บทที่ 114 เส้นคั่นระหว่างเผ่าพันธุ์

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 114 เส้นคั่นระหว่างเผ่าพันธุ์
บทที่ 114 เส้นคั่นระหว่างเผ่าพันธุ์

ขณะที่ดาร์กเห็นใบหน้านั้น ความทรงจำก็ผุดขึ้นมาในหัวเขา

ในห้องทำงานของศาสตราจารย์เคเซอร์

การ์ดดอกไม้ที่ประดับด้วยดอกกุหลาบสีเขียวระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงไฟ

ศาสตราจารย์ยื่นมือออกมาและกดลงไป กุหลาบสีเขียวบนพื้นผิวการ์ดก็ลอยออกมา ก่อนที่ใบหน้าซึ่งดูอ่อนเยาว์ทว่างดงามจะปรากฏขึ้นมาบนพื้นผิวการ์ด

มันเป็นภูตตัวน้อยที่มีปีกผีเสื้อ

‘กุหลาบสีเขียวที่ไร้เดียงสาและเรียบง่าย มันมาพร้อมกับพรที่มอบให้แด่วัยเยาว์ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาในรักนิรันดร์’

ดาร์กคิดว่าภูตตัวน้อยนั้นเป็นคนรักของศาสตราจารย์เคเซอร์

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ การคาดเดาเดิมของเขาน่าจะถูกต้อง

ภูตตัวน้อยที่ชู [มหาอสนีบาต] ไว้ตรงหน้าเขามีใบหน้าเหมือนกันทุกประการ

แต่เมื่อเขาเห็นภูตตัวน้อยชัด ๆ ดาร์กก็ตระหนักว่าภูตตัวน้อยเพียงคนเดียวที่มีปีกผีเสื้อในสถาบันนั้น ดูเหมือนจะเป็นศาสตราจารย์ดีดี้ แม็กซ์เวลล์ที่สอนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์

เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว

นอกจากอายุที่ยังน้อย ภูตตัวน้อยตนนี้ก็เหมือนกับศาสตราจารย์ดีดี้ ทั้งสี ลวดลายที่ปีก และเสื้อผ้าบนร่างกาย

“นี่คือเหตุผลที่ศาสตราจารย์เคเซอร์ไม่ยอมบอกให้ชัดเจนใช่ไหม?”

“เขาไม่อยากทำลายแผนของศาสตราจารย์ดีดี้ แต่เขาต้องการทำบางอย่างตามสามัญสำนึกของตัวเอง”

“ดังนั้นเขาจึงเข้าหาฉันโดยหวังว่าฉันจะตรวจสอบ มีส่วนร่วม และตัดสินใจแทนเขาได้”

“อารมณ์ของมนุษย์ช่างซับซ้อนเสียจริง”

ดาร์กไม่ได้ทำตามคำพูดของศาสตราจารย์ซิลเวอร์ที่บอกให้ถอยห่างออกไป แต่เขากลับบินลงมาบนหอนาฬิกาแทน

เด็กชายลงมานั่งยืนอยู่บนพื้น และที่ข้างกันก็มีเดอะเลดี้ซึ่งลงมายืนอยู่ด้วย

ศาสตราจารย์ดีดี้เพียงมองดูศาสตราจารย์ซาราห์ ซิลเวอร์และดาร์ก เดม่อน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์กลับพูดด้วยความประหลาดใจ “ดีดี้ คำสาปของเธอถูกปลดออกแล้วใช่ไหม?”

ศาสตราจารย์ดีดี้ยิ้มจาง ๆ ออกมา “ฉันเพิ่งทำการทดลองเล็ก ๆ เสร็จ”

เสียงของศาสตราจารย์ซิลเวอร์แทรกผ่านเข้าไปในพายุฝน “แต่นี่ดูไม่เหมือนการทดลองเล็ก ๆ เลยนะ!”

ศาสตราจารย์ดีดี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “แค่การฉายซ้ำเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ขนาดสั้นน่ะ”

หลังจากนั้นเธอก็แบมือออก ลูกปัดที่เปล่งประกายแวววาวของดวงจันทร์สีเงินก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมา

มันมีดวงจันทร์สว่างไสวลอยอยู่กลางลูกปัด

ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ มันกลับกลายเป็นดวงจันทร์เพียงดวงเดียว

“น้ำตาของเทพธิดาแห่งจันทรา?”

น้ำเสียงของศาสตราจารย์ซิลเวอร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่ผิดแน่ “เธอทำได้ยังไง?”

ศาสตราจารย์ดีดี้เก็บน้ำตาของเทพธิดาแห่งจันทรากลับไปและกระซิบเบา ๆ “อย่างที่ฉันบอก นี่มันแค่การฉายเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ขนาดสั้น”

เธอตวัดไม้กายสิทธิ์ขึ้นเบา ๆ ก่อนที่แสงของอสนีบาตจะส่องประกายขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการจะพูดอะไรต่อ

เสียงของศาสตราจารย์เคเซอร์ดังขึ้นในเวลานี้ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่ตั้งของปราสาทและภาพจำทางประวัติศาสตร์”

ศาสตราจารย์ดีดี้หันมามองเขา “เคเซอร์ ความรู้ของนายช่างลึกซึ้งจริง ๆ น่าเสียดายที่ก็อบลินก็ยังคงเป็นก็อบลินอยู่วันยังค่ำ”

ศาสตราจารย์เคเซอร์ขมวดคิ้ว “ดีดี้”

ศาสตราจารย์ดีดี้พูดต่อโดยไม่หยุด “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงยอมทนทรมานจากการถูกสาปมากกว่าเลือกนาย ก็เพราะเลือดก็อบลินมันต่ำยังไงล่ะ!”

คิ้วของเธอเลิกขึ้นสูงและน้ำเสียงของเธอก็เย็นเยียบไม่น้อย

ในฐานะสมาชิกของเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาว ภูตไม่เพียงแต่ได้รับพรแห่งกาลเวลาเท่านั้น แต่ยังมีความอ่อนเยาว์ตลอดกาลอีกด้วย พวกเขาใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบในเทพนิยายมากกว่าเผ่าพันธุ์ใกล้เคียงอย่างเอลฟ์

เหล่าภูตซึ่งเชิดชูสายเลือดของพวกเขาเหนือสิ่งอื่นใดมักจะมีนิสัยหยิ่งผยอง ในสายตาของพวกเขา แม้แต่มนุษย์ก็เป็นเพียงแค่สัตว์เลื้อยคลานบนพื้นดิน ไม่ต้องพูดถึงก็อบลินสกปรกที่อาศัยอยู่ใต้ผืนพสุธาเลย!

ในฐานะตัวแทนของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนี้ ดีดี้ แม็กซ์เวลล์สามารถมองคนอื่นได้อย่างเท่าเทียมกันก็เพราะความชราอันเกิดจากคำสาป หากแต่สิ่งนี้กลับแตกต่างกับเทพนิยาย

หลังจากอาศัยน้ำตาของเทพธิดาแห่งจันทราเพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของเธอ อารมณ์นึกคิดเดิมของเธอก็กลับคืนมาอีกครั้ง

เหตุที่เธอแก่เฒ่าก็เป็นเพราะว่าเมื่อครั้งอดีตที่เธอได้เข้าไปสำรวจในวิหารโบราณลึก เธอได้เลือก ‘เวลา’ แทนที่จะเป็น ‘ความรัก’ หลังเผชิญกับตัวเลือกที่มอบให้โดยเจตจำนงของดวงจันทร์ เธอจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากคำสาปของเทพธิดาแห่งจันทรา!

ความรักที่เธอปฏิเสธในเวลานั้นคือศาสตราจารย์เคเซอร์

พวกเขาเคยเป็นเพื่อนในการผจญภัยต่าง ๆ และตอนนี้พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานในสถาบันเดียวกัน

น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องหยุดลงที่นี่

ศาสตราจารย์เคเซอร์ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ

ไม่มีความขุ่นเคืองในสายตาของเขาเลย

แม้ว่าศาสตราจารย์ดีดี้จะกล่าวว่า สายเลือดของเขาต่ำต้อยต่อหน้านักเรียน

เขาก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน

สิ่งที่เอ่อล้นอยู่ในแววตาของเขาคือความทรงจำและความคิดถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ดีดี้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก

เธอกับลิลลี่ต่างก็เป็นภูตเช่นกัน และล้วนก็มีบุคลิกสองแบบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่สิ่งที่ดึงดูดใจเขาก็คือความเย่อหยิ่งที่ดื้อรั้นเช่นนี้

บททดสอบแห่งกาลเวลาโหดร้ายเกินไป

จากทีมดั้งเดิมสี่คน ตอนนี้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น

และในอีกไม่กี่ทศวรรษ จะเหลือคนน้อยลงไปอีกหนึ่งคน

แม้ว่าชีวิตของก็อบลินจะยาวนานกว่ามนุษย์เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้นานเท่ากับภูตที่สามารถท้าทายกาลเวลาได้

เคเซอร์รู้ว่าเขาชรามากแล้ว

เขาปรากฏตัวที่นี่ คืนนี้ ก็เพื่อเจอกับดีดี้เป็นครั้งสุดท้าย

ดีดี้ไม่ได้ล้ำเส้นเลยแม้แต่น้อย เพราะมันยังไม่มีการบาดเจ็บล้มตายในหมู่นักเรียน

และในเซนต์แมเรียน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด

ตราบใดที่ไม่ได้ล้ำเส้นนี้ อาจารย์ใหญ่ก็จะไม่โจมตีเธอ

แต่เธอจะถูกไล่ออกอย่างแน่นอน

เคเซอร์ผู้รู้ว่าตนเองนั้นพลังถดถอยลงในทุกปี ทำให้เขามีความคิดที่จะอยู่ในเซนต์แมเรียนไปตลอดชีวิตที่เหลือ เขาไม่มีแรงที่จะออกสำรวจกับดีดี้ที่อายุยังน้อยและกระฉับกระเฉงได้อีกต่อไปแล้ว

อายุขัยที่ยาวนานทำให้ภูตตัวน้อยอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่รู้จบ

อีกทั้งการตามรอยประวัติศาสตร์ หรือการค้นหาความจริงในม่านหมอกและฝุ่นธุลีตลอดไป ล้วนเป็นวิถีชีวิตของภูตส่วนใหญ่

ศาสตราจารย์ลิลลี่ซึ่งยังคงนอนอ่อนแรงอยู่บนที่นั่งของศาสตราจารย์ เหยียดแขนออกแล้วพลิกตัวไปมา เธอลอยมาอยู่ที่ขอบโต๊ะ ก่อนจะมองเพดานที่ค่อย ๆ สว่างขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

“ในเมื่อเป็นห่วงเธอมาก ทำไมไม่ไปหาเธอล่ะ”

เสียงอ่อนโยนของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ดังขึ้นในหูของเธอ

ศาสตราจารย์ลิลลี่บ่น “ไปหาเธอแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ในที่สุดเธอก็จะจากไปอยู่ดี”

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ถามว่า “เธอรู้อยู่แล้วหรือ?”

ศาสตราจารย์ลิลลี่พลิกตัวอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าเข้าหาพื้น “ใช่ สุดท้ายมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร”

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ถอนหายใจ “เฮ้อ”

เพียงชั่วพริบตา

มีร่างขนาดใหญ่อีกร่างหนึ่งอยู่เหนือหอนาฬิกา ซึ่งก็คือศาสตราจารย์โจนส์ในร่างหมีของเธอ

เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของอาจารย์ทั้งสาม ศาสตราจารย์ดีดี้ก็หันความสนใจของเธอไปที่สฟิงซ์ที่บินอยู่อย่างเฉยเมย

หนึ่งในเก้าสปิริตของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ ซึ่งเป็นสฟิงซ์ที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิต บินอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับวีรบุรุษในคำทำนาย

ศาสตราจารย์ดีดี้เหลือบมองวีรบุรุษที่สวมชุดเคานท์แวมไพร์ จากนั้นจึงมองไปยังนักเรียนอีกคนที่อยู่ด้วยอย่างไม่ตั้งใจ

มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย

มันคือรอยยิ้มที่รู้สึกสนใจอะไรบางอย่าง

“คำทำนาย…”