บทที่ 216 อนุสรณ์แห่งสองพิภพ นามปรากฏ!
ทะเทรายอันกว้างใหญ่ทรายสีเหลืองทองสุดลูกหูลูกตามีเลือดและกระดูกจํานวนนับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ข้างใต้
ราชันผู้กําแหงในอดีต ณ ตอนนี้กลายเป็นแค่เพียงเศษซากมีเพียงผู้มีอํานาจอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะทิ้งร่างภายใต้ทรายสีเหลืองทองเหล่านี้ได้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
หลังจากฝึกฝนมานับหมื่นปีกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วพิภพทว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องวนเวียนอยู่ในการต่อสู้อันนองเลือดและในที่สุดก็พบกับจุดจบอันแสนน่าเศร้า
แต่ในตอนนี้ ส่วนหนึ่งของสนามรบถูกฉีกกระชากโดยเงื้อมมือของเทียนหวู่ เผยให้เห็นซากปรักหักพังโบราณของยุคสมัยเก่าก่อน
“มันก็แค่อนุสรณ์โบราณเป็นเพียงซากปรักหักพังของยุคสมัยโบราณเพียงเท่านั้น”
เทียนหวู่กล่าวออกมาหลังจากเพียงเหลือบมองเข้าไปก่อนจะหันไปมองทางอื่น
สมบัติที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ทะเลทรายนี้ หากมันมีค่ามากจริงๆ มันก็คงจะไม่ถูกทิ้งเอาไว้ในพื้นดินเช่นนี้หรอก
และถึงจะมีสิ่งใดถูกฝังอยู่ข้างใต้ มันก็ไม่สําคัญมากนักหรอก
เทียนหวู่ก้าวไปข้างหน้าทวนสวรรค์ในมือชี้ไปที่พื้นอีกคราเพื่อกําจัดทุกสิ่งภายในรอยแยกนี้รวมไปถึงอนุสรณ์โบราณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อการโจมตีถูกส่งลงไปอนุสรณ์โบราณก็เริ่มดันตัวสูงขึ้นมาในทันที!
กระแสพลังอันมหาศาลไร้เทียมทานพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในทันใด
อนุสรณ์โบราณปรากฏขึ้นมาพร้อมส่องประกายเกินคาดมันลอยขึ้นเหนือพื้นดินราวกับเป็น
พระอาทิตย์ที่สาดแสงไปทั่วทั้งพิภพส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทาง
“ความผันผวนในเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์!”
การปรากฏขึ้นของอนุสรณ์โบราณนี้สร้างความตกตะลึงแก่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น
กระทั่งราชันเฉียนยังรู้สึกตกใจ
นั่นก็เพราะในตอนที่อนุสรณ์โบราณปรากฏขึ้นมามันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์!
เหมือนว่าอนุสรณ์โบราณนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยราชันเซียนนิรันดร์ในอดีต!
ราชันเฉียนรู้สึกเช่นนั้น และคนอื่นๆเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
พลังอันไร้เทียมทานของราชันเซียนนิรันดร์ได้แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง หากมิใช่เพราะการปกป้องของโองการราชันอมตะเกรงว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนทมิฬจะต้องลงไปคุกเข่ากับพื้นเสียแล้วแต่ถึงกระนั้นพวกมันก็มองไปที่อนุสรณ์โบราณบนท้องฟ้าด้วยความสงสัยและตกตะลึง
ใครจะไปคิดกันเล่าว่า
การโจมตีมั่วๆ ของเทียนหวู่นั้นจะเผยความลับเช่นนี้ออกมา?
“สมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยราชันเซียนนิรันดร์?”
เทียนหวู่ตกตะลึงและตกใจ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการโจมตีสุ่มๆ ของเขาจะทําให้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้น
“น่าแปลก… ในอนุสรณ์โบราณนี้มีกลิ่นอายของราชันเซียนนิรันดร์และราชันเซียนอมตะอยู่ร่วมกันอยู่อีกทั้งยังมีอักษรจารึกไว้อยู่สองแห่งอีกด้วยหรืออดีตราชันเซียนนิรันดร์และอดีตราชัน
เซียนอมตะจะมีเรื่องราวร่วมกัน?”
กระทิงทองค่ามองไปยังอนุสรณ์โบราณมันมองดูและคาดเดาออกมา
ด้านบนอนุสรณ์โบราณนี้ มีกลิ่นอายสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแผ่ออกมา ซึ่งเป็นของราชันเซียนอมตะของแดนทมิฬและราชันเซียนนิรันดร์ของแดนนิรันดร์
ด้านบนอนุสรณ์นี้มีจารึกศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองภพถูกสลักเอาไว้อยู่ ซึ่งก็เพียงพอจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าอนุสรณ์นี้ถูกทิ้งไว้โดยราชันเซียนนิรันดร์และราชันเซียนอมตะคนก่อน “อนุสรณ์โบราณที่ถูกสร้างขึ้นโดยราชันเซียนนิรันดร์และราชันเซียนอมตะ?”
ราชันเฉียนส่ายหัวเล็กน้อย
ในช่วงชีวิตอันแสนยาวนานของเขาเขาไม่เคยพบเจอหรือได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนแต่เพียงเท่านี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าอายุของอนุสรณ์แห่งนี้นั้นยาวนานกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
มีความเป็นไปได้ที่อนุสรณ์นี้จะเป็นประวัติศาสตร์ที่หายสาบสูญไปก่อนการล่มสลายของแดนนิรันดร์!
มีอะไรสลักไว้บนอนุสรณ์โบราณนี้กัน?
ในชั่วขณะนั้น กระทั่งราชันเฉียนเองก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาบนอนุสรณ์โบราณแห่งนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วมันก็เป็นชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่หายสาบสูญไปและเกี่ยวของกับราชันเซียนนิรันดร์ของแดนนิรันดร์ นั่นจึงทําให้เขารู้สึกสนใจบนอนุสรณ์โบราณนั้น มีจารึกศักดิ์สิทธิ์ถูกเขียนเอาไว้อยู่ราวกับดวงอาทิตย์ที่เด่นสะดุดตา
แม้รูปแบบตัวอักษรจะแตกต่างไปจากปัจจุบัน แต่โดยรวมแล้วมันก็คล้ายกันสามารถแยกตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากเนื้อหาได้
“สองดินแดนเข่นฆ่ากันจนกว่าจะสิ้นสูญ อนุสรณ์ราชันผู้กําแหงนิรันดร์…”
ด้านหลังกระทิงทองคําราชันผู้กําแหงจากแดนทมิฬพึมพําเนื้อหาบนอนุสรณ์โบราณออกมา
คนอื่นๆ หลังจากตรวจสอบดูนิดหน่อยพวกเขารู้ถึงเนื้อหาของอนุสรณ์โบราณนี้
ในอดีตไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหนระหว่างแดนทมิฬกับแดนนิรันดร์นี้นั้นก็มีการปะทะกันของราชันผู้กําแหงอยู่บ่อยครั้งเช่นเดียวกัน แต่มันโหดร้ายและน่าเศร้ากว่านี้มาก
ราชันผู้กําแหงที่แท้จริงของสองพิภพเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้และราชันเซียนนิรันดร์กับราชัน
เซียนอมตะเข้ามาดูการต่อสู้นี้ด้วยตนเอง
ในท้ายที่สุด จากผลของการต่อสู้อนุสรณ์แห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้น!บนอนุสรณ์นั้นมีอันดับของราชันผู้กําแหงที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้เมื่อในอดีตถูกสลักเอาไว้อยู่
อนุสรณ์ราชันผู้กําแหงนิรันดร์ มีเพียงราชันผู้กําแหงนิรันดร์เท่านั้นจึงจะทิ้งชื่อเอาไว้บนนี้ได้!นี่คือข้อพิสูจน์ของความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ รวมไปถึงชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์!“อนุสรณ์ราชันผู้กําาแหงนิรันดร์อย่างนั้นรึ? ฮ่าๆๆเกรงว่าผู้ที่มีนามสลักไว้บนนั้นคงจะเป็นสิ่งมี
ชีวิตของโลกข้าเพียงเท่านั้น!”
“ใช่ สิงมีชีวิตแดนนิรันดร์อ่อนแอยิ่งนักถึงจะเป็นราชันผู้กําแหง แต่พวกมันก็ห่างไกลจากราชันผู้กําแหงของแดนเรามากนักพวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรกันถึงจะได้ถูกสลักชื่อไว้บนนั้น?”“ดูการจัดอันดับเถอะข้าทนรอดูอันดับของราชันผู้กําแหงแดนนิรันดร์นี่ไม่ไหวแล้ว” ราชันผู้กําแหงแดนทมิฬยิ้มหยันอดใจรอดูรายชื่อบนอนุสรณ์ไม่ไหว
ทุกๆ ชื่อคือชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงอดีตอันรุ่งโรจน์
เหนือชื่อแต่ละชื่อมีการหมุนเวียนของกระแสพลังจางๆอยู่เพื่อแยกแยะว่าชื่อของคนๆ นี้มาจากแดนนิรันดร์หรือแดนทมิฬ
ราชันผู้ก่าแหงของแดนทมิฬกวาดตามองดูอนุสรณ์ก่อนที่ในใจของพวกมันจะชาในทันทีเพราะในบรรดาชื่อจํานวนมากเหล่านั้น หากมองแวบแรกส่วนมากจะมีกลิ่นอายของแดนทมิฬอยู่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นของแดนนิรันดร์
และกลิ่นอายของแดนนิรันดร์เหล่านั้นต่างอยู่ในอันดับท้ายๆของรายชื่อ
ผลลัพท์เช่นนี้ทําให้ราชันผู้กําแหงแดนนิรันดร์ต้องรู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่ต้องสงสัย
แดนนิรันดร์แพ้แดนทมิฬ จบสิ้นแล้วอย่างนั้นรึ?
หลายชั่วกัปชั่วกัลป์ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นในตอนนี้ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน
“อย่างที่ข้าคิด ราชันผู้กําแหงแดนนิรันดร์ไม่มีอะไรดีไปกว่าหมาเฝ้าไก่”
ราชันผู้ก่าแหงแดนทมิฬหัวเราะเยาะแสดงออกมาถึงความเย้ยหยัน
แต่ในตอนที่พวกมันกําลังเย้ยหยันอยู่นั้นเอง
ด้านบนสุดของอนุสรณ์ มีนามหนึ่งปรากฏขึ้นมาและเริ่มเปล่งกระแสพลังที่เกินเทียบออกมา!
นามนั้นอยู่เหนือทุกนามบนอนุสรณ์โดดเดี่ยวเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดในสองโลกนี้!
นามนั้นมีเพียงค่าเดียว
นามของเขาคือ ผู้โดดเดี่ยว!