บทที่ 268 เชื่อฟังอย่างอ่อนน้อม

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 268 เชื่อฟังอย่างอ่อนน้อม
  ซูซูหัวเราะแล้วพูดว่า:“พี่หม่า ต่อไปพวกเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องถ่อมตนขนาดนั้น เรียกฉันว่าซูซูก็ได้”

  “เมื่อก่อนแม่ของฉันพูดไม่หยุด ไม่ยอมมีพี่น้องให้ฉัน ทำให้ฉันโดดเดี่ยว”

  “อันที่จริงแล้วเธอรู้สึกว่า ฉันมักจะโกรธอยู่บ่อยๆ เธอจึงอยากหาของมาทดแทน”

  “พี่หม่า ฉันชอบเสี่ยวเซวี่ยมาก อยากจะพากลับไปด้วย พาไปให้แม่ฉันดู”

  “หากว่าเสี่ยวเซวี่ยชอบล่ะก็ ฉันก็จะให้เธออยู่ที่นั่น ให้ดูแลแม่ฉัน”

  “พี่คิดว่ายังไง?”

หม่าหงเทาอ้าปากกว้าง

เมื่อได้ฟังความหมายของซูซู หมายความว่าเธอรับเป็นน้องสาวบุญธรรม

อีกทั้ง อยากจะให้หม่าเซวี่ย ไปรับต่อหน้าแม่ของเธอด้วย

ฉินก็คิดว่า ความคิดนี้ไม่เลวเลย อีกไม่นานหยางยู่หลันจะต้องย้ายออกไปอยู่เอง จะได้ไม่ต้องเหงา

ถ้าหากว่าให้ข้างๆ กายของเธอมีลูกสาวบุญธรรมแบบหม่าเซวี่ยเพิ่มมาอีกคน ก็คงจะดีมาก

  “พี่หม่า สถานที่ฉันพักชื่อว่าอุทยานมังกร”

  “มีพื้นที่แม้ว่าจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีอยู่สองสามร้อยไร่”

  “สภาพแวดล้อมก็ดีมาก ยามรักษาความปลอดภัยอะไร ต่างก็มีถือว่าปลอดภัยใช้ได้”

  “ทางด้านนี้ พี่วางใจได้เลย!”

หม่าหงเทาประทับใจจนไม่รู้จะพูดอะไร สถานที่พักของฉินเทียน ไม่ต้องพูดเขาก็รู้ว่า ต้องดีมากแน่ๆ

นี่เป็นคนที่ทำให้กวนซานคุกเข่าอย่างเต็มใจ!

ตนเองและน้องสาว ลำบากต้องเร่ร่อนไปทั่ว ถึงแม้ว่าเขาจะตั้งใจดูแลอย่างเต็มที่ แต่ว่าอย่างน้อยก็ต้องมีบางอย่างไม่ทั่วถึง เนื่องจากความแตกต่างชายหญิง

ผู้ชายหยาบกระด้างเช่นเขา คงไม่เข้าใจจิตใจของน้องสาวทั้งหมด

ถ้าหากให้น้องสาวรับซูซูเป็นพี่สาว ไปกราบไหว้แม่ของซูซูเป็นลูกสาวบุญธรรม ก็จะได้มีชีวิตที่ไม่ต้องกังวลอยู่ในอุทยานที่กว้างขวางหลายร้อยไร่

สำหรับน้องสาวแล้ว นี่ถือเป็นบ้านที่ดีมาก!

  “ขอบคุณคุณผู้หญิงมาก ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”หม่าหงเทามองน้องสาวด้วยความปวดใจแล้วพูดว่า:“เสี่ยวเซวี่ย เธอยินดีที่จะไปกับพี่ซูซูไหม?”

  “เธอฟังพี่พูดนะ พี่ซูซูและพี่สาวพวกนี้ ต่างเป็นดีที่สุดในโลก”

  “แม่ของพี่ซูซู ก็ต้องเป็นคนดีที่สุดในโลกเหมือนกัน”

  “เธอยินดีไหม?”

  หม่าเซวี่ยพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า:“งั้นพี่ชาย ว่างก็มาหาฉันนะ”

  “แน่นอนอยู่แล้ว!”

  “หลังจากที่พี่ชายได้ที่พักจัดการอะไรได้ทั้งหมดแล้ว จะรีบมาหาเธอเลยนะ!”หม่าหงเทาพูดไป พร้อมกับรีบหมุนตัว

เพราะเขากลัวว่าจะควบคุมน้ำตาในดวงตาของเขาไม่ได้

เมื่อมองจากด้านหลัง ร่างกายกำยำของคนผู้นั้นกำลังสั่นเทา

ซูซูและคนอื่น ก็ดวงตาแดงไปด้วย ผู้ชายคนเดียวที่ต้องพาน้องสาวมาหลายปีขนาดนี้ ถือว่าเขาลำบากไม่น้อยเลย

พวกเธอก็ประทับใจในสายสัมพันธ์พี่น้องนี้

  ซูซูเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า:“งั้นก็ตามนี้นะ”

  “พวกเราไปกันเถอะ”

เธอจูงมือของหม่าเซวี่ย จากนั้นขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ ส่วนกงลี่ที่อุ้มเสี่ยวเฉียง ก็ขึ้นรถไปด้วย

หลินเซวี่ยก็ขับรถออกไป

ตอนที่ไม่มีคนแล้ว หม่าหงเทาถึงได้เช็ดน้ำตา จากนั้นก็คุกเข่าดังตุ้บที่หน้าของฉินเทียน

เสียงขรึมแล้วพูดว่า:“คุณผู้ชายสั่งมาได้เลย!”

  “นับแต่นี้ต่อไป ชีวิตของผมหม่าหงเทา จะเป็นของคุณผู้ชาย!”

  ฉินเทียนรีบดึงเขาขึ้นมาแล้วพูดว่า:“เหล่าหม่า เดี๋ยวจะพานายไปสถานที่หนึ่ง นายต้องชอบแน่”

ทั้งสองคนกระโดดขึ้นรถ จากนั้นฉินเทียนขับรถออกจากถนนใหญ่เข้าไปในซอย ขับเข้าไปสวนสัตว์ร้ายในเสียงดังกระหึ่ม

คำสาปสวรรค์ที่เพิ่งจะฝึกซ้อมเสร็จไปรอบแรก แต่ละคนเหงื่อเปียกชุ่ม นั่งพักอยู่บนก้อนหิน

ถงชวนและเถียปี้ ที่พูดล้อเล่นกับอีเจี่ยนเหมยอยู่

เมื่อเห็นรถลาดตระเวนเข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็กระโดดลงมา

  “นายน้อยมาแล้ว!”

  “พี่เทียน!”

พวกเขามาต้อนรับด้วยความดีใจ

  ฉินเทียนลงจากรถ จากนั้นกวาดสายตาไปพร้อมกับพูดว่า:“แอบขี้เกียจหรือเปล่า?”

  อีเจี่ยนเหมยหัวเราะแล้วรีบพูดว่า:“แอบขี้เกียจไม่มีทาง พวกเราสาบานกันแล้ว ใครโค่นนายได้ ใครได้เป็นใหญ่”

  ฉินเทียนหัวเราะพร้อมกับพูดว่า:“จริงเหรอ?โค่นฉันล้ม ความกระหายไม่น้อยเลยนะ”

  อีเจี่ยนเหมยรีบพูด:“ถงชวนและเถียปี้เป็นคนพูด”

  “พวกเขาพูดว่า หากว่าไม่ผ่าน พวกเขาจะสู้ทั้งสองคนพร้อมกัน แล้วจัดการนายให้เชื่อฟังเลย”

  “จริงเหรอ?”ฉินเทียนหันไปมองเจ้าหมอนั่นทั้งสองคน:“พวกนายจะจัดการฉันให้เชื่อฟังเลย?”

เจ้าหมอนั่นทั้งสองคนหน้าเขียวเลย

  “พี่เทียน พี่อย่าไปฟังยัยผู้หญิงคนนี้พูด!”

  “ตีเราให้ตาย ก็ไม่กล้าไปท้าทายพี่หรอก!”

  “อีเจี่ยนเหมย เธอเล่นแบบนี้อยากจะให้พวกเราตายหรือไง!”

ดูความป๊อดของพวกเขา ทุกคนต่างก็หัวเราะ

  กระบี่เศษมองหม่าหงเทาที่นั่งข้างคนขับ พูดขึ้นว่า:“นายน้อย มีเพื่อนใหม่มาเหรอ?”

  ฉินเทียนเปิดประตู พูดว่า:“เหล่าหม่า นายคงไม่ได้อายหรอกนะ?”

  “ทำไม จะต้องให้ฉันไปเอาเกี้ยวมาเชิญนายลงมาหรือไง?”

หม่าหงเทาหน้าแดง จากนั้นรีบกระโดดลงมา

จากนั้นก็เห็นสิ่งของยาวกระเป๋าหนังสีดำที่กำแน่นอยู่ในมือ สายตาของกระบี่เศษก็จริงจัง

  ฉินเทียนแล้วพูดว่า:“ลุงฉาน รู้ไหมว่าในมือของเขาถืออะไรอยู่?”

  กระบี่เศษสายตาดั่งเหยี่ยว พูดด้วยความเย็นชาว่า:“ยาวขนาดห้าฟุตเศษ ยาวประมาณสองเซ็นติเมตร”

  “ถ้าหากว่าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็น มีดม้ง”

  ฉินเทียนพยักหน้า พูดว่า:“นี่เป็นผู้มีฝีมือของมีดม้ง ลุงฉาน ลุงอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

  กระบี่เศษเปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมพูดเสียงขรึมว่า:“ถ้าเช่นนั้นผมก็อยากจะได้คำแนะนำหน่อย”

พูดจบ ก็ใช้แรงกำกระบองเหล็กในมือ เสียงปั้งของกระบองเหล็กนั้น กดไปที่ก้อนหินที่พื้นจนเปิดเป็นช่องโหว่วออก

หม่าหงเทาตกใจ จากนั้นหันไปมองความเห็นของฉินเทียน

  ฉินเทียนพูดด้วยความเย็นชาว่า:“ที่นี่คือสวนสัตว์ร้าย พวกเขาคือคำสาปสวรรค์”

  “คนหลายคนพวกนั้น ต่างก็มีประสบการณ์ผ่านแบบนี้เหมือนนาย”

  “ความยุติธรรมของสวรรค์ มักจะมีการละเลย ชีวิตของพวกเขา ก็คือของคำสาปสวรรค์”

  “ด้านหน้าของนายตอนนี้ ชื่อว่ากระบี่เศษ เป็นหัวหน้าของคำสาปสวรรค์”

  “หากนายอยากจะเข้าร่วมกับพวกเขา นายต้องให้พวกเขาเห็นความสามารถของนายก่อน”

  เมื่อเห็นหม่าหงเทามีความลังเลเล็กน้อย กระบี่เศษหัวเราะพร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้สืบทอดมีดม้ง คงไม่ใช่เห็นว่าฉันพิการแล้วไม่กล้าลงมือหรอกนะ”

  “จริงด้วย ไหนว่ามีดม้งร้ายกาจมากไง?”

  “พี่ชาย ให้พวกเราดูเป็นบุญตาหน่อย?”

  “คำสาปสวรรค์ของพวกเราไม่ต้องการคนป๊อด หากนายคิดว่าตัวเองสู้ลุงฉานไม่ได้ หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นมาสู้กับผู้หญิงดี?”

ผู้ชายหลายคนที่อยู่ด้านข้าง ก็เริ่มพูดหาเรื่อง

  ใครจะทนได้?

  เจตจำนงและสายเลือดของหม่าหงเทาก็ถูกกระตุ้นขึ้น พูดเสียงขรึมว่า:“ขอโทษด้วย!”

เสียงดังแกร๊ง มีดม้งถูกชักออมา

แสงเย็นกระจายไปทั่ว ทุกคนตรงนั้นถึงกับตกใจ

  “มีดดี!”

“แค่ไม่รู้ว่า คนที่ใช้มีดมีฝีมือแค่ไหน”กระบี่เศษพูดด้วยเสียงเย็น จากนั้นก็ยกกระบองเหล็กอันหนักหน่วงขึ้นมา เตรียมที่จะมาทุบ

หม่าหงเทาตกใจ จากนั้นรีบถอยหลังดั่งสายฟ้า

เนื่องจากเพิ่งจะมาถึง ยังคงปรับตัวไม่ได้มากนัก บวกกับกระบี่เศษที่อยากจะได้อำนาจ กระบองเหล็กอันหนักหน่วง ก็พุ่งโจมตีเข้ามาอย่างแรง

ส่วนมีดม้งเมื่อเทียบกับกระบองเหล็กแล้ว ถือเป็นอาวุธที่เบามาก

ดังนั้นในตอนนั้นทำให้หม่าหงเทาอยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่า

จึงถูกตีถอยหลังไปเรื่อยๆ ทำให้ยากที่จะรับมือ

ส่วนพวกคนที่ยืนดูอยู่นั้นก็ดวงตาเบิกกว้าง อย่างน้อยเมื่อดูสถานการณ์ด้านหน้า คนที่เรียกตนเองว่าผู้สืบทอดมีดม้ง ก็ไม่เท่าไหร่นี่

ฉินเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นแต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีว่า หม่าหงเทามีศักยภาพมาก แต่แค่ไม่ได้กระตุ้นออกมาก็เท่านั้น

รวมถึงตอนที่อยู่ในโรงงานที่เมืองเจิ้ง เขาใช้มีดม้งลายที่สองนั้นกับตนเอง ยังใช้ได้ไม่เต็มที่นัก

ตอนนั้นฉินเทียนรับรู้ได้ว่า ราวกับหม่าหงเทาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

การออกดาบที่รวดเร็วและรุนแรง แต่ว่าในใจของเขาไม่มีพลังแห่งการสังหาร

ตอนนั้นฉินเทียนรู้ดีว่า หม่าหงเทาน่าจะโดนบังคับ ขายชีวิตให้กับฉีชุน แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ยินยอมที่จะฆ่าคน หากแต่ยากที่จะหลีกเลี่ยง

ต้องพูดว่า ชีวิตที่ไม่สมปรารถนามาหลายปี ทำให้หม่าหงเทาตกต่ำลง

สิ่งเหล่านี้กระทบต่อการต่อสู้ของเขา

ดังนั้น การที่ฉินเทียนให้เขามาสู้กับกระบี่เศษ ก็เพื่อที่ว่าจะกระตุ้นศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมาก็เท่านั้น

ให้เขาค้นหาความมั่นใจของราชาแห่งมีดม้งให้เจอ