ตอนที่ 652

Elixir Supplier

652 เพื่ออะไร?

 

“หงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่เหรอ?” ภรรยาของเขาที่เดินเข้ามาในห้องถามเขา

 

“ไม่มีอะไร” หมอเฉินพูด “มีคนมาหา แต่ฉันไม่อยากเจอก็แค่นั้น”

 

“คุณไม่อยาก แต่ก็ยังให้เขามาเจออยู่ดีเนี่ยนะ?” ภรรยาของเขาถาม

 

“เธอคิดว่า แค่ฉันไม่อยากจะพบหน้าเขาฉันก็ทำได้เลยงั้นเหรอ?” หมอเฉินถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความไม่พอใจ

 

“แล้วทำไมถึงได้แนะนำให้เขาไปหาหมอหวังล่ะ?” ภรรยาของเขาถาม

 

“ฉันไม่ชอบเขา แต่พ่อของเขาไม่ใช่คนเลว ดังนั้น ฉันก็เลยช่วยเขาเท่าที่จะทำได้น่ะสิ” หมอเฉินพูด

 

 

ในหมู่บ้าน

 

“คนเยอะมาก!” เมื่อเห็นรถจอดอยู่ที่ด้านนอกคลินิก กู้หยวนหยวนก็ต้องประหลาดใจ ครั้งก่อนที่เธอมา มันไม่ได้ดูวุ่นวายขนาดนี้เลยสักนิด

 

พันจวินที่กำลังคอยช่วยงานอยู่ในคลินิก ก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับจำนวนคนไข้เช่นเดียวกัน

 

“ลองยืดขา แล้วทำท่าทางต่างๆดูนะครับ” เขากำลังพูดกับคนไข้ที่เขาดูแลอยู่

 

คนไข้สองรายมาด้วยปัญหาปวดคอและปวดหลัง ซึ่งสามารถบรรเทาและรักษาได้ด้วยการนวด ในเมื่อช่วงนี้ พันจวินกำลังฝึกฝนเรื่องการนวดอยู่พอดี เขาก็สามารถรักษาคนไข้สองรายนี้ได้

 

“คุณเป็นใครเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

“เอ่ออออ ผมเป็นลูกศิษย์ของเขาครับ” พันจวินพูด

 

“แล้วทำไมฉันไม่ค่อยเห็นหน้าคุณเลยล่ะ?” คนไข้ถาม

 

“อ้อ คุณคือไดเรคเตอร์พัน จากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเขตใช่ไหม?” คนไข้อีกคนถามขึ้นมา

 

“อะไรนะ? เขาเป็นไดเรคเตอร์ของโรงพยาบาลเขตเหรอ?” คนไข้ที่มารอคิวอยู่ต่างก็ประหลาดใจ

 

ถึงฝีมือการรักษาของหวังเย้าจะสุดยอดมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังคิดว่า การที่เขามาเปิดคลินิกอยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ก็เป็นเพราะเขาถูกปฏิเสธงานจากโรงพยาบาล ในสายตาของใครหลายๆคน การที่หมอมาเปิดคลินิกถือเป็นหมอที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการรักษาสูง และมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าคนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐและมีความเสี่ยงที่จะตกงานน้อย

 

“ผมเองครับ” พันจวินพูด

 

“คุณเป็นลูกศิษย์ของหมอหวังเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

“ใช่ อาจารย์ของผมเก่งมาก เขาก็เลยไม่อยากจะสอนคนที่ไม่มีพรสวรรค์เท่าไหร่” พันจวินพูด สิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริง หวังเย้าไม่ได้อยากจะสอนความรู้นี้ให้กับคนทั่วไป

 

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้เข้า หวังเย้าก็ยิ้มออกมา

 

คนที่มารอคิวอยู่ต่างก็รู้สึกทึ่ง การที่แพทย์แผนจีนที่อาศัยอยู่ในบ้านนอก สามารถสอนความรู้ให้กับไดเรคเตอร์ของโรงพยาบาลได้นั้น ก็แสดงว่า เขาจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากอย่างแน่นอน

 

“สุดยอด!

 

ด้วยความช่วยเหลือจากพันจวิน ทำให้หวังเย้าสามารถรักษาคนไข้ได้เร็วขึ้น คนที่เดิมทีรู้สึกสงสัยในตัวพันจวิน หลังจากที่ได้รู้สถานะของเขาแล้ว พวกเขาต่างก็ยินดีรักษากับพันจวิน แล้วการรักษาของเขาก็ยังเห็นผลดีอีกด้วย

 

“เฮ้อ สมแล้วที่เป็นถึงหมอของโรงพยาบาล ฝีมือดีจริงๆ” คนไข้คนหนึ่งพูด

 

เมื่อกู้หยวนหยวนเดินเข้าไปในคลินิก หวังเย้าก็ยังคงยุ่งอยู่ ดังนั้น เธอจึงเข้าไปรอในแถว

 

“เป็นคนที่สวยจริงๆ!” เมื่อได้เห็นกู้หยวนหยวน สายตาของคนที่รออยู่ต่างก็เป็นประกายขึ้นมา

 

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ความงามของเธอก็มักจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่นอยู่เสมอ เธอเป็นเหมือนกับผู้หญิงในเมืองแห่งแม่น้ำที่อยู่ทางใต้ของจีน ที่สง่างามและกิริยาดี ยิ่งมองเธอ ก็ยิ่งรู้สึกถึงความงามในตัวเธอมากขึ้น

 

“คุณชื่ออะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มที่พาแม่ของเขามาหาหมอเดินเข้าไปถามเธออย่างสุภาพ

 

กู้หยวนหยวนเพียงยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น

 

โอ้ สวยจริงๆ! รอยยิ้มของเธอทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคันหัวใจ เขารู้สึกราวกับกำลังถูกแมวข่วน เธอช่างสวยเหลือเกิน! ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!

 

เขาพูดเรื่องเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างๆเธอ เพื่อเป็นการแนะนำตัวเอง แต่เธอกลับไม่ตอบสนองอะไรเลย

 

“ถึงตาคุณแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหวังเย้าพร้อมกับแม่ของเขา กู้หยวนหยวนก็นั่งรออยู่เงียบๆ

 

หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ชายหนุ่มที่พาแม่ของเขามาก็เดินไปขอเบอร์มือถือกับเธอ

 

“ขอโทษนะคะ แต่ฉันแต่งงานแล้ว” กู้หยวนหยวนพูด

 

“โอ้ มันสายเกินไปเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มถูกแม่ของเขาลากออกไป

 

“เชียนเชิง สบายดีไหมคะ?” กู้หยวนหยวนทักทายหวังเย้า

 

“ยินดีด้วยนะครับ ชีวิตแต่งงานเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถามกลับ

 

“จริงๆแล้วยังไม่ได้แต่งเลย ฉันตั้งใจจะแต่งตอนประมาณต้นเดือนตุลาน่ะค่ะ” กู้หยวนหยวนพูด

 

หวังเย้ายิ้ม

 

“ขอโทษที่ต้องมารบกวนนะคะ” เธอพูด “แต่อาการของนายท่านหวูกำลังแย่น่ะค่ะ”

 

เธอมาเพื่อขอยาจากเขา

 

“ยังทรุดลงอยู่เหรอ?” หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาว่า “มาเอายาวันพรุ่งนี้นะครับ”

 

“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก” กู้หยวนหยวนมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆให้กับเขา ก่อนที่จะกลับไป

 

ถึงแม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว แต่คนไข้ที่เหลืออยู่ก็ยังคงพูดเกี่ยวกับเธอไม่หยุดปาก

 

“ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆเลยนะ!” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

“ใช่ๆๆ!” คนไข้อีกคนเห็นด้วย

 

“หมอหวัง เด็กผู้หญิงคนนั้นมาจากไหนเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

“ปักกิ่งครับ” หวังเย้าบอกไปตามตรง

 

พวกเขาไม่ได้เชื่อคำพูดของหวังเย้าเลย แต่ในเมื่อหวังเย้าพูดมาแบบนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อมารักษากับหวังเย้า การถกเถียงกับหมอที่พวกเขาต้องการรักษาด้วยไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ

 

ในตอนเย็น หวังเย้าได้ทำยาสำหรับนายท่านหวู มันก็คือ ซุปเป่ยหยวน

 

นายท่านหวูมีปัญหาอยู่ด้วยกันสองอย่าง หนึ่งคือภายในร่างกายของเขามีโรคร้ายบางอย่างแทรกซึมอยู่ อีกหนึ่งก็คือ อายุของเขาที่มากถึง 80 กว่าปีแล้ว ร่างกายของเขาแก่ชราลงทุกวัน แต่เขาก็พยายามจะยื้อมันเอาไว้จนถึงที่สุด การที่เขามีสถานะสูงส่ง จึงมียามากมายพร้อมให้เขาเลือกสรร ถ้าหากเขาอยู่ในครอบครัวธรรมดา เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว

 

อากาศในเวลากลางคืนให้ความรู้สึกอึดอัด เช้าของวันถัดมา อากาศยังคงร้อนเล็กน้อย

 

กู้หยวนหยวนเดินทางมาที่คลินิกแต่เช้า เธอรับยาจากหวังเย้า จ่ายเงิน แล้วก็จากไป

 

ตอนสาย หวังเย้าก็ได้รับคนไข้พิเศษรายหนึ่ง เขาเป็นชายวัย 50 กว่าและมาด้วยปัญหาที่หัวใจ เขามาพร้อมกับลูกชาย ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงพร้อมกับเป็นมันเลื่อม และกลิ่นน้ำหอมอย่างดีที่ลอยออกมาจากตัวเขา

 

หวังเย้าตรวจดูอาการของคนไข้ แต่เขาก็อดที่จะหันไปสนใจชายหนุ่มไม่ได้ เขาทั้งใจร้อน และมีประกายตารังเกียจฉายออกมา

 

“คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถามคนไข้

 

“ผมเจ็บที่หน้าอก และรู้สึกปวดตามตัวด้วย” คนไข้พูด

 

“แล้วเป็นมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม

 

“อาจจะนานเป็นเดือนแล้วล่ะ” คนไข้ตอบ

 

“นานเป็นเดือนเลยเหรอครับ?” หวังเย้าจับชีพจรของคนไข้ และรู้ได้ทันทีว่าเขามีอาการของโรคหัวใจที่ค่อนข้างหนักเอาการ “คุณป่วยเป็นโรคหัวใจ ใช่ไหมครับ?”

 

“ใช่ ผมต้องกินยาตลอด” คนไข้พูด “ตอนที่เจ็บหน้าอก ผมก็จะรู้สึกว่าหน้าอกของผมมันบีบแน่น ผมแทบไม่มีแรง แล้วบางครั้งก็รู้สึกหน้ามืดด้วย แต่ผมก็ยังกินยาตลอดนะ”

 

“หมอ  ช่วยรีบหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มพูดเร่ง

 

“คุณเป็นอะไรกับเขาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ผมก็ลูกของเขาน่ะสิ” ชายหนุ่มตอบ

 

“สำหรับเรื่องอาการป่วยของคุณ การรักษาจำเป็นต้องใช้เวลานานหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด “ยาสามารถช่วยได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งสำคัญคือไม่ควรกังวลหรือโมโห คุณจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองด้วย”

 

คนไข้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ควรทำงานหนัก หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์รุนแรง

 

“หมอช่วยตรวจผมทีได้ไหม?” คนไข้พูด

 

ตอนแรก เขาไม่ได้อยากจะมาที่คลินิกนี้เลย แล้วยิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาต้องมากับลูกชายของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องแพ้ให้กับคำพูดของภรรยา เขาจึงต้องมาและตลอดทางที่มาคลินิก เขาก็ต้องโมโหซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะลูกชายของเขาเอง

 

“ได้ครับ” หวังเย้าตรวจเขาอีกครั้ง ในเมื่อเขาเคยรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจมาก่อนแล้ว เขาจึงพอมีประสบการณ์ในด้านนี้และมียาที่ใช้รักษาอยู่ในมือ