บทที่ 156 ยุคแห่งนิกาย! ยุคของสัตวอสูร!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 156 ยุคแห่งนิกาย! ยุคของสัตวอสูร!

เย่เทียนมีลางสังหรณ์ว่าถ้าเขาไม่ออกจากพระราชวังเขาจะต้องพบกับผู้ฝึก
ยุทธคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน

ซุน ซิงเหอ และคนอื่น ๆ ยังไม่ตาย

ค่ายกลของพระราชวังถูกทําลายไปแล้ว ต่อให้มีหุ่นเชิดศพเกราะทองจํานว นมากแล้วอย่างไร? เพื่อที่จะได้รับสมบัติเหล่านั้น บางทีพวกเขาอาจจะไม่รีรอในระดับราชาอีกต่อไปและทะลวงเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์

ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่พวกเขายังไม่ทะลวงเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะสามารถทําลายค่ายกลนี้ได้

แต่พวกเขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าด้านในจะมีหุ่นเชิดเกราะทองจํานวนมากทําให้แผนการที่ตั้งไว้นั้นผิดพลาด

เมื่อซุน ซิงเหอ และคนอื่นๆที่รอดชีวิตออกไปอย่างปลอดภัย พวกเขาจะต้อง ทะลวงเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะกลับมายังพระราชวังมีอีกครั้งอย่างแน่นอน

“น่าเสียดายที่………

ความเร็วในการทะลวงผ่านระดับศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าช้ํากว่าข้า!”

เย่เทียนคิดกับตัวเอง

เขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับตะวัน และใช้เวลาไม่ถึงสามวันเขาก็ได้ ก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ ต่างกับซุนซิงเหอและคนอื่นๆ พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7-8 วันในการทะลวงผ่านระดับ

เมื่อออกมาจากพระราชวัง เย่เทียนบินออกไปไม่นานก็พบกับถ้ําแห่งหนึ่งบน ภูเขาลูกใหญ่ เขาเก็บตัวอยู่ในถ้ําชั่วคราว และเริ่มตรวจสอบสมบัติ

โอสถสามขวด หนังสือสีดําห้าเล่ม และเหรียญตรา

เย่เทียนเริ่มตรวจสอบเหรียญตราก่อน และได้รู้ว่าสิ่งนี้มีไว้เพื่ออะไร

“เหรียญศิษสาวกหลักของนิกายซากศพทมิฬ!”

สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สําหรับเขา

จากนั้นเย่เทียนก็พลิกดูตําราทั้ง 5 เล่ม

ถึงแม้มันจะเป็นภาษาที่ไม่เข้าใจแต่เขาก็สามารถเข้าใจอักษรเหล่านี้ได้
เพราะตําราทั้งห้าเล่มนี้มีพลังจิตผนึกข้อมูลไว้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจข้อความเหล่านี้

ตําราทั้ง 5 เล่มไม่ใช่เทคนิคการบ่มเพาะ สามเล่มเป็นตําราเกี่ยวกับการหลอม กลั่นโอสถ ภายในตํารามีบันทึกข้อมูลโอสถหลายชนิดที่ต่อต้านสวรรค์ บางชนิดก็ช่วยยกระดับพรสวรรค์ได้

อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เทียนเห็นรายการสมุนไพรสําหรับการหลอมยาเขาก็ต้องส่ายหัว สมุนไพรจํานวนมากตอนนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรวบรวมมันให้ครบ

ส่วนตําราอีก 2 เล่ม เป็นบันทึกเกี่ยวกับนิกายซากศพทมิฬ หลังจากอ่านจนจบ เย่เทียนก็พบว่าเขานั้นเข้าใจผิดมาโดยตลอด หวังเยี่ยนเองก็เข้าใจผิดเช่นกัน

อารยธรรมโบราณนี้ไม่ใช่อารยธรรมบนโลก แต่เป็นอารยธรรมต่างแดน

นิกายซากศพทมิฬเป็นนิกายของโลกอื่น หรือก็คือนิกายของดาวเคราะห์ดวง อื่น แต่ด้วยเหตุที่ว่ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ศิษย์บางคนจากนิกายซากศพทมิฬ บังเอิญเข้าสู่เขตแดนลับบางแห่งผ่านรอยแยกของมิติ

ในยุคนั้น ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างต่อสู้กันบนโลกใบนี้ โลกของพวกเขาจึงได้ รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทําใหพลังปราณปฐมแห่งฟ้าดินเริ่มสลายหายไป

และในที่สุด

นิกายทั้งหมดก็ละทิ้งโลกของพวกเขา เดินทางออกไปผ่านรอยแยกของมิติ
ซึ่งหลงเหลือไว้แต่เพียงซากปรักหักพังของอารยธรรมบางส่วนที่ยังคงอยู่จวบจนทุกวันนี้

ตําราทั้งสองเล่มถูกเขียนโดยระดับจักรพรรดิ์แห่งนิกายซากศพทมิฬ หลัจาก
เขียนเสร็จ เขาก็ได้ออกจากโลกไปพร้อมกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของนิกายซากศพ ทมิฬ เหลือทิ้งไว้เพียงวิหารแห่งแสงและศิษย์สายนอกของนิกายซากศพทมิฬ

“ศิษย์สายนอกเหล่านั้นคงยากที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาในโลกที่ขาดแคลนพลังปราณเช่นนี้ อายุขัยของพวกเขาถึงขีดจํากัดและต้องจบชีวิตลงลูกหลานของพวกเขาไม่สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธได้ นิกายซากศพทมิฬจึงมา ถึงกาลล่มสลายทิ้งซากปรักหักพังเช่นนี้ไว้ ”

เย่เทียนคาดเดา

ณ จุดนี้เอง

เขาจึงได้รู้ว่าโบราณสถานแห่งนี้คือซากปรักหักพังของนิกายเหล่านั้น และใน ยุครุ่งเรืองของพวกเขาก็เหมือนกับโลกของเย่เทียนในตอนนี้ที่มีรอยแยกมิติปรากฏขึ้นมากมาย

อย่างไรก็ตามรอยแยกมิติเหล่านั้นบังเอิญเชื่อมต่อกับโลกใบนี้ และยังมีรอยแยกที่เชื่อมต่อกับโลกของสัตว์อสูร

“ยุคของอารยธรรมโบราณนี้สามารถอนุมานได้ว่าเป็นยุคของนิกาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วโลกของเรากลายเป็นยุคของสัตว์อสูร แท้จริงแล้วทุกอย่างก็เรียบง่ายเช่นนี้!”

เย่เทียนพึมพําา

แม้ว่านิกายเหล่านั้นจะทําลายโลกใบนี้ในอดีต แต่ก็ได้ทิ้งมรดกไว้มากมาย มิฉะนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์คงจะถูกล้างบางในยุคของสัตว์อสูรนี้แล้ว

หลังจากอ่านตําราลับห้าเล่ม เย่เทียนก็รู้แล้วว่าโอสถสามขวดนี้คืออะไร
มันเป็นโอสถที่ช่วยยกระดับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะหนึ่งขวด โอสถหลอมพลังจิตศักดิ์สิทธิ์หนึ่งขวด และโอสถยืดอายุขัยหนึ่งขวด

โอสถเพิ่มพรสวรรค์สามารถเพิ่มพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธให้ กลายเป็นระดับดาราได้ และในนั้นมันมีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น

โอสถหลอมพลังจิตศักดิ์สิทธิ์สามารถปรับแต่งพลังจิตและช่วยทําให้ผู้ฝึก
ยุทธระดับราชากลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ ภายในขวดมีโอสถอยู่ 3 เม็ด

ส่วนโอสถยืดอายุขัยนั้นค่อนข้างท้าทายสวรรค์ มันสามารถทําให้มีอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 100 ปี นี่มันเป็นสมบัติที่เหล่าสัตว์ประหลาดชราใฝ่ฝันถึง

สิ่งเหล่านี้ถูกทิ้งไว้ให้ลูกหลานของนิกายซากศพทมิฬ แต่น่าเสียดายที่ลูก หลานของพวกเขาไม่สามารถเข้าไปยังพระราชวังได้ มิฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คงจะถูกใช้จนหมดนานแล้ว

แต่เย่เทียนคาดเดาว่าบางทีสาเหตุที่ค่ายกลของพระราชวังถูกทําลายไปบาง ส่วนอาจจะเป็นเพราะเกิดการต่อสู้ระหว่างศิษย์สายนอกของนิกายซากศพทมิฬ?

เมื่อคิดดูดีๆแล้ว มันก็อาจจะเป็นไปได้จริงๆ

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับสมบัติเหล่านี้ ตอนนี้มันกลายเป็นผลประโยชน์ของเย่เทียนอย่างแท้จริง!

“โอสถหลอมพลังจิตศักดิ์สิทธิ์สามารถมอบให้หวังเยี่ยนได้หนึ่งเม็ด ส่วนที่
เหลือเราจะเก็บไว้ บวกกับสมบัติมากมายที่พบในห้องโถงใหญ่ ตอนนี้ฉันมีฐานะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!”

ในใจของเย่เทียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องตกตะลึง

ในตอนนี้เขาไม่สามารถเสาะหาสมบัติได้อีกต่อไป เขาพบสิ่งปลูกสร้างแต่ไม่ปรากฏหุ่นเชิดศพเกราะทองออกมาและเขาก็ไม่สามารถทําลายค่ายกลได้

ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อเขาพยายามเข้าไปยัง
อาคารหลายแห่งติดต่อกัน

ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป

ค่ายกลของอาคารสามารถรับรู้ได้ถึงระดับการบ่มเพาะ เมื่อเกินระดับราชาไปแล้วจะไม่สามารถรับสมบัติได้อีก ในที่แห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อระดับศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงระดับราชาเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ค่ายกลได้

ไม่มีวิธีได้รับสมบัติอีกต่อไป…

“อ๊ากกกกก ทําไมไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับฉัน? ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมผู้ฝึก ยุทธระดับราชาถึงไม่ทะลวงเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาก้าวไปสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับสมบัติเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

เย่เทียนถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

ทันใดนั้น

เขาคิดถึง ซุน ซิงเหอ ถ้าคนผู้นี้ทะลวงผ่านระดับศักดิ์สิทธิ์และกลับไปยัง
พระราชวังอีกครั้งเขาจะต้องพบว่าในที่แห่งนั้นไม่มีสมบัติอีกต่อไป แล้วเขาจะโกรธขนาดไหนกัน?

“สมควรแล้ว!”

เย่เทียนยิ้มและพูด ที่ไหนสักแห่ง ภายในมิติ

ซุน ซิงเหอ กําาลังพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับนักบุญ

ตอนนี้เขาเก็บตัวเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว ด้วยพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับจันทราในที่สุดเขาก็สามารถจิตสํานึกศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้

ตูม!!!!

จิตสํานึกศักดิ์สิทธิ์ถือกําเนิดขึ้น และเริ่มกระบวนการทะลวงผ่านระดับการบ่มเพาะ

เพียงไม่นาน

ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นสิบเท่า ความเร็วและพลังการ
ป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงพรสวรรค์ระดับลึกลับปลอม เพิ่มขึ้นเป็น 90%

“ฮ่าฮ่าฮ่า สมบัติทั้งหมดในพระราชวังต้องเป็นของฉัน!”

ซุน ซิงเหอ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ดังนั้นเขาจึงรีบบินไปยังพระราชวังในทันที

ไม่นานเขาก็มาถึงพระราชวัง

” เอ๋ หุ่นเชิดศพเกราะทองหายไปไหน ? หรือว่าพวกมันจะจากไปแล้ว?”

ซุน ซิงเหอ พึมพําด้วยความประหลาดใจ

ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้านใน

“สมบัติของฉันหายไปไหน ตัวบัดซบคนไหนขโมยของข้าไป!!!!”

ซุนซิงเหอตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

เพื่อสมบัติเหล่านี้ เขาตัดสินใจที่จะปล่อยเรื่องทําให้พรสวรรค์ของเขากลาย
เป็นระดับลึกลับที่แท้จริง แต่เดิมเขาวางแผนว่าจะยังไม่ทะลวงผ่านไปยังระดับ ศักดิ์สิทธิ์อีก 2-3 ปี เพื่อเพิ่มความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์

แต่ตอนนี้สมบัติทั้งหมดหายไปจนเกลี้ยง อีกทั้งเขายังทะลวงผ่านระดับโดยไม่ได้สนใจพรสวรรค์ระดับลึกลับ

เขาสูญเสียอย่างหนักจนแทบจะกระอักเลือดออกมา!

ไม่เพียงแค่นั้น ในตอนนี้เขาบรรลุมาถึงขั้นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่สามารถหา สมบัติใดๆในมิติแห่งนี้ได้อีกต่อไป

“บ้าเอ้ย ใครเป็นคนทํา? อ๊ากกกกกกกก”

ซุน ซิงเหอ สามารถคาดเดาได้ว่ามีคนทะลวงผ่านไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ ก่อนเขา และต้องเป็นคนที่กวาดสมบัติในพระราชวังไปจนเกลี้ยงก่อนที่เขาจะมาถึง

ใบหน้าระดับราชาหลายคนปรากฏขึ้นในหัวของเขา ในที่สุดเขาก็คิดถึงใคร
บางคน

“เป็นเจ้าบัดซบหน้าซีดคนนั้น!”

ซุนซิงเหอนึกถึงเย่เทียน มีเพียงเย่เทียนเท่านั้นที่สามารถทําเช่นนี้ได้ ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็ปรากฏออกมา

น่าเสียดายที่เย่เทียนทําการปลอมแปลงรูปลักษณ์ของเขา ดังนั้นไม่มีทางเลยที่ซุนซิงเหอจะหาเขาเจอ