังคงมีมนุษย์แสงลอยอยู่อย่างเงียบๆ

“เห็นได้ชัดว่าเรามีที่นี่ก็เพื่อต้องการเสริมแกร่งให้กับตนเอง โดยเลือกทำการแลกเปลี่ยนกับวิหารแห่งความรู้ ใครจะไปคิดกันว่ามันจะเกิดสิ่งนี้ขึ้น” เธอถอนหายใจ

“ฝ่าบาท นี่คงจะเป็นประสงค์ของทวยเทพ ที่อยากจะให้ท่านเข้าร่วมกับวิหารของเราในวันนี้” บิชอปกล่าว

“ไม่ล่ะ เรามาที่นี่ก็เพื่อทำการแลกเปลี่ยนเท่านั้น หากเราเข้าร่วม แล้วเรื่องการแลกเปลี่ยนเล่าจะทำอย่างไร?” ผู้ครองนครรุ่นเยาว์เอ่ยถาม

“หากเข้าร่วมกับวิหารของเรา ท่านอาจจะมีโอกาสได้ก้าวขึ้นสู่กึ่งเทพ กระทั่งเทพที่แท้จริงก็ยังเป็นได้!” บิชอปอีกคนหนึ่งพยายามโน้มน้าวอย่างจริงใจ

นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่บิชอปแสดงความจริงใจซื่อสัตย์ที่สุดในชีวิตของเขาออกมา บอกได้เลยว่ากระทั่งตอนที่สวดอธิษฐานต่อทวยเทพ เขาก็ยังไม่ทุ่มเทถึงขนาดนี้เลย

เพราะสุดท้ายแล้ว ตราบใดที่ตนสามารถเกลี้ยกล่อมราชินีรุ่นเยาว์ให้เข้าร่วมกับวิหารแห่งความรู้ได้ ตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไปก็คงไม่พ้นเงื้อมมือเขา!

“ลืมมันเถอะ เรามีหนทางเป็นของตัวเอง นอกจากนี้เผ่าพันธุ์ของเราก็ไม่เคยหวั่นเกรงปัญหาใดๆ ฉะนั้น เรื่องการจะได้กลายเป็นเทพวิญญาณอะไรนั่นจึงไม่นับว่าเป็นสิ่งใด” ราชินีรุ่นเยาว์ตอบกลับไป

ขณะกล่าว เธอก็เอื้อมมือล้วงเข้าไปในอากาศที่ว่างเปล่า

และเพียงไม่นาน ก้อนอัญมณีที่สาดแสงเงางามก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ

“อืม…อัญมณีคุณภาพสูงไม่เลว พวกเจ้าต้องการสิ่งนี้หรือไม่?” ราชินีถาม

บิชอปทั้งสองแทบลืมหายใจ พวกเขาเริ่มทำการตรวจสอบ สังเกตอัญมณีอย่างรอบคอบ

ต้นกำเนิดอัญมณีเบื้องหน้านี้ มันประกอบไปด้วยแก่นแท้สำคัญของพลังธาตุ ด้วยขนาดเพียงเล็บมือ ก็เพียงพอต่อการดำเนินกิจการของเมืองทั้งเมืองได้เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 1 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม อัญมณีที่อยู่ในมือขององค์ราชินี กลับมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับกำปั้น…

ในหัวใจของทั้งสองเต้นครึกโครม กลืนน้ำลายอึกๆ ด้วยความประหม่า

สองบิชอปกำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็ดันถูกหญิงในชุดเกราะรบขัดเสียก่อน

หญิงในเกราะรบกล่าว “สิ่งนี้ไม่สมควรจะขาย เพราะในการเคลื่อนย้ายมิติในโลกของพวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้อัญมณีนี้เช่นกัน ตราบใดที่มีมัน อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยเปลี่ยนอุปกรณ์พลังงานของข่ายอาคมอำพรางในทุกๆ วัน”

“ว้าว มันสะดวกขนาดนั้นเชียวหรือ ก็ได้ งั้นไม่ขายแล้ว” ราชินีกล่าว

เธอโยนอัญมณีขนาดเท่ากำปั้นไปทางหญิงในชุดเกราะ ปากเอ่ยสั่ง “อีเลีย ด้วยสิ่งนี้เจ้าก็ไม่น่าจะต้องมามัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ตัวเราจะรู้ตื่นขึ้นมาก็จริง แต่ความแข็งแกร่งของเรายังอ่อนด้อยนัก มันยังไม่เพียงพอต่อกระบวนการเคลื่อนย้ายผ่านโลก หากเกิดปัญหาขึ้นมา พลังของเราสามารถช่วยเหลือได้เพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น ขณะที่คนอื่นๆ คงมิแคล้วถูกกลืนลงในปากมอนสเตอร์มิติ”

“น้อมรับคำสั่ง ฝ่าบาทลอร่า ทางเราจะใช้มัน และตระเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม” อีเลียตอบรับ

ลอร่าพยักหน้าด้วยความพอใจ

เธอหันกลับมามองสองบิชอปประจำวิหารแห่งความรู้อีกครั้ง กล่าวด้วยความเสียใจ “ต้องขออภัยจริงๆ สิ่งนี้ไม่สามารถขายได้”

“แต่ว่านะ ถ้าเป็นก้อนที่เล็กกว่าละก็…”

เด็กสาวเอื้อมมือล้วงเข้าไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง และสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

“เอ๊ะ? นี่มันช่างบังเอิญเสียจริง!”

สีหน้าของลอร่าเผยถึงความประหลาดใจ เด็กสาวดึงบางสิ่งบางอย่างออกมาจากในความว่างเปล่าอีกครั้ง

…และมันยังคงเป็นอัญมณีที่มีลักษณะเหมือนกันกับก้อนเดิม ทว่าคราวนี้กลับมีขนาดใหญ่กว่าถึงสองเท่า!

ดวงตาของบิชอปทั้งสองจ้องมันจนแทบจะถลน!

ภายนอกอาณาเขตหน้าใหม่

ท่ามกลางกระแสมิติอันเชี่ยวกราก

กู่ฉิงซานเฝ้ามองมนุษย์แสงเบื้องหน้า ก่อนจะสลับไปมองมอนสเตอร์มิติที่อยู่รอบๆ

“หากฉันกลายเป็นผู้ศรัทธา ฉันจะสามารถแก้ปัญหาในปัจจุบันนี้ได้หรือเปล่า?” เขาถาม

เพราะรอบตัวเขา เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มิติ แต่บัดนี้พวกมันถูกหยุดไว้ด้วยร่างของมนุษย์แสง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอีกไม่นานการหยุดชะงักนี้ก็จะจบลง เพราะร่างมนุษย์แสงจะอยู่อีกแค่สามนาทีเท่านั้น แล้วเมื่อเวลามาถึง เขาก็จะตกลงสู่อันตรายอย่างแท้จริง

มนุษย์แสงเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามของกู่ฉิงซาน

“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สินะ” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

มนุษย์แสงเอ่ยปาก “หากเจ้ากลายเป็นผู้ศรัทธา ข้าก็ยินดีตอบคำถามให้”

“ท่านเป็นเพียงแค่กฎเกณฑ์ที่ฉายออกมาไม่ใช่หรือ? แค่คำตอบเล็กๆ น้อยๆ นี่จะตอบให้หน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”

“ … ”

“เอาเถอะ ก็ได้ งั้นฉันขอเลือกเป็นผู้ศรัทธาในวิหารแห่งชีวิตก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานปัดรำคาญ

มนุษย์แสง “เช่นนั้น นับจากนี้ไป เจ้าคือผู้ศรัทธาในเทพแห่งชีวิต จงเร่งออกจากที่นี่ไปยังโลกแห่งหมื่นพงไพรจากนั้นจงเข้าไปในวิหารแห่งชีวิต และใช้พลังของวิหาร จุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเสีย”

กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าว “งั้นตอนนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ศรัทธาในเทพแล้วใช่ไหม ดังนั้น ได้โปรดบอกวิธีการที่ฉันจะสามารถรอดจากสถานการณ์ในตอนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยด้วยเถอะ”

มนุษย์แสงตอบ “หากไม่มีความช่วยเหลือจากยานพาหนะและเครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้ในการซ่อนตัวแล้วละก็ มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเดินทางข้ามผ่านกระแสมิติอันเชี่ยวกรากภายในดินแดนชิงอำนาจได้อย่างปลอดภัย แม้ว่ามอนสเตอร์มิติที่อยู่ใกล้เคียงกับเจ้าในตอนนี้มันจะมิได้แข็งแกร่งนักก็ตามที แต่โปรดจงระลึกอยู่เสมอว่าท่ามกลางกระแสมิติ ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งพิเศษไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์บางตนนั้นเทียบเท่าได้กับกึ่งเทพ บางทีก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า”

กู่ฉิงซานรับฟัง เอ่ยในสิ่งที่คิด “หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ถ้าฉันเปิดเผยตนว่าอยู่เพียงลำพังในกระแสมิตินี้ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะตกตายถูกต้องไหม?”

“เจ้าเข้าใจได้ถูกต้องเกี่ยวกับคำตอบนี้ และจงจดจำไว้ให้ดี ว่าห้ามแพร่งพรายคำตอบออกไป” มนุษย์แสงย้ำเตือน

และมันก็กำลังจะจากไป แต่กลับเห็นแค่เพียงชายที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามถอนหายใจและพึมพำออกมาเสียก่อน “ถ้างั้น เข้าร่วมกับวิหารของท่านไปมันก็ไม่สามารถช่วยข้ามผ่านกระแสมิติอันเชี่ยวกรากได้อย่างอิสระอยู่ดีน่ะสิ เฮ้อ เทพวิญญาณช่างอ่อนแอเสียจริงๆ”

ว่าจบ ชายคนนั้นก็ตบหน้าผากตัวเอง และตัดสินใจว่า “ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ถ้างั้นฉันขอถอนตัวจากการเป็นผู้ศรัทธาวิหารก็แล้วกัน!”

เขาเงยหน้าขึ้นมองมนุษย์แสง “แน่นอน ฉันจำได้ดีว่าบทลงโทษสำหรับการถอนตัวจากทวยเทพน่ะมีอยู่สองข้อ ข้อแรกคือไม่สามารถกลายเป็นผู้ศรัทธาได้อีกต่อไป ส่วนข้อที่สองคือถูกปฏิเสธโดยเทพทั้งเจ็ดใช่ไหม?”

มนุษย์แสงลังเลอยู่นานก่อนจะตอบ “ปกติแล้วข้าจะตอบเพียงคำถามเดียวแก่เจ้าเท่านั้น แต่ในเมื่อเจ้าจะถอนตัวทันทีที่เข้าร่วม และคำถามนี้ก็เกี่ยวข้องกับความศรัทธาโดยตรง ฉะนั้นข้าจึงจะขอตอบเจ้าว่า ใช่!”

“หากเจ้าถอนตัวออกจากทางคริสตจักร ตลอดทั้งชีวิตเจ้าจะไม่ได้รับคำสอนจากทวยเทพอีกเลย และเจ้าจะถูกปฏิเสธโดยเทพวิญญาณทั้งเจ็ด ผลพวงที่ตามมาคือ หากเจ้าตาย จิตวิญญาณของเจ้าจักต้องล่องลอยในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดไปตลอดกาล”

มนุษย์แสงกล่าวจบ มันก็เฝ้ามองชายตรงหน้าอย่างใกล้ชิด

ทว่ากลับเห็นแค่เพียงสีหน้าแสดงออกถึงความพอใจและกล่าว “ตามนั้นเลย ฉันขอถอนตัว”

“การกระทำดั่งถ่มน้ำลายใส่กันเช่นนี้ เจ้าไม่เกรงกลัวในเทพทั้งเจ็ดเลยกระนั้นหรือ?” มนุษย์แสงเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานหรี่สองตาแคบลง สวนกลับไป “จะกลัวไปทำไม ไม่ใช่ว่าพวกเขาตายไปแล้วหรอกหรือ? หรือว่าแท้จริงแล้วยังไม่ตาย แต่แกล้งโกหกไปอย่างนั้นกันแน่?”

“…” มนุษย์แสง

………………………………….