“การแข่งขันในศึกประชันยุทธ์ปีนี้เราได้แบ่งการแข่งออกเป็นสองอย่างคือประเภทหมู่คณะและประเภทบุคคล ผลลัพธ์สุดท้ายเราจะนำคะแนนในการแข่งทั้งสองอย่างมารวมกัน รูปแบบของการคิดคะแนนรวมนั้นเราไม่ขอเปิดเผย แต่ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่าทั้งการให้คะแนนและการจัดอันดับเป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด”

ลิ้วหยวยอาจารย์ผู้ควบคุมการแข่งขันในงานใหญ่ของโรงเรียนประกาศด้วยรอยยิ้ม ในตอนนั้นเองที่ม้วนกระดาษม้วนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา

ไม่ต้องบอกก็ทราบว่า ข้อความบนม้วนกระดาษแผ่นนั้นคืออันดับของนักเรียนผู้เข้าแข่งขันในศึกประชันยุทธ์แห่งโรงเรียนราชสำนักครั้งนี้

ม้วนกระดาษไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่เรียกความสนใจคนทั้งหมดได้ ทุกสายตาของศิษย์น้อยใหญ่จับจ้องกระดาษในมืออาจารย์ลิ้วหยวยอย่างตื่นเต้นระคนใคร่รู้  เฝ้าอุตส่าห์ทุ่มเทฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมอยากรู้อันดับของตนเอง

“ข้าเชื่อว่าพวกเราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่ารางวัลที่หนึ่งก็คือนักเรียนฉินอวี้โม่ นางคือผู้ที่ได้อันดับที่สองในการแข่งขันประเภทหมู่คณะและยังคว้าที่หนึ่งในการแข่งขันประเภทบุคคล”

ลิ้วหยวยยิ้มแย้มแล้วประกาศชื่อนักเรียนผู้คว้าตำแหน่งอันดับที่หนึ่งไปครอง ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย

แน่นอนว่าในเรื่องนี้ไม่ทำให้ผู้ใดประหลาดใจหรือมีข้อสงสัย ผลงานนั้นเห็นกันชัดเจน ฉินอวี้โม่คือคนที่สมควรจะได้รับอันดับที่หนึ่งไปด้วยประการทั้งปวง

“และรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในปีนี้ก็คือ การเข้าไปฝึกฝนพลังแสวงหาวาสนาในดินแดนต้องห้ามของโรงเรียนราชสำนัก พร้อมกับได้รับหินมายาอีกห้าร้อยก้อน”

ลิ้วหยวยยิ้มก่อนจะประกาศรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศด้วยเสียงชื่นมื่น

รางวัลที่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันได้รับทำให้นักเรียนทั้งหลายยิ้มแก้มปริ ความรู้สึกเบิกบานแผ่กระจายไปทั่ว สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความหวัง ‘…รางวัลที่หนึ่งนับว่ายอดเยี่ยมไม่น้อย เช่นนั้นรางวัลต่อ ๆ ไปก็คงจะน่ายินดีเช่นกัน’

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงหันไปรอคอยการประกาศผลอันดับถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ

ฉินอวี้โม่เองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ครั้งนี้จุดประสงค์หลักที่นางต้องพยายามเพื่อให้ได้อันดับหนึ่งมาก็คือการเข้าไปยังดินแดนยต้องห้ามอีกครั้ง ส่วนหินมายาจำนวนห้าร้อยก้อนนั้นก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่ดีไม่น้อย

“รางวัลที่สองของการแข่งขันศึกประชันยุทธ์คือหลินซิวหยา หลินซิวหยาอยู่กลุ่มเดียวกับฉินอวี้โม่จึงได้ที่สองในการแข่งขันประเภทหมู่คณะเช่นเดียวกัน และในรอบการแข่งประเภทบุคคลเขาก็ฝ่าฟันเข้ามาจนถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ดังนั้นความแข็งแกร่งของหนุ่มน้อยผู้นี้จึงไร้ข้อสงสัยบ เขาคู่ควรกับรางวัลอันดับที่สอง”

ลิ้วหยวยประกาศรายชื่ออันดับที่สองด้วยรอยยิ้ม

เป็นที่แน่นอนอีกเช่นกันว่าไม่มีผู้ใดกังขาในรางวัลอันดับสอง ทุกคนต่างก็ยินดีกับหลินซิวหยา

“ผู้ได้รางวัลที่สองนี้ สามารถเข้าไปยังคลังสมบัติชั้นสามของโรงเรียนและเลือกสิ่งของสามอย่างที่ต้องการมาได้ นอกจากนั้นยังได้หินมายาสามร้อยก้อน”

เมื่อได้ยินว่าสามารถเข้าไปที่คลังสมบัติชั้นสามของโรงเรียนและเลือกหาของที่อยู่ภายในนั้นมาครอบครองได้ หลินซิวหยาก็ประหลาดใจไม่น้อย ทว่าเพียงชั่วพริบตาบุรุษผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิดก็พยักหน้าก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ

รางวัลของผู้ที่ได้อันดับที่สองไม่ได้ด้อยไปกว่ารางวัลชนะเลิศเลย ต้องทราบก่อนว่าคลังสมบัติของโรงเรียนราชสำนักไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้โดยง่าย ยิ่งเมื่อเป็น*‘คลังเก็บสมบัติที่ชั้นสาม’* ก็ยิ่งมีแต่สมบัติหายากที่ยากแสนยาก ไม่ต้องพูดถึงสามชิ้นเลย แค่ได้มาสักชิ้นก็ถือว่าเป็นโชควาสนาครั้งใหญ่แล้ว

หากไม่ใช่เพราะฉินอวี้โม่มีความต้องการที่จะเข้าไปภายในดินแดนต้องห้ามมากอยู่เป็นทุนเดิม บางทีนางอาจจะคิดว่ารางวัลทีหนึ่งของนางดูน้อยกว่าที่สองเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินข้อมูลของรางวัลที่สองก็ทำให้ทั้งคุณหนูสี่ตระกูลฉินและอีกหลายคนพากันเข้าไปแสดงความยินดีกับบุรุษร่างใหญ่หลินซิวหยา การได้เข้าไปในคลังสมบัติของโรงเรียนคงจะช่วยให้เขาก้าวหน้าได้มากและรวดเร็วแน่

หลินซิวหยากล่าวขอบคุณทุกคนด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาพึงพอใจกับรางวัลนี้มาก

“นักเรียนที่ได้อันดับที่สามคือเนี่ยหรูเฟิง เขาคือผู้ครองอันดับที่สามในการแข่งขันประเภทบุคคลและกลุ่มของเขาก็คว้าที่สองในการแข่งขันประเภทหมู่คณะ ผู้ได้รางวัลที่สามนี้จะมีสิทธิ์เข้าไปในคลังสมบัติในชั้นที่สามและเลือกของในนั้นมาได้สองชิ้น นอกจากนั้นยังได้หินมายาอีกสองร้อยก้อน”

เมื่อได้ยินผลการประกาศรายชื่อของผู้ครองอันดับสามหลังจากรวมคะแนนแล้ว เนี่ยหรูเฟิงก็ผงะไป  ใบหน้าจริงใจเต็มไปด้วยความสุขปนตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้อันดับที่สามและยังได้รับรางวัลที่พิเศษขนาดนี้

อันที่จริงเรื่องนี้ต้องขอบคุณหลี่จิ้งเพราะเขาประกาศขอยอมแพ้ในรอบสี่คนสุดท้าย ทว่าสำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เนี่ยหรูเฟิงที่พยายามสุดความสามารถในการต่อสู้ก็สมควรได้รับรางวัลนั้นอย่างเต็มภาคภูมิ

“หรูเฟิง ยินดีกับเจ้าด้วย”

หลินซิวหยากล่าวแสดงความยินดีกับเนี่ยหรูเฟิง เขาไม่ได้ประหลาดใจเลยที่สหายผู้นี้ได้อันดับที่สาม เนื่องจากเนี่ยหรูเฟิงมีผลงานในการประลองประเภทบุคคลที่โดดเด่นมาก เขาเข้ารอบสี่คนสุดท้ายมาได้ แม้จะแพ้หลินซิวหยาแต่ก็นับว่าสมศักดิ์ศรี

“ขอบคุณมาก”

เนี่ยหรูเฟิงยิ้มกว้าง วันนี้เขามีความสุขเหลือล้นขณะเดียวกันบรรดาสหายทั้งหลายต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีกับเขาโดยพร้อมหน้า

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก เราเป็นสหายกันไม่ใช่หรือ ?”

หลินซิวหยาเอามือตบไหล่ของเนี่ยหรูเฟิง บุรุษร่างใหญ่ผู้คลั่งไคล้การต่อสู้ไม่สนใจคำขอบคุณแม้แต่น้อย

“อันดับที่สี่และที่ห้าคือหลี่จิ้งและโอวหยางชิงเฟิง”

ลิ้วหยวยประกาศอันดับสี่และห้าพร้อมกัน บนใบหน้าของผู้เป็นอาจารย์ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

การที่หลี่จิ้งได้ที่สี่นั้นไม่แปลก เพราะถึงแม้จะไม่ค่อยใช้ชีวิตภายในโรงเรียนแต่ชื่อเสียงและความสามารถของเขาก็เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ยิ่งกว่านั้นเขาคือหนึ่งในผู้ที่เข้ารอบสี่คนสุดท้าย อย่างไรก็ตามโอวหยางชิงเฟิงที่เป็นเพียงนักเรียนหน้าใหม่กลับคว้ารางวัลที่ห้ามาได้นับว่าไม่ธรรมดา เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของนักเรียนเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ถือเรื่องที่ชวนประหลาดใจแต่อย่างใด เนื่องจากคุณชายรองตระกูลโอวหยางได้รางวัลชนะเลิศประเภทหมู่คณะ ขณะที่การแข่งขันประเภทบุคคลเขาก็ก้าวเข้าไปถึงรอบแปดคนสุดท้ายได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการต่อสู้บนสนามประลองในทุกรอบของเขาบวกกับความเป็นนักเรียนใหม่ก็ทำให้ผลงานของบุรุษหน้าใสเป็นที่เข้าตากรรมการอย่างมาก

“รางวัลสำหรับที่สี่และที่ห้าเหมือนกัน พวกเจ้าทั้งสองสามารถเข้าไปยังคลังสมบัติในชั้นที่สามแล้วเอาสมบัติออกมาได้คนละชิ้น พร้อมกับได้รับหินมายาคนละหนึ่งร้อยก้อน”

ลิ้วหยวยประกาศรางวัลของอันดับที่สี่และห้า หลี่จิ้งมีสีหน้าที่นิ่งเฉยแต่ยังคงพยักหน้าน้อย ๆ ขณะที่โอวหยางชิงเฟิงนั้นยิ้มหน้าบานด้วยความตื่นเต้นดีใจอันล้นเหลือ

คุณชายจากหนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งไป๋อวิ๋นคิดว่า ครั้งนี้ถือว่าเขาได้โชคช่วยอยู่ไม่น้อยถึงได้คว้าอันดับที่ห้ามาครองได้ หากไม่ใช่เพราะสวรรค์อำนวยโชคเขาก็อาจจะไม่ติดแม้แต่หนึ่งในยี่สิบอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เหล่าจอมยุทธ์มักกล่าวกันว่าโชควาสนาก็คือความแข็งแกร่งอย่างหนึ่ง ดังนั้นโอวหยางชิงเฟิงจึงยินดีอยู่ไม่น้อย เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

หลังจากนั้นอาจารย์ลิ้วหยวยก็ประกาศอันที่หกถึงสิบซึ่งก็ได้แก่ เพ่ยหลง เจียงหลิวเยว่ ลั่วอวิ๋น หลินหยวนและหลิวฉานตามลำดับ

รางวัลสำหรับอันดับหกถึงสิบเองก็นับว่าไม่ด้อยค่า พวกเขาสามารถเข้าไปยัง *‘คลังสมบัติในชั้นที่สอง’*และเลือกสมบัติได้คนละชิ้น พร้อมกันนั้นก็ได้หินมายาอีกคนละห้าสิบก้อน

เพ่ยหลงและคนอื่น ๆ เองก็พอใจกับรางวัลของตัวเองเช่นกัน วันนี้ถือเป็นวันที่ดี พวกเขาทุกคนต่างก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

แม้ว่าคลังสมบัติของโรงเรียนในชั้นที่สองจะมีภาษีที่ด้อยกว่าชั้นที่สาม แต่ก็ยังเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า การได้รับมันมาอย่างไรก็ยังเป็นเรื่องน่ายินดี

ส่วนทางด้านของเยว่ชิงเฉิง หลิงเฟิง หลิงซวง และเหย่าเซียนเอ๋อร์ ก็ล้วนติดยี่สิบอันดับแรกซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่พวกนางได้ที่หนึ่งในการแข่งขันประเภทหมู่คณะทำให้มีคะแนนสูงกว่าผู้แข่งขันคนอื่น ๆ

พวกเขาทุกคนได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่คลังเก็บสมบัติชั้นหนึ่งและเลือกหาสมบัติได้คนละหนึ่งชิ้นและได้รับหินมายาจำนวนสามสิบก้อน เรื่องนี้ทำให้พวกเขามีความสุขและพอใจยิ่งนัก

ส่วนอันดับของคนอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเหล่าสหายนั้น ฉินอวี้โม่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก หากไม่ใช่กลุ่มสหายและคนสนิทสนมคุ้นเคยแล้ว อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูรู้เพียงแค่อันดับของจีหย่ง ปู้เฟยเทียนและจีชาง ซึ่งเป็นคู่อาฆาตเท่านั้น

จีหย่งได้อันดับสิบแปด ปู้เฟยเทียนได้อันดับยี่สิบห้า และจีชางย่ำแย่กว่านั้นมาก เพราะเขาได้อันดับที่สามสิบเก้า

แม้ว่าในการแข่งขันประเภทหมู่คณะผลงานของจีชางจะค่อนข้างอยู่ในอันดับที่โดดเด่น แต่ในการแข่งขันประเภทบุคคลเขาโชคร้ายต้องเจอกับลั่วอวิ๋น อีกทั้งยังถูกจู่โจมโดยไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้ชนิดที่เรียกเต็มปากว่าน่าอเนจอนาถ ท้ายที่สุดก็ตกรอบไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่บุรุษแซ่จีผู้น้องจะได้อันดับเพียงเท่านี้

ไม่มีผู้ใดติดใจสงสัยในผลอันดับคะแนนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ทำให้บุคคลทั้งสามขายหน้าแทบมุดแผ่นดินหนีอาย โดยเฉพาะจีหย่ง เขาคือนักเรียนที่อยู่ในอันดับที่สามของทำเนียบนภา การที่เขาได้เพียงอันดับสิบแปดของศึกประชันยุทธ์ถือเป็นเรื่องน่าอับอายมาก และเขาก็ยิ่งโกรธเคืองหนักหน่วงเมื่อได้เห็นเหล่าคนที่เขานึกเกลียดชังเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข

อันดับของการแข่งขันทั้งหมดจะถูกติดประกาศไว้ที่กระดานแจ้งข่าวสารบริเวณจัตุรัสของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนทุกคนสามารถตรวจสอบอันดับของตัวเองอีกครั้ง รวมถึงดูอันดับของคนอื่น ๆ ได้

แน่นอนว่าในวันแรกที่ติดประกาศมีคนจำนวนไม่น้อยไปไล่ดูรายชื่อในประกาศก่อนจะค่อย ๆ ลดน้อยลงในวันต่อ ๆ มา

เป็นเพราะว่ารางวัลจะถูกมอบให้ในอีกสามวันข้างหน้า สามวันนี้หลายชั้นเรียนประกาศงดการเรียนการสอน เป็นผลให้นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับวันหยุดสามวันเพื่อพักผ่อน หลังจากพยายามกันมาอย่างหนักหน่วงยาวนาน การได้รับรู้ว่าจะมีวันหยุดพักนั้นช่วยฟื้นฟูทั้งสภาพกายและเยียวยาจิตใจของนักเรียนผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้มหาศาล

หลังจากสิ้นสุดศึกประชันยุทธ์ในครั้งนี้ อันดับของทำเนียบนภาก็มีการเปลี่ยนแปลง

เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะปิงเสวียนและลั่วเฉินออกจากโรงเรียนเป็นผลให้อันดับที่หนึ่งและสองของทำเนียบหลักของโรงเรียนว่างลง

ฉินอวี้โม่ ลั่วอวิ๋น หลี่จิ้ง เจียงหลิวเยว่ล้วนมีชื่อติดในทำเนียบนภาที่ถูกจัดเรียงใหม่

เวลานี้นามของคุณหนูสี่ตระกูลฉินปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดในอันดับที่หนึ่งบนทำเนียบดังกล่าว ขณะเดียวกันผู้ครองอันดับที่สองก็คือบุรุษร่างใหญ่ใจดีอย่างหลินซิวหยา

ที่น่าตกใจคือ จีหย่งที่แต่เดิมเคยอยู่ในอันดับที่สามตกฮวบลงไปหลายอันดับ

ตอนนี้อันดับที่สามกลายเป็นของจ้าวภารกิจ–หลินหยวน ผู้มีฝีมือเป็นรองหลินซิวหยาเพียงเล็กน้อย

เพ่ยหลงนั้นเลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สี่ อันดับที่ห้าเป็นของหลี่จิ้งผู้เคยอยู่ในอันดับที่สองแห่งทำเนียบพสุธา

ถึงแม้หลี่จิ้งจะได้เพียงอันดับที่ห้า ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกล้าประมาทเขา เนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่าฝีมือในการต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินซิวหยาและหลินหยวน น่าเสียดายที่ในการแข่งขันครั้งนี้เขาไม่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเลย อีกทั้งในการพบกันกับฉินอวี้โม่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แต่บุรุษผู้รักการท่องยุทธภพมากกว่าอยู่ในโรงเรียนกลับชิงขอยอมแพ้ไปก่อน

อันดับที่หกตกเป็นของเนี่ยหรูเฟิง ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของตัวเอง แน่นอนว่าอันดับของเขาควรจะสูงกว่านี้ อย่างไรก็ตามครั้งนี้กลับมีม้ามืดอย่างหลี่จิ้งมาปรากฏตัวทำให้อันดับหลังการเปลี่ยนแปลงของเขาสูงขึ้นไม่มากเท่าที่หลายคนคาดเดาเอาไว้

อันดับที่เจ็ดตกเป็นของจีหย่งที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นถึงผู้ครองอันดับสาม เขาพ่ายแพ้ให้กับฉินอวี้โม่และตกรอบไปตั้งแต่รอบสิบหกคนสุดท้ายแห่งศึกประยุทธ์ แม้ว่าระดับพลังจะแตะขอบเขตทูตสวรรค์แล้ว แต่อันดับก็ยังตกมาอยู่ยังที่เจ็ด นี่ทำให้จีหย่งยิ่งอับอายขายหน้ายิ่งกว่าเดิม ทว่าบุรุษแซ่จีผู้พี่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากต้องฝืนทนไปเท่านั้น

อันดับแปดคือเจียงหลิวเยว่ สตรีที่ทั้งงดงามและแข็งแกร่ง ผลงานของนางในการแข่งประเภทบุคคลก็นับว่ายอดเยี่ยมไม่น้อยหน้า

อันดับต่อจากเจียงหลิวเยว่ก็คือลั่วอวิ๋น นักเรียนหน้าใหม่ไฟแรงสูง ผู้ที่เก้าขึ้นมาเป็นจอมยุทธ์มายาบรรพชนเก้าดาราได้อย่างไม่คาดฝัน และผลลัพธ์ในศึกประชันยุทธ์ของเขาก็โดดเด่นไม่น้อย แม้จะพ่ายรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์และคุ้นชินกับพลังของตนมากกว่าแต่ก็เรียกว่าคู่ต่อสู้ของเข้าต้องหืดขึ้นคอ

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งเดือน ลั่วอวิ๋นเป็นเพียงนักเรียนหน้าใหม่ผู้อยู่ในอันดับที่ยี่สิบของทำเนียบดาวรุ่งเท่านั้น การที่จู่ ๆ สามารถกระโดดขึ้นมาติดหนึ่งในสิบของทำเนียบนภาได้ในเวลาอันสั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากทีเดียว ในตอนนี้นักเรียนจำนวนมากมายโดยเฉพาะสาวน้อยทั้งหลายต่างก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของบุตรชายเจ้าเมืองเยว่กวางผู้นี้และลอบสืบหาความเป็นมาของเขาอย่างกระตือรือร้น

อย่างไรก็ตาม มีน้อยคนนักที่จะทราบความจริง เพราะไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าที่เขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ได้เป็นเพราะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในป่าเหมันต์ การพลิกจากสถานการณ์เฉียดตายกลายเป็นสุดยอดจอมยุทธ์ได้นับว่าเป็นเลิศเสียยิ่งกว่าวาสนานับหมื่นเลยทีเดียว

ส่วนอันดับที่สิบเป็นของปู้เฟยเทียนที่พ่ายแพ้ให้กับเนี่ยหรูเฟิงอย่างหมดรูปในศึกประชันยุทธ์

อย่างไรปู้เฟยเทียนก็ถือเป็นนักเรียนระดับแนวหน้าและอยู่ในอันดับแรก ๆ ของทำเนียบนภามานาน แม้ว่าจะแพ้อย่างหมดรูปแต่ก็ยังมีชื่อติดหนึ่งในสิบของทำเนียบหลักนี้ได้

หลิวฉาน เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอจะติดสิบอันดับแรกของทำเนียบนภา ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาในเวลานี้ก็ทำให้สามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับต้น ๆ ของทำเนียบพสุธากับทำเนียบดาวรุ่งได้

อันดับที่หนึ่งของทำเนียบพสุธาตอนนี้เป็นของหลิวฉานที่ทำผลงานดีเลิศในการแข่งขันทั้งสองประเภท  บุรุษผู้นี้ถือว่าก้าวหน้าได้รวดเร็ว เพราะก่อนหน้านี้เขายังอยู่เพียงอันดับสองในทำเนียบดาวรุ่งตามหลังจีชาง

ทว่าในเวลานั้นทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าความแข็งแกร่งหลิวฉานล้ำหน้าจีชางไปแล้ว เหตุผลเดียวที่เขาไม่อาจก้าวขึ้นไปอันดับหนึ่งได้ก็เป็นเพราะหวั่นเกรงบารมีของจีหย่ง

หลังจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปี หลิวฉานผู้นี้ก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การที่เขายึดอันดับหนึ่งของทำเนียบพสุธาไม่ได้ทำให้ฉินอวี้โม่และพวกพ้องรู้สึกประหลาดใจมากนัก

โอวหยางชิงเฟิง หลิงเฟิง และฉีอวี้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของทำเนียบพสุธาทั้งหมด ความแข็งแกร่งของพวกเขาเองก็ก้าวหน้าอย่างชัดเจนเช่นกัน

ขณะที่เหล่าสหายอวี้โม่คนอื่น ๆ นั้นยังคงครองอันดับอยู่ในทำเนียบดาวรุ่ง

ในตอนนี้ผู้ที่ครองอันดับที่หนึ่งในทำเนียบดาวรุ่งก็คือหลิงซวง อันดับที่สองเป็นของเยว่ชิงเฉิงและอันดับที่สามเป็นของเหย่าเซียนเอ๋อร์ แม้แต่สหายที่อายุน้อยที่สุดอย่างองค์หญิงฉีฉีก็ยังติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของทำเนียบดาวรุ่งได้แล้ว

ต้องบอกเลยว่า ตำแหน่งในทำเนียบต่าง ๆ ของโรงเรียนภายหลังจากศึกประชันยุทธ์ครั้งใหญ่จบลงถูกนักเรียนหน้าใหม่จับจองกันเป็นจำนวนมากกว่าปีอื่น ๆ ที่ผ่านมา เรื่องนี้ทำให้ทั้งบรรดารุ่นพี่และอาจารย์ตกตะลึงไปไม่น้อย

รุ่นพี่ทั้งหลายรู้สึกถึงแรงกดดันจากนักเรียนหน้าใหม่เป็นอย่างมากจนทำให้หลายคนต้องรีบกลับไปฝึกหนักเพื่อรักษาอันดับของตัวเอง อย่างไรก็ตามนี่ก็ถือเป็นแรงผลักดันในทางที่ดีต่อศิษย์แห่งโรงเรียนราชสำนักทั้งหลาย

คุณหนูสี่ตระกูลฉินและเหล่าสหายผู้อ่อนล้าพากันกลับไปยังหอพักของตัวเอง แม้จะเหนื่อยกายแต่ใบหน้าของทุกคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น ในวันนี้พวกเขาได้รับทั้งรางวัลและชื่อเสียง ความเป็นสุขและเบิกบานฟูอยู่เต็มหัวใจ

ขณะเอนกายพักผ่อนอยู่บนเตียง ฉินอวี้โม่ก็น้อมนำจิตเข้าตรวจสอบภายในร่างกายของตนก่อนจะแวะเข้าไปในมิติเชื่อมอสูรเพื่อเยี่ยมเยือนเหล่าอสูรทั้งหลายในสังกัด

อีกไม่กี่วันฉินอวี้โม่จะเข้าไปยังดินแดนต้องห้าม ที่นั่นมีบางอย่างที่ซิวรู้สึกคุ้นเคยอยู่ ดังนั้นแล้วมันน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนางด้วย

ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสครั้งใหญ่อยู่ตรงหน้าแต่ซิวกลับยังไม่ตื่นจากการหลับใหล ทว่าหากจะฝืนปลุกอสูรผู้มีพลังยิ่งใหญ่ขึ้นมาในเวลานี้ก็เกรงว่าจะเกิดผลเสียใหญ่หลวง

อย่างไรก็ตามถ้าหากซิวยังไม่ตื่น ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่ามีความลับใดที่ซ่อนอยู่ดินแดนต้องห้าม ในตอนนี้คุณหนูสี่ตระกูลฉินกำลังอยู่ในสภาวะคิดไม่ตก

.