ตอนที่ 138 เย่หมิงเป่ยอยู่ที่เมืองหลวง (2)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

แม้เย่หมิงเป่ยจะไม่เคยเห็นการขายเสื้อผ้าแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา

เขามองชุดตัวนั้น ก่อนจะกล่าวอย่างลังเลว่า “ภรรยา ผมมีเสื้อผ้าแล้ว ไม่ต้องซื้อหรอกมั้ง?”

ชุดตัวนี้แค่เห็นก็ดูเป็นทางการอย่างมาก อีกอย่างเขาก็ไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน

โจวหมิ่นมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ว่าคุณเอาชุดมา แต่ชุดพวกนั้นเป็นชุดลำลองทั้งหมด ไม่เหมือนกับตัวนี้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฟังฉันก็พอ พี่สาวคะ ที่นี่มีห้องลองชุดใช่ไหม?”

“มีค่ะ ทางนี้ค่ะ” พนักงานขายรีบชี้บอกหล่อน

“ไปค่ะ ไปลองกัน” โจวหมิ่นพาเย่หมิงเป่ยเดินเข้ามาพลางกล่าว

เย่หมิงเป่ยพูดเสียงเบา “ภรรยา คุณจะซื้อจริง ๆ เหรอ?”

โจวหมิ่นเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้มพลางกระซิบบอก “ซื้อสิคะ ฉันอยากเห็นคุณใส่ชุดสูท ฉันอยากถูกดึงดูดด้วยชุดเครื่องแบบ”

แม้เย่หมิงเป่ยจะไม่รู้ว่าอะไรคือการถูกดึงดูดด้วยชุดเครื่องแบบ แต่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เกิดมามีความเข้าใจด้านนี้อยู่แล้ว

อีกอย่างภรรยาก็พูดคลุมเครือแบบนั้น เย่หมิงเป่ยจึงยิ้มและลองใส่ดู

ชุดสูทเป็นแบบแขนเปิดที่มีกระดุมหนึ่งหรือสองเม็ด ใส่คู่กับเนคไทกับเสื้อเชิ้ตสีขาว นอกจากนี้เย่หมิงเป่ยยังสวมชุดแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายที่ทำด้วยมือด้านใน มีกระดุมที่เป็นเหมือนกับตุ่มลูกคิด ดูไปแล้วก็แอบขัดกันอยู่นิดหน่อย

พนักงานขายผู้หญิงกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้ชาย ชุดตัวนี้คุณใส่แล้วเหมาะกับคุณจริง ๆ ค่ะ”

เย่หมิงเป่ย “…”

เดิมทีเขาคิดว่าน้องเขยเป็นคนที่สามารถโกหกอย่างไร้ยางอายแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่นี่ก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน

เย่หมิงเป่ยมองออก โจวหมิ่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง สำหรับคำพูดของพนักงานขายคนนี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเป็นคำพูดไม่จริงใจ

แต่การพูดโกหกอย่างไร้ยางอายก็เป็นทักษะจำเป็นของพนักงานขาย นอกจากนี้ภายในใจของสาวน้อยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ก็ไม่อาจรู้ได้ ภายนอกไม่ได้มีท่าทีว่าดูถูกเย่หมิงเป่ย แต่ยังแสดงออกมาด้วยความจริงใจแบบนั้น นับว่าเป็นคนมีพรสวรรค์

“ดูเหมือนว่าสามีของฉันจะไม่เหมาะกับชุดสูทน่ะค่ะ ที่นี่มีชุดแบบจงซาน[1] ไหมคะ?” โจวหมิ่นเอ่ยถาม

เย่หมิงเป่ยได้ยินภรรยาบอกว่าชุดสูทไม่เหมาะกับเขา แม้จะแอบรู้สึกโล่งอกเพราะชุดนี้ราคาแพงเกินไป แต่ก็แอบรู้สึกหดหู่เล็ก ๆ เขาเองก็อยากสวมใส่ด้วยชุดที่ดูดีสักหน่อย เพื่อให้ภรรยาของเขามองแบบไม่ละสายตา

“มีค่ะ ที่นี่เรามีชุดทุกแบบเลย!” พนักงานขายแนะนำอย่างกระตือรือร้นอีกครั้ง

โจวหมิ่นเลือกชุดไปพลาง ถามพนักงานหญิงไปพลางว่านี่เป็นร้านของหล่อนเอง หรือว่ามาขายให้คนอื่น?

“หน้าร้านแบบนี้ฉันจะมีปัญญาเปิดได้ยังไงกันล่ะคะ? ฉันมาขายให้เขาค่ะ” พนักงานขายหญิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คุณทุ่มเทมากเลยนะคะ ทัศนคติในการบริการก็ดีมากเลย” โจวหมิ่นกล่าว

“เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำอยู่แล้วค่ะ” พนักงานขายหญิงแย้มยิ้มกล่าว หากบริการไม่ดีเถ้าแก่ก็จะเปลี่ยนคน คนที่ทำงานก่อนหน้าหล่อนเป็นพนักงานขายอารมณ์ร้าย ดังนั้นจึงถูกเปลี่ยนมาเป็นหล่อนแทน!

เย่หมิงเป่ยฟังภรรยาคุยกับอีกฝ่ายอย่างคุ้นเคยอยู่ข้าง ๆ อย่ามองว่าโจวหมิ่นคุยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพราะถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังคงหยิบเลือกชุดอยู่

ยังดีที่ท้ายที่สุดก็ซื้อเสื้อมา ถ้าไม่ซื้อ เย่หมิงเป่ยเองก็คงรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก

“ยังมีอะไรต้องรู้สึกไม่ดีอีกคะ ซื้อขายอย่างอิสระ ชอบก็ซื้อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ เงินของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่ลมพัดเข้ามาสักหน่อย นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมา หน้าก็เลยบาง ซื้อเยอะ ๆ เดี๋ยวจะคุ้นชินไปเองค่ะ” โจวหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย

เย่หมิงเป่ยเอ่ยถาม “ภรรยา คุณจะซื้อของคุณไหม?”

“ฉันไม่ซื้อหรอกค่ะ เสื้อของฉันมีมากขนาดไหนใช่ว่าคุณจะไม่รู้สักหน่อย” โจวหมิ่นกล่าว “ไปเถอะ พวกเราไปดูทางนั้นกัน” หล่อนดึงเขาให้ไปด้านหน้าเคาน์เตอร์ขายเสื้อกันหนาว ยังคงเป็นเสื้อกันหนาวผู้ชาย

เดิน ๆ หยุด ๆ อยู่ครู่ใหญ่ ถุงในมือของเย่หมิงเป่ยก็มากขึ้นเรื่อย ๆ

“ภรรยา น่าจะพอได้แล้วนะ? ผมรู้สึกว่าเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ผมคงใส่ไม่หมดหรอก” ของทั้งหมดที่ซื้อให้เขา ทำให้เย่หมิงเป่ยพูดด้วยสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

โจวหมิ่นมองของในถุง หล่อนคำนวณครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ค่ะ พวกเราไปกินข้าวกัน จริงสิ หมิงเป่ย คุณมานี่!”

โจวหมิ่นเห็นอะไรบางอย่าง หล่อนจึงดึงเขาไปด้านหน้าเคาน์เตอร์แห่งหนึ่ง

ที่นี่ขายชุดของผู้หญิง ทุกชุดเป็นชุดกระโปรงทั้งหมด และเป็นชุดไหมพรมถัก นอกจากนี้ยังเป็นผ้าถักเพิ่มด้วยลูกไม้ มีแบบครึ่งตัว ทั้งตัว ชุดเดรส มีหลากหลายรูปแบบทีเดียว

“หมิงเป่ย คุณดูชุดนั้นค่ะ เห็นหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง?” โจวหมิ่นชี้ให้เขาดูด้วยรอยยิ้ม

เย่หมิงเป่ยเห็นแล้ว เขารู้สึกว่าสวยมาก จึงกล่าวว่า “ภรรยา คุณชอบเหรอ? ถ้าชอบก็ซื้อเลยครับ!”

“เปล่าหรอก ชุดตัวนั้นคุณรู้หรือเปล่าคะว่าใครเป็นคนออกแบบ?” โจวหมิ่นมองเขาด้วยรอยยิ้ม

เย่หมิงเป่ยถาม “อย่าบอกนะว่าภรรยาเป็นคนออกแบบ?”

โจวหมิ่นกลอกตาใส่เขาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันมีความสามารถแบบนี้ก็คงจะดี นี่ไม่ใช่ชุดที่ฉันออกแบบ ฉูฉู่ออกแบบต่างหากล่ะคะ”

เย่หมิงเป่ยรู้สึกสับสนไปในทันที ฉูฉู่…เป็นคนออกแบบ?

‘ฉูฉู่’ น้องสาวของเขาเนี่ยนะ?

ในเวลานี้พนักงานขายก็เดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิงตาถึงมากจริง ๆ ค่ะ ชุดตัวนี้เป็นแบบที่นิยมมากที่สุดในฤดูใบไม้ผลิปีนี้เลยนะคะ อีกอย่างชุดตัวนี้ก็เป็นชุดประยุกต์ นี่เป็นชุดตัวอย่างเท่านั้น ถ้าคุณต้องการก็ให้ทิ้งขนาดสัดส่วนของคุณไว้ พวกเราจะติดต่อกับโรงงานให้ หลังจากนั้นจะรีบผลิตออกมาให้คุณโดยเร็วที่สุด ใช้เวลารอสองสามวันค่ะ”

โจวหมิ่นเจรจาต่อรองกับพนักงานขาย จากนั้นก็แจ้งสัดส่วนของน้องสามี หลังจากจ่ายเงินมัดจำแล้ว โจวหมิ่นก็รับใบเสร็จและพาเย่หมิงเป่ยไปรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหารบนชั้นห้า

“ภรรยา เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นชุดที่ฉูฉู่ออกแบบเหรอ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” เย่หมิงเป่ยกล่าว

โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าฉูฉู่วาดชุดออกมาสวยมาก ฉันก็ทำออกมาตามแบบของหล่อนสองสามชุด คุณเองก็เห็นแล้วว่ามันถูกแขวนขายอยู่ตรงนั้น”

เย่หมิงเป่ยแอบตกตะลึง “ฉูฉู่…ออกแบบเสื้อผ้าเป็นจริง ๆ เหรอ?”

เขาเองก็คิดแบบเดียวกับเหวินเทา ต่างก็คิดว่าภรรยาของเขาเพียงแค่ปลอบใจน้องสาวเท่านั้น แม้แต่การเข้าไปในอำเภอ ฉูฉู่ก็ไปแทบนับครั้งได้ จะวาดรูปเสื้อผ้าที่ดูดีออกมาได้อย่างไรกัน?

“ยังจะโกหกอีกเหรอคะ? ฉูฉู่เป็นคนมีพรสวรรค์มากเลยนะ” โจวหมิ่นกล่าว “ด้านการออกแบบเสื้อผ้า ฉูฉู่เก่งกว่าฉันอีก รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปดูชุดอื่น ๆ ที่หล่อนออกแบบ แต่ตอนนี้พวกเราต้องกินข้าวกันก่อน”

เย่หมิงเป่ยรับประทานอาหารมื้อนี้ด้วยท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย

เสื้อที่น้องสาวของเขาออกแบบแขวนดึงดูดผู้ชมแบบนี้อยู่ที่นี่ ทำให้เขาที่เป็นพี่ชายมีความสุข ทั้งยังมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขนาดฉูฉู่ที่เดินทางไปในอำเภอน้อยครั้งมากยังออกแบบชุดที่ดูดีแบบนี้ออกมาได้ เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็คงแตกต่างจากหล่อนไม่มากเท่าไรนักถูกไหม?

ถ้าเย่ฉูฉู่รู้ เธอคงยิ้มเยาะแสดงออกว่า : สมกับเป็นพี่ชายแท้ ๆ ประเมินเธอได้สูงจริง ๆ!

ด้วยความที่เป็นวันหยุดที่หาได้ยาก ทั้งคู่ย่อมต้องเดินให้เยอะ ๆ

ตอนเช้าซื้อเสื้อผ้า พอตอนบ่ายโจวหมิ่นก็พาเขาไปเดินเที่ยว ดูหนัง รับประทานอาหารค่ำด้านนอกและกลับบ้าน

โจวหมิ่นรู้สึกเหนื่อยแล้ว หล่อนเอนตัวนอนบนเตียงพูดกับเขาด้วยท่าทางง่วงงุน “หมิงเป่ย รีบนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปสถานที่หนึ่ง”

เย่หมิงเป่ยยิ้ม “ตกลงครับ”

วันรุ่งขึ้นโจวหมิ่นก็พาเย่หมิงเป่ยมายังโรงงานขนาดเล็กที่หล่อนผลิตชุด

ตอนแรกโจวหมิ่นตัดเย็บชุดตามขนาดตัวของตัวเอง ตัดเย็บด้วยจักรเย็บผ้าของเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในพื้นที่ และยึดตัวเองเป็นแบบ

ในยุคนี้คนจำนวนมากต่างก็ตัดเย็บชุดของตัวเอง หรือไม่ก็ดัดแปลงจากชุดเก่า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติมาก ด้วยความที่โจวหมิ่นมีวิสัยทัศน์เรื่องยุคสมัยที่ก้าวไกล หล่อนจึงตัดเย็บชุดออกมาได้ทันสมัยและสวยงามมาก ดึงดูดเด็กสาวที่รักสวยรักงามจนแต่ละคนต่างก็ทยอยกันเข้ามาขอให้หล่อนสอน แต่โจวหมิ่นไม่ต้องการเป็นที่สนใจ หล่อนเพียงต้องการขายงานออกแบบของหล่อนเท่านั้น

………………………………………………………………………………………………………………………

[1] ชุดจงซาน (中山装) ชุดแบบดร. (ซุน) ยัดเซ็น เป็นเสื้อคอปกตั้ง กระดุม 5-7 เม็ด มีกระเป๋า 4 ใบ ทั้งบนล่างซ้ายขวา กระเป๋าล่างขยายได้สามารถใส่หนังสือหรือสิ่งของได้ตามใจชอบ ส่วนกางเกงผ่าด้านหน้ามีกระดุมลับ ด้านข้างซ้ายขวามีกระเป๋าลับ และจับจีบที่เอว

 (ภาพจาก https://shop.33360.com/gsawuxifeish/pro_427217.html)

สารจากผู้แปล

งานออกแบบของฉูฉู่ไปไกลถึงเมืองหลวงแล้วค่ะ น่าภูมิใจในความก้าวหน้าของน้องจริงๆ

ไหหม่า(海馬)