บทที่ 300
สีหน้าของหูเหวินเหว่ยเคร่งขรึม “ไอ้น้องถาน คิดให้ดี ๆ อย่าใจร้อน”

ถานกวงเย่ากล่าวอย่างเย็นชา “ถานหลินส่งแขก!”

“คุณหู เชิญครับ!” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อายุประมาณสามสิบต้น ๆ เดินออกมาจากด้านหลัง ถานกวงเย่าแล้วจ้องไปที่หูเหวินเหว่ยอย่างเย็นชา และแสดงสัญญาลักษณ์มือเพื่อเชิญเขากลับ

หูเหวินเหว่ยไม่ได้ตั้งใจจะจากไป เขามองถานกวงเย่า แล้วกล่าวเยาะเย้ย “คนนี้คือบอดี้การ์ดอันดับหนึ่งของโรงแรมซื่อไห่ถานหลินใช่ไหม?”

“ได้ยินมาว่าเคยมีคนหาเรื่องที่โรงแรมซื่อไห่ ถานหลินคนเดียวสามารถจัดการคนได้เป็นสิบ สั่นสะเทือนไปทั่วอำเภอเฟิ่งซาน และบังเอิญคุณชายจินก็ส่งบอดี้การ์ดมาคนหนึ่งเช่นกัน ให้พวกเขาประลองกันดูสิว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน?”

ตาของถานกวงเย่าเย็นชา “พี่หู วันนี้ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตายก็จะไม่ยอดรามือใช่ไหม?”

หูเหวินเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้น้องถานกล่าวหนักเกินไปแล้ว เป้าหมายของผมคือโรงแรมซื่อไห่เท่านั้น!”

“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถานหลินไปขอคำชี้แนะจากยอดฝีมือที่คุณชายจินส่งมาเถอะ!” ถานกวงเย่า ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกโมโหแล้ว

“ครับ!” ถานหลินพยักหน้า แล้วมองหูเหวินเหว่ย “เชิญยอดฝีมือท่านนั้นออกมาชี้แนะเถอะ!”

หูเหวินเหว่ยหัวเราะ ยังไม่ทันที่เขาจะออกคำสั่ง ชายหนุ่มสวมชุดดำที่อยู่ข้างหลัง พลิกตัวและยืนอย่างมั่นคงต่อหน้าถานหลิน

ถานหลินรู้สึกตกใจ สีหน้าเคร่งขรึม การพลิกตัวเช่นนี้ เขายังไม่สามารถทำได้

“ผมชื่อ ถานหลินมิทราบว่าพี่ชายท่านนี้ชื่ออะไร” ถานหลินประสานมือทั้งสองแล้วคำนับ

สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นเย็นชา และมองถานหลินด้วยสายตาเหยียดหยาม “ถ้าคุณสามารถรับการโจมตีของผมได้หนึ่งกระบวนท่า คุณถึงคู่ควรที่จะรู้จักชื่อของผม”

ถานหลิน รู้สึกโมโหมาก “หยิ่งยโส!”

“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา แล้วปล่อยหมัดไปที่ถานหลินทันที

หมัดที่ทรงพลังทำให้ทุกคนในห้องโถงรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย และถานหลินก็รู้สึกตกใจ “นักบู๊!”

ปัง!

ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ถานหลินก็ถูกอีกฝ่ายต่อยจนกระเด็นออกไป และล้มลงบนพื้น พ่นเลือดออกมาเต็มปาก และสูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว

นี่มัน……

ทุกคนต่างตกตะลึง และสีหนาของคนตระกูลถานเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ถานหลินถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนบู๊ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่เขาอายุแปดขวบ เขาคนเดียวสามารถต่อสู้กับคนเป็นสิบ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของตระกูลถาน

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถต้านแม้แต่หมัดเดียวของอีกฝ่ายได้!

นักบู๊คืออะไร? ชาวอำเภอเฟิ่งซานไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้ และแม้แต่ถานกวงเย่าก็ยังไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงรีบสั่งให้คนช่วยพยุงถานหลินและสอบถามอาการบาดเจ็บของเขา

ถานหลินถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาล และก่อนที่เขาจะจากไป เขามองไปที่ถานกวงเย่าด้วยความสิ้นหวัง และอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ลุงรอง ยอมแพ้เถอะ เขาเป็นนักบู๊ในตำนาน และเขาคนเดียวก็สามารถทำลายตระกูลถานของพวกเราได้อย่างง่ายดาย!”

หัวใจของถานกวงเย่าจมลงสู่ก้นบึ้ง

ชายหนุ่มคนนั้นพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา แล้วมองไปยังถานหลินที่กำลังถูกแบกออกไป และกล่าวด้วยความเหยียดหยามว่า “เหมือนมด!”

หูเหวินเหว่ยหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ไอ้น้องถานเป็นไงบ้าง? ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมตระกูลจินถึงได้สามารถครอบครองทั่วทั้งฮ่านหยางได้?! เรื่องราวบางอย่าง คนระดับอย่างพวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใจ เพื่อเห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมานาน ผมขอแนะนำประโยคหนึ่ง คุณอย่าต่อต้านโดยไร้เหตุผล เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตนเองตายไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองตายอย่างไร?”

เห็นได้ชัดเจนว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการข่มขู่

ถานกวงเย่าหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด คำพูดของถานหลินก้องอยู่ในหูของเขา ถ้าเขายอมแพ้ ความพยายามครึ่งชีวิตของเขาจะกลายเป็นของผู้อื่น แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ อาจจะทำให้ครอบครัวถูกทำลาย

เขาซึ่งเป็นผู้นำตระกูลรู้ดีว่าอะไรสำคัญกว่า แต่ถ้าเขาต้องเลือกจริง ๆ มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก!

“ขอบคุณพี่หูที่เตือน ถ้าคุณชายจินสนใจโรงแรมซื่อไห่ ก็เอาไปเถอะ!” หลังจากกล่าวจบ ใบหน้าของถานกวงเย่าก็ทรุดลง และเขาก็ดูแก่ไปสิบปีทันที

ถานชิวเซิงคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ “คุณพ่อ อย่าขาย! โรงแรมซื่อไห่เป็นความพยายามตลอดชีวิตของคุณพ่อ คุณพ่อจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้เหรอ? อย่างมากที่สุดพวกเราก็ตายพร้อมกับพวกเขา!”

“หุบปาก พ่อตัดสินใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก!” ถานกวงเย่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

สีหน้าของสองพ่อลูกตระกูลหูเต็มไปด้วยภูมิใจ “ไอ้น้องถานผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ผมรู้สึกชื่นชมคุณยิ่งนัก!”

และขณะนี้ มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านนอกประตู แล้วร่างของชายชราคนหนึ่งและเด็กหนุ่มหนึ่งคนก็ปรากฏขึ้นในห้องโถง

“ลุงถาน เฉินโม่มาอวยพรปีใหม่ครับ!”