บทที่ 211 ฉินมู่เยือนชายแดนร้างดินแดนลับแห่งแรกในแดนนิรันดร์!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 211 ฉินมู่เยือนชายแดนร้างดินแดนลับแห่งแรกในแดนนิรันดร์!

PS: จากนี้ไปดินแดนแห่งความมืดจะถูกเรียกว่าแดนทมิฬ นะครับก่อนหน้านี้ไม่ได้ตั้งชื่อไว้

ในโองการ ถูกจารึกไว้ด้วยความประสงค์ของราชันอมตะต่างพิภพ

สําหรับเนื้อหาของโองการ พูดง่ายๆก็คือ

เหล่าราชันอมตะจะนําราชันผู้กําแหงจากแดนทมิฬมาแลกเปลี่ยนวิชากับผู้เยาว์ในแดนนิรันดร์

ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็จะไร้ซึ่งความอาฆาตพยาบาท!

“แลกเปลี่ยนวิชาระหว่างกัน ไม่สนว่าจะเป็นหรือตายอ่าช่างไร้ซึ่งความอาฆาตเสียจริง”ราชันเฉียนประชดประชัน

สิ่งที่เรียกว่าการแลกเปลี่ยนวิชาไม่มีอะไรนอกเสียจากใช้โอกาสเพื่อแสดงพละกําลังภายใต้

ชื่อของการแลกเปลี่ยนวิชา

ถ้าแดนนิรันดร์เป็นฝ่ายแพ้ มันยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ว่ามันจะเสียหายเพียงใด

เกรงว่าผู้เยาว์แห่งแดนนิรันดร์ทั้งหมดจะตกตะลึงและใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวต่อแดนทมิฬ

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนวิชาเท่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่ราชันเซียนนิรันดร์โบราณสองคนที่ไม่ได้ปรากฏมาเป็นเวลานานจะมารวมตัวกัน

เหตุผลที่แท้จริงที่ราชันเฉียนและราชันดอกบัวมาที่นี่นั้นเป็นเพราะเนื้อหาอีกอย่างหนึ่งจากโองการของราชันอมตะแดนทมิฬ

ราชันอมตะหลายตนกําลังจะข้ามพรมแดน!

ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการมีอยู่ของแม่น้ำชายแดนร้าง แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันเล็กๆน้อยๆ

อยู่หลายครั้งจากชายแดนของแดนทมิฬ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการต่อสู้ของของคนทั่วไป มีเพียง

ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เซียนนิรันดร์สองสามคนจะถูกส่งไปร่วมการต่อสู้

(ขอแจ้งให้ทราบว่า เขตแดนเซียนต่างพิภพ(ทมิฬ)=เขตแดนเซียนนิรันดร์ที่แท้จริง เขตแดน

ราชันบรรพบุรุษต่างพิภพ(ทมิฬ)=เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ ต่างตรงเป็นค่าเรียกชื่อระดับของ แดนทมิฬ ส่วนจะเรียกว่า ต่างพิภพ หรือทมิฬ นั่นก็ขึ้นกับภาษาจีนจะเรียกมานะครับ ราชันอมตะ จะเป็นค่าเรียกขานถึงราชันบรรพบุรุษทมิฬ ไม่ใช่ระดับ)

เขตแดนราชันบรรพบุรุษต่างแดน เช่นเดียวกับราชันเซียนนิรันดร์แห่งแดนนิรันดร์ พวกเขาคือ เสาหลักของพิภพและจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ง่ายๆ แต่เมื่อถูกส่งออกไป นั่นหมายถึงพวกเขากําลัง

แสดงถึงเจตจํานงของพิภพ!

นอกจากนี้ เนื่องจากการมีอยู่ของแม่น้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวตนอย่างราชันบรรพบุรุษ ทมิฬ(ต่างพิภพ)จะฝ่าแม่น้ำนี้

แต่ตอนนี้โองการจากแดนทมิฬบอกว่าราชันบรรพบุรุษต่างพิภพกําลังมาและจะมีมากกว่าหนึ่ง

สิ่งนี้เป็นเหตุที่ราชันเซียนนิรันดร์แห่งแดนนิรันดร์ให้ความสําคัญอย่างจริงจัง

“ข้าตรวจสอบแล้ว แม่น้ำยังคงแข็งแรงอยู่ แม้แต่ราชันเซียนนิรันดร์ที่แข็งแกร่งก็ยากที่จะสั่น

คลอนมันได้เลย

แล้วนี่เป็นเรื่องจริงรึ?หรือเป็นเพียงกลลวงจากแดนทมิฬ?”

ราชันเฉียนสับสน

ทันทีที่เขาทราบเรื่องเขาก็ไปที่แม่น้ำชายแดนร้างเพื่อตรวจสอบ

แม่น้ำที่แบ่งแยกสองพิภพยังคงมั่นคงเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ที่แข็งแกร่งไม่อาจผ่านได้

อย่างมากที่สุดก็ผ่านได้เพียงรังสีแห่งเจตจํานงเท่านั้น

ส่วนร่างจริงนั้นมาไม่ได้โดยเด็ดขาด

“บางทีอาจเป็นเพียงเจตจํานงของราชันอมตะที่จะมาแต่ความเป็นไปได้อื่นๆ ไม่อาจตัดออกไปได้

แดนทมิฬดินแดนมีต้นกําเนิดที่ลึกลับขุมทรัพย์นั้นไร้ที่สิ้นสุด บางทีอาจจะมีสมบัติบางอย่างที่สามารถสะกดข่มแม่น้ำชายแดนร้าง

การต่อสู้ในอดีตข้าได้รับความสูญเสียจากการพ่ายแพ้”

ราชันดอกบัวส่ายหน้าช้าๆ

ด่านจอมจักรพรรดิชายแดนร้างเป็นแนวป้องกันที่สําคัญที่สุดทั่วทั้งแดนนิรันดร์

หลายสิบยุคสมัยก่อน มักจะมียอดฝีมือเซียนนิรันดร์ประจําการอยู่ที่ชายแดนร้างและหมุนเวียนทุกๆยุคสมัย

เนื่องจากการมีอยู่ของชายแดนร้างจอมยุทธ์เซียนนิรันดร์แห่งแดนนิรันดร์จึงไม่ได้ถือเอาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

แต่ต่อมา เมื่อตอนที่ราชันดอกบัวกําลังปกปักษ์ชายแดนร้าง แม่น้ำชายแดนร้างที่เคียงข้าง

แดนนิรันดร์ก็ได้เปิดออกอย่างกะทันหันแม้ว่าไม่มีราชันอมตะข้ามพรมแดน แต่ก็มีการโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งจากราชันอมตะที่มารวมกัน ราวกับมีการนัดแนะกันเพื่อที่จะร่วมมือกันโจมตีราชันดอกบัว!

มันเป็นการรวมพลังกันของราชันบรรพบุรุษต่างพิภพหลายคนแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ

แต่มันก็ฉับพลันเกินไปแม้ว่าราชันดอกบัวจะพยายามต้านทานอย่างสุดความสามารถแต่เขาก็ยัง

ได้รับบาดเจ็บในวิถีแห่งเต๋าที่ไม่อาจรักษาได้

ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีราชันเซียนนิรันดร์ประจําการด้านข้างชายแดนร้างแล้วและเลือกที่จะอยู่ตรงกลางแดนนิรันดร์

ประจําการข้างชายแดนร้างเป็นเพียงแต่โอกาสให้คู่ต่อสู้เอาชนะเท่านั้นถอยกลับไปก็จะยังมีเวลาเพียงพอที่จะตอบสนอง

“ในครั้งนี้ข้าได้เรียกตัวราชันผู้กําแหงเผ่ามนุษย์ทั้งหมดในอาณาเขตเฉียนมาด้วยเหตุผลนี้ในตอนนี้แดนทมิฬได้เคลื่อนไหวแล้ว หากพวกเรายังนิ่งเฉยพวกเราจะสูญเสียโอกาสของตนเอง”

ราชันเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม

คราครั้งนี้ สาเหตุที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือเขตแดนสูงสุดแห่งอาณาเขตเฉียนได้รับประกาศิตเฉียนหวงแน่นอนว่าเนื่องจากเป็นการเรียกตัวจากราชันเฉียน

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชันกันระหว่างสองพิภพ

แดนทมิฬได้ลงมือแล้วหากแดนนิรันดร์ยังล่าถอยต่อไป ย่อมจะทําลายขวัญกําลังใจอย่างมากแน่นอน

นอกจากนี้ แม้ว่าชายแดนร้างจะมีสงครามอย่างต่อเนื่อง แต่แดนนิรันดร์ทั้งหมดนั้นก็สงบสุขมานานเกินไป

ราชันเฉียนจึงอยากจะใช้โอกาสนี้ปลุกสิ่งมีชีวิตแดนนิรันดร์ทั้งหมด

เตือนพวกเขาว่าแดนนิรันดร์ยังคงมีศัตรูตัวฉกาจที่ยังมีชีวิตอยู่ และมันยังไม่ถึงเวลาที่จะลดการป้องกันลง!

“การเดินทางไปด่านจอมจักรพรรดิในครั้งนี้ ข้าจะร่วมไปกับสหายราชันเฉียนด้วย”

ราชันดอกบัวพูดช้าๆ

“แต่ อาการบาดเจ็บของเจ้า…”

ราชันเฉียนกําลังจะปฏิเสธ แต่ก็ถูกขัดด้วยการโบกมือของราชันดอกบัว

“อาการบาดเจ็บของข้ามีแต่จะแย่ลง เจ้าลืมไปแล้วรีว่าข้าได้รับบาดเจ็บมาอย่างไร?ข้าเกรงว่าหากเจ้าไปคนเดียว เจ้าก็คงตกหลุมพรางของแดนทมิฬ

ข้าจะไปกับเจ้า แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกต่อไป แต่ก็ยังสามารถช่วยเจ้าได้บ้างอย่างที่เจ้าพูด แดนนิรันดร์ของเราจะเสียราชันเซียนนิรันดร์อีกไปไม่ได้แล้ว”

ราชันดอกบัวถอนหายใจ

ราชันเฉียนและราชันดอกบัวกําลังหารือกันอย่างเงียบๆ

แต่พวกเขาหาได้รู้ไม่ว่าเนื้อหาในการสนทนานั้นถูกบุคคลอื่นฟังอยู่

บุคคลนี้แน่นอนว่าคือฉินมู่

หลังจากฟังการสนทนาของราชันเฉียนและราชันดอกบัวและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วฉินมู่ก็มีสีหน้าครุ่นคิด

ในทันใดนั้น เขาก็ได้ออกจากเมืองเฉียนหวงและกลับไปยังเส้นทางประวัติศาสตร์ที่กําหนดโดยแดนนิรันดร์

หลังจากรู้ทุกอย่างแล้วเขาก็พร้อมที่จะเริ่มจัดเตรียม

ถึงจุดนี้ ฉินมู่ก็มีแผนในหัวสําหรับดินแดนลับถัดไปแล้ว!