บทที่ 371 แนวเขาฉินหลิน

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เวลาประมาณเที่ยงคืน เย่เทียนเฉินพาตงฟางเมิ่งที่สลบไสลไม่ได้สติไปจากบ้านตระกูลจาง พาไปยังพื้นที่ว่างในเมืองเล็กๆ บริเวณไม่ไกล ที่นั่นมีเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารจอดรออยู่ลำหนึ่ง ในความคิดของใครหลายคนนี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก แต่สำหรับชางหลางที่สามารถติดต่อกับคนระดับสูงอย่างท่านผู้นำสูงสุดและหยางอี้ได้ตลอดเวลาแล้ว นับว่าเป็นเรื่องเล็ก ยิ่งไปกว่านั้น ท่านผู้นำและหยางอี้ยังมีทัศนคติที่ดีต่อเย่เทียนเฉิน ที่สำคัญเป็นเพราะเย่เทียนเฉินทำภารกิจเพื่อประเทศ สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้นับว่ามีผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อประเทศเช่นกัน

ในตอนที่เย่เทียนเฉินพาตงฟางเมิ่งไปถึงที่นั่น ชางหลางก็ยืนรออยู่นอกเฮลิคอปเตอร์แล้ว ใบพัดที่หมุนวนอย่างรวดเร็วของเฮลิคอปเตอร์ยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว ชางหลางก็เห็นเย่เทียนเฉินอุ้มตงฟางเมิ่งเข้ามาแล้ว อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เอ่ยถามว่า

“เกิดอะไรขึ้น?”

“บาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายแล้ว ต้องพาเธอกลับไปส่งที่พรรคสุสานโบราณ ฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก ผมว่าเรื่องนี้คุณเหมาะสมที่สุดแล้ว!” ในขณะที่พูดเย่เทียนเฉินก็โยนตงฟางเมิ่งไปให้ชางหลางแล้วทำท่าทางไม่สนใจอีก

ถึงแม้ว่าชางหลางจะเป็นพวกเคร่งขรึมจริงจังแต่ก็ไม่ใช่คนโง่อะไร เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเย่เทียนเฉินที่ยอมปล่อยสาวงามไม่ยอมอุ้มอีก ทั้งยังยังมีความคิดที่จะหลีกทางให้ตนเอง ชางหลางจึงรีบหลบไปด้านข้าง มองเย่เทียนเฉินอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้นว่า

“เรื่องนี้ท่านผู้นำและท่านหยางไหว้วานนาย นายก็ตอบรับไปแล้ว ได้รับความไหว้วานจากผู้อื่นก็ต้องทำอย่างจริงใจ ฉันไม่เกี่ยว!”

เย่เทียนเฉินรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก ในใจคิดว่ายามปกติชางหลางดูโง่ๆ เหมือนกับว่าตนสามารถหลอกเขาได้ตลอดเวลา ตอนนี้ทำไมอยู่ดีๆ ก็เกิดฉลาดขึ้นมาได้? ดูท่าตงฟางเมิ่งเป็นเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่จริงๆ หลายวันมานี้ตัวเขาล่วงเกินหญิงงามไปแล้วสองคน ไม่รู้ว่าชิงเฉิงเยว่จะตามฆ่าตนอย่างบ้าคลั่งหรือเปล่า ความสามารถของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส เพียงแค่คิดเย่เทียนเฉินก็หนังศีรษะชาแล้ว

“ถ้างั้นคุณก็อย่ามาขวางเลย ผมจะขึ้นเครื่องแล้ว กำชับไว้ดีแล้วหรือเปล่าว่าทุกอย่างต้องทำตามการชี้แนะของผม!” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่ชางหลาง อุ้มตงฟางเมิ่งเดินไปยังเฮลิคอปเตอร์ทางการทหาร

“ไอ้หนู วาสนาของนายไม่เลวเลย ฉันอิจฉาจริงๆ …” คิดไม่ถึงว่าชางหลางจะเกิดหยอกล้อเย่เทียนเฉินขึ้นมา อาจจะถูกเย่เทียนเฉินทำให้นิสัยเสียไปแล้วก็เป็นได้!

“วาสนา? คุณมาลองรับดูไหมล่ะ?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ได้หรอก เรื่องของนายก็พยายามเต็มที่เถอะ ฉันเชื่อว่านายเป็นคนที่พูดได้ทำได้ ต้องเป็นคนที่พยายามสุดกำลังแน่นอน!” ชางหลางพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง

เย่เทียนเฉินไม่สนใจชางหลางอีก หากพูดกับเขาต่อไปคงทำได้แค่ถูกเขาล้อเลียนเท่านั้น หมุนตัวเดินเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์ทางการทหาร วางตงฟางเมิ่งไว้บนเก้าอี้ คาดเข็มขัดนิรภัยให้มั่นคง ควักหนังแกะแผ่นนั้นออกมาจากอกเสื้อ หลังจากอ่านอย่างละเอียดแล้วเขาจึงมั่นใจว่าที่ตั้งของพรรคสุสานโบราณอยู่ในแนวเขาฉินหลินแน่นอน เนื่องจากภูเขาจงหนานในตำนานก็อยู่ที่นั่น ว่ากันว่าพรรคสุสานโบราณและสำนักฉวนเจินตั้งอยู่ใกล้กัน นี่คงจะเป็นความจริง

“พวกเราไปส่วนกลางของแนวเขาฉินหลิน หาตำแหน่งดีๆ ลงจอดก็พอแล้ว!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูด

“ได้!”

เฮลิคอปเตอร์ทางการทหารขึ้นบินแล้ว เย่เทียนเฉินมองไปยังตงฟางเมิ่งที่ยังคงอยู่ในสภาพสลบไสล จางอีเต๋อบอกมาก่อนแล้วว่าตงฟางเมิ่งมีชีวิตอยู่ได้มากสุด 10 วัน และไม่รู้ว่าใน 10 วันนี้จะหาทางเข้าพรรคสุสานโบราณเจอหรือไม่ จากนั้นยังต้องหาเคล็ดวิชาพลังภายในคัมภีร์ดรุณีหยกให้พบอีกด้วย

หากต้องการหาแนวเขาฉินหลินให้พบไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ครั้งเดียวก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารออกไปลำหนึ่งได้แล้ว เพียงแต่หากต้องการหาทางเข้าพรรคสุสานโบราณ ยังต้องเข้าไปยังพรรคสุสานโบราณอย่างราบรื่น หาเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกให้พบ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนนี้ตงฟางเมิ่งอยู่ในสภาพสลบไสล คนหมดสติไม่อาจชี้ทางให้เย่เทียนเฉินได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งตัวเย่เทียนเฉินเอง

เย่เทียนเฉินทอดตัวนอนลงบนเก้าอี้ยาว หาวออกมาครั้งหนึ่ง คิดอย่างหดหู่ว่า ตนกำลังทำอะไรอยู่? ถึงกับพาตงฟางเมิ่งไปหาพรรคสุสานโบราณจริงๆ เดิมทีตนก็ไม่ใช่คนที่รักหยกถนอมบุปผาอะไร มุมดีๆ แบบนี้จะมากเกินไปหรือเปล่า?

ความจริงท้ายที่สุดเย่เทียนเฉินถึงจะเข้าใจว่า ที่ตนเองช่วยตงฟางเมิ่ง ประการแรกเป็นเพราะนี่เป็นความรับผิดชอบที่รับปากท่านหยางและท่านผู้นำสูงสุดไว้แล้ว ประการที่สองเป็นเพราะคิดว่าตงฟางเมิ่งผู้หญิงเย็นชาคนนี้ความจริงก็ไม่เลวเลย สาเหตุที่สำคัญที่สุดเป็นเพราะตนมีความสนใจในพรรควรยุทธโบราณมาก และต้องการเห็นเคล็ดวิชาพลังภายในที่ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลินเสียหน่อยว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหนและน่าอัศจรรย์ขนาดไหน

เมื่อก่อนต่อให้อยู่ในดาวสิ้นโลกที่เย่เทียนเฉินกลายเป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมีพลังพิเศษระดับพระเจ้าแล้วก็ยังไม่เคยเห็นวิชาพลังภายในที่ลึกล้ำสูงส่งของพรรควรยุทธโบราณมาก่อน ในเส้นทางการฝึกฝน กระทั่งถึงขอบเขตสูงสุด สุดท้ายล้วนต้องตาย และจะไม่มีผู้มีพลังพิเศษและผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณอะไรอีก ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกตน มีความแข็งแกร่งอยู่กับตัว ได้รับพลังอันบ้าคลั่ง หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ธรรมชาติ เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน หยิบดาวคว้าจันทร์ได้

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว และมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนเฉินก็จะถือโอกาสนี้สัมผัสกับพรรควรยุทธโบราณเสียหน่อย จะต้องมีสักวันหนึ่งที่จะหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สูญหายไปตั้งแต่โบราณให้เจอ และต้องสัมผัสกับทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้ ถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจสักหน่อยจะดีกว่า

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ในตอนที่เย่เทียนเฉินตื่นขึ้นมา เขาพบว่าเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารยังไม่ลงจอด แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย บินอยู่กลางอากาศเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เดินไปที่ห้องคนขับแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“ลงจอดไม่ได้ครับ ไม่รู้สภาพด้านล่าง แต่มีพลังงานบางอย่างรบกวนเรดาร์อยู่!” ทหารที่เป็นผู้ขับเฮลิคอปเตอร์พูดพลางขมวดคิ้ว ท่าทางจะพบความยุ่งยากเข้าแล้วจริงๆ

เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่ง ประเทศจีนมีสถานที่ลึกลับอยู่หลายแห่ง และลึกลับมาหลาย 1000 ปีแล้ว ต่อให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันพัฒนามาถึงระดับนี้ก็ยังไม่สามารถสำรวจความลึกลับของสถานที่เหล่านี้ได้ ท่าทางน่าเหลือเชื่ออยู่บ้างจริงๆ ถ้าเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารแบบนี้ผ่านไปคงพบอุปสรรคเป็นอย่างมาก

“ถ้างั้นจะลงจอดได้เมื่อไหร่ครับ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม

“ประมาณพรุ่งนี้เช้าครับ แต่ถ้าด้านล่างของพวกเรายังเป็นภูเขาสูงและป่าไม้อยู่ก็ไม่สามารถลงจอดได้ ต้องหาทางอื่น!”

“งั้นรอสักครู่ ผมขอศึกษาแผนที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

เย่เทียนเฉินหยิบแผนที่หนังแกะที่จางอีเต๋อมอบให้เขาออกมาเปิดดูทั้งหมด พบว่าบนแผนที่หนังแกะนี้วาดสภาพภูมิประเทศของแนวเขาฉินหลิน เอาไว้ทั้งหมด ทั้งยังละเอียดมาก เกรงว่าแผนที่บางฉบับในยุคปัจจุบันก็ยังไม่ละเอียดเท่ากับแผนที่หนังแกะฉบับนี้ เมื่อดูจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงล้อมรอบอยู่ด้านนอกแล้ว เย่เทียนเฉินก็ค่อยๆ รวบรวมพลังพิเศษไว้ที่ดวงตาทั้งสอง มองรอบๆ อย่างกระจ่างชัด จากสัญลักษณ์บนแผนที่หนังแกะ ตำแหน่งของพรรคสุสานโบราณควรจะอยู่ด้านล่าง หากรอถึงพรุ่งนี้ก็เป็นเหมือนกับที่ทหารผู้ขับเฮลิคอปเตอร์บอก ถ้าไม่สามารถลงจอดได้อย่างเหมาะสมก็ต้องหาทางอื่น ไม่เพียงแต่จะเสียเวลา ตนเองยังต้องแบกตงฟางเมิ่งและกลับมาที่นี่ด้วย ไม่ใช่ว่าจะต้องเดินทางผิดพลาดมากมายหรอกหรือ?

“คุณก็บินอยู่ข้างบนเถอะ ผมจะลงไปจากที่นี่โดยตรง จากนั้นคุณก็ไปได้เลย!” เย่เทียนเฉินมองครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากพูด

“ลงไปจากที่นี่โดยตรง? นี่…ตอนนี้ทุกที่มืดไปหมด ไม่รู้ว่ามีสภาพแบบไหน หากกระโดดร่มลงไปอย่างบุ่มบ่ามต้องตายแน่!”

“วางใจเถอะ ผมมีวิธีของผม คุณรักษาสมดุลให้ดีก็พอ!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูด

เพียงไม่นานเย่เทียนเฉินก็แบกตงฟางเมิ่งไว้ที่หลัง จะอย่างไรก็ต้องกระโดดลงไปจากความสูงหลาย 1000 เมตร สำหรับเย่เทียนเฉินที่เกือบจะบินได้นั้น ไม่นับเป็นอะไรได้ แต่เขาแบกตงฟางเมิ่งอยู่ที่หลัง รวมกับที่เมื่อได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ เย่เทียนเฉินยังไปไม่ถึงระดับที่จะเดินลอยตัวได้ด้วย

ความจริง เรื่องการกระโดดข้ามกำแพงหรือการเดินลอยตัวมีบันทึกอยู่ในตำราโบราณของประเทศจีนจำนวนมาก เพียงแต่ผ่านการแปรเปลี่ยนมาหลาย 1000 ปี พรรควรยุทธโบราณก็ปิดซ่อนตัวตนแล้ว คนรุ่นหลังจำนวนมากต่างไล่ตามชื่อเสียงและผลประโยชน์ ทนลำบากไม่ได้ รับความเหนื่อยยากไม่ไหว กลายเป็นกลุ่มคนที่รอเพียงการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่อาจฝึกฝนเคล็ดวิชาอันสูงส่งเหล่านั้นของสมัยโบราณได้ เคล็ดวิชาการเหาะเหินเดินอากาศจึงค่อยๆ หายไป

ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงหาเชือกมาเส้นหนึ่ง มัดตงฟางเมิ่งไว้กับหลังตัวเอง เดินไปยังประตูเฮลิคอปเตอร์ ในพริบตาที่ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออกก็มีลมอันรุนแรงพัดเข้ามา แต่เย่เทียนเฉินยังยืนอยู่บริเวณประตูโดยไม่ขยับเขยื้อน เขาใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันในร่างกายของตนออกมาแล้ว แข็งแกร่งเป็นอย่างมา ลมย่อมไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เมื่อเผชิญหน้ากับลมอันรุนแรงดุจมันกรก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

“นี่ ปล่อยร่ม…”

ไม่รอให้ทหารผู้ขับเฮลิคอปเตอร์คนนั้นพูดจบเย่เทียนเฉินก็กระโดดลงไปทันที หายไปท่ามกลางความมืดในพริบตา ทำให้ทหารคนนั้นตกใจจนปากอ้าตาค้าง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ในใจคิดว่าจบสิ้นแล้ว คนคนนี้สามารถสนทนากับชางหลางได้ตามใจชอบขนาดนั้นจะต้องมีตำแหน่งไม่ธรรมดาแน่ จะโง่ถึงขั้นนี้ได้อย่างไร กระโดดลงไปรนหาที่ตายด้วยตัวเองเชียว แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี?

ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินที่แบกตงฟางเมิ่งอยู่บนหลังกระโดดลงมาจากความสูงหลาย 1000 เมตร ในอากาศ ดวงตาทั้งสองของเขาเปล่งประกาย รวบรวมพลังพิเศษอยู่ที่ดวงตาไว้นานแล้ว ทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างอย่างชัดเจน พบว่าด้านล่างเป็นป่าผืนหนึ่งจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นลักษณะคล้ายภูเขาขรุขระอีกด้วย เฮลิคอปเตอร์ทางการทหารไม่สามารถลงจอดได้จริงๆ ที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจก็คือ ในป่าด้านล่างดูเหมือนจะเงียบสงบมาก กระทั่งเสียงสัตว์กลางคืนก็ไม่มี นี่ออกจะแปลกอยู่บ้าง ป่าดึกดำบรรพ์พวกนี้จะไม่มีเสียงสัตว์ร้องได้อย่างไร?

เงียบสงบขนาดนี้ ไม่ปกติแล้ว

พลังอันรุนแรงถาโถมเข้ามา นำพาให้เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งร่วงลงไปไม่หยุด เย่เทียนเฉินเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว มิฉะนั้นคงไม่มัดตงฟางเมิ่งไว้บนหลังของตนอย่างมั่นคง มือทั้งสองข้างออก ในขณะที่ตกลงไปและมีพลังอันรุนแรงถาโถมเข้ามานั้น ฝ่ามือทั้งสองของเย่เทียนเฉินก็ซัดออกไป จากพลังกระแทกที่เกิดจากฝ่ามือทั้งสองปะทะพื้น ทำให้พลังในการร่วงหล่นลดลงจนลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย