เผ่าพฤกษา

 

 

 

มองจากจุดที่ไกลออกไป บนเนินเขาทุกอย่างดูปกติมาก ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่ภาพลวงตาชั้นหนึ่งเท่านั้น

 

 

หานลี่เองนั้นยืนอยู่บนเนินเขาตั้งนานแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้โบราณที่ใกล้เฉาตายต้นนั้น

 

 

หานลี่มองไปยังต้นไม้ ในหัวคิดถึงเรื่องที่หล่งและสตรีกล่าวถึงไปมา

 

 

จากที่พวกเขากล่าว หากเป็นไปได้ละก็ สายลับของเผ่ามนุษย์และปีศาจจะมาพบกับผู้คาบข่าวเอง เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเนื้อหาที่ไม่สะดวกจดบันทึกลงไป แต่หากมันอันตรายเกินไป ไม่อาจมาได้ด้วยตนเองละก็ ก็จะทิ้งข่าวคราวทั้งหมดเอาไว้ที่นี่

 

 

ครานี้เขากวาดจิตสัมผัสไปรอบๆ ดูแล้วคงไม่มีใครมาที่นี่ด้วยตนเอง

 

 

เช่นนั้น ภารกิจก็จะง่ายขึ้นแล้ว ขอแค่เอาของไป ก็ถือว่าเขาทำสำเร็จแล้ว

 

 

เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ก็ยื่นนิ้วชี้ออกไปอย่างไม่คิดมากอีก วาดไปกลางอากาศทางต้นไม้โบราณเบื้องหน้า

 

 

หลังจากเสียง “ฉับ” ดังขึ้น ไอกระบี่สีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศออกไป ต้นไม้แห้งกรอบถูกฟันออกเป็นสองส่วน

 

 

ด้านในมีคัมภีร์สีขาวนวลปรากฏขึ้น

 

 

หานลี่เผยสีหน้ายินดีออกมา เสียงอึกทึกดังขึ้นกลางอากาศ ลำแสงสีทองสายหนึ่งทะลุผ่านเคล็ดวิชาลวงตาของหานลี่ ตรงเข้าไปหาคัมภีร์

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชูมือขึ้นลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบโดยไม่ต้องคิด มือลำแสงขางหนึ่งปรากฏขึ้นบนลำแสงสีทองแล้วตะปบลงมาทันที

 

 

เสียงหัวเราะอันแผ่วเบาที่คุ้นเคย “จุ๊ๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีทองที่ดูเหมือนเงาลวงตาถูกมือลำแสงสีเขียวตะปบเอาไว้ แต่คัมภีร์ที่แต่เดิมกำลังพุ่งเข้ามาหานลี่กลับหยุดชะงัก เงาสีขาวจางๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้าง ดูเหมือนว่าจะชูมือขึ้นอย่างสบายๆ คว้าคัมภีร์มาอยู่ในมือ

 

 

“สหายเยี่ย!” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ชั่วพริบตาก็จำใบหน้าที่แท้จริงของเงาสีขาวได้ จึงร้องเรียกหญิงสาวชุดขาวนามว่าเยี่ยอิ่งออกมา

 

 

“พี่หาน ดูแล้วการเดินทางคงราบรื่น จึงมาถึงที่นี่ได้อย่างสบายๆ” หญิงสาวควงคัมภีร์เล่นในมือพลางหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย

 

 

“หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเซียนเยี่ยพบปัญหาเข้า ข้ารอพวกเจ้าอยู่ที่ทางออกทางเดินสวรรค์ตรงเขตแดนของป่าอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า” แววตาของหานลี่ฉายแววสงสัยขณะเอ่ยถาม

 

 

“ง่ายมาก ข้าและพวกของสหายหล่งพบกับอสรพิษวายุฝูงหนึ่งในเส้นทางสวรรค์ จึงจำใจต้องแยกกัน และเพื่อดิ้นให้หลุดจากเจ้าพวกนั้น จึงทำได้เพียงเปลี่ยนทิศทาง ระหว่างทางยังพบกับปัญหาอีกเล็กน้อย สหายจึงไม่พบกับพวกเรา” หญิงสาวฉีกยิ้มเบิกบาน คาดไม่ถึงว่าจะเผยท่าทางเป็นเอกลักษณ์ออกมา

 

 

หานลี่กลับใจหายวาบ รู้สึกแปลกๆ จากคำพูดของหญิงสาวผู้นี้

 

 

เขายังไม่ทันได้คิดว่าจะเอ่ยอะไรต่อ ด้านข้างก็มีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีสองสายพุ่งเข้ามา หลังจากหม่นแสงลง ก็เผยร่างของบุรุษหนึ่งคนและสตรีหนึ่งคนออกมา

 

 

บุรุษมีหน้าหล่อเหลา สตรีมีใบหน้างดงาม นั่นก็คือหล่งตงและสตรี

 

 

“เจ้า!”

 

 

“เจ้าล่วงหน้ามาก่อก่อนดังคาด!”

 

 

คำพูดที่ไม่เหมือนกันดังออกมาจากปากของทั้งสองคน

 

 

เมื่อสตรีเห็นหานลี่มาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนหล่งตงเมื่อเห็นหญิงสาวชุดขาวกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา

 

 

“ที่แท้พี่หล่งและสหายเสี่ยวก็ไม่ได้เร็วกว่าน้องหญิง แต่ช้ากว่าหน่อยนี่เอง” หญิงสาวชุดขาวมองทั้งสองคน แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“ของ แม่หญิงเยี่ยได้มาแล้ว” แววตาของหล่งตงกวาดไปยังของที่อยู่ในมือของหญิงสาว แล้วเผยท่าทีอมยิ้มออกมา

 

 

ส่วนสตรีเมื่อเห็นคัมภีร์อยู่ในมือของหญิงสาวชุดขาวแล้ว กลับหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

 

 

“ใช่แล้ว ข้าน้อยเพิ่งได้ของสิ่งนี้มา ความจริงแล้ว น่าจะเป็นสหายหานที่มาถึงก่อน น้องหญิงแค่มาก่อนทั้งสองท่านก้าวเดียวเท่านั้น” หญิงสาวเปล่งเสียงหัวเราะกังวานออกมา แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“พี่หาน ที่นี่มีแค่คัมภีร์ม้วนเดียวหรือ?” สตรีขบคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้น

 

 

หานลี่ใจเต้น แต่ยังคงพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

 

เมื่อได้ยินคำตอบของหานลี่ สตรีก็เงียบขรึม ส่วนหล่งตงกลับมองไปยังหญิงสาวโดยไม่ปริปาก ส่วนหญิงสาวชุดขาวนั้นกลับก้มหน้าลง แค่หัวเราะน้อยๆ ขณะควงคัมภีร์ในมือเล่น

 

 

ครานั้น ที่นี่จึงเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้นหลายส่วน ราวกับสัญญาณก่อนฟ้าฝนกระหน่ำ

 

 

“น้องหญิงเยี่ย คัมภีร์ม้วนนี้ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่ สายสืบของเผ่าพฤกษาที่ส่งมาในครั้งนี้ มีคนของเผ่าหงส์ทมิฬด้วย ไม่แน่ว่าด้านในอาจจะมีอะไรที่คนของเผ่าข้าทิ้งเอาไว้” สตรีมีสีหน้าผ่อนคลายลง ขณะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

 

 

“เกรงว่าจะไม่ได้ ไม่ปิดบังพี่หญิง สายสืบที่ส่งมายังเผ่าพฤกษา เป็นคนของตระกูลเยี่ยพอดี เช่นนั้นให้น้องหญิงดูก่อน จากนั้นค่อยให้พี่หญิงเป็นอย่างไร?” หญิงสาวชุดขาวเม้มปาก แล้วฉีกยิ้มเบิกบาน

 

 

ฟังจากคำพูดของหญิงสาว เสี่ยวหงพลันหน้าเปลี่ยนสี และไม่สามารถฉีกยิ้มต่อไปได้อีก แววตาเคร่งขรึมขึ้น

 

 

“ในเมื่อได้ของมาแล้ว ก็อย่ารั้งรออยู่ที่นี่นานนักเลย พวกเรารีบออกจากป่าผืนนี้แล้วค่อยว่ากันเถิด” หล่งตงกลับเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

 

“น้องหญิงก็คิดเช่นนั้น” หญิงสาวชุดขาวเอ่ยตอบปากตกลง

 

 

สตรีขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

 

 

แน่นอนว่าหานลี่เองก็ไม่มีความเห็นอะไร

 

 

หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงฉีกยิ้ม ดวงตาสดใสกลอกไปมา ตอนที่กำลังจะเก็บคัมภีร์นั้น พลันมีเสียงดังขึ้นเบาๆ ต้นไม้โบราณที่อยู่ใกล้ๆ พลันพ่นลำแสงสีเงินสายหนึ่งออกมา ความเร็วของมันมาถึงเสื้อของหญิงสาวได้ในพริบตา

 

 

ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้หันศีรษะไป แต่ก็แค่นเสียงขึ้นจมูก ร่างกายพลิ้วไหว รางเลือนหายไปจากที่เดิม

 

 

ครู่ต่อมาคนก็มาปรากฏห่างออกไปสิบจั้งเศษ แต่ร่างกายยังไม่ได้เผยออกมา ใต้ฝ่าเท้าของนางมีลำแสงสีเงินประหลาดๆ พุ่งออกมาสายหนึ่ง

 

 

ครั้งนี้ในที่สุดหญิงสาวก็หน้าเปลี่ยนสี

 

 

หัวไหล่ของนางพลิ้วไหว เพียงก้าวเท้าก็พุ่งออกไปสองสามจั้งราวกับสปริง ชั่วขณะนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปใต้ฝ่าเท้า

 

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น

 

 

เส้นไหมลำแสงโปร่งใสจนแทบมองไม่เห็นสายหนึ่งพุ่งออกมาจากใกล้ๆ เป้าหมายไม่ใช่หญิงสาว แต่กลับเป็นคัมภีร์ในมือของหญิงสาว

 

 

หญิงสาวชุดขาวพลันตะลึงงัน หดมือกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็สายไปแล้ว

 

 

หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น คัมภีร์ก็ระเบิดออก กลายเป็นผุยผง หญิงสาวตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว หว่างคิ้วเกิดจิตสังหารขึ้น พลิกฝ่ามือตะปบออกไป คาดไม่ถึงว่าจะตะปบเส้นไหมโปร่งใสเส้นนั้นเอาไว้ในมือ จากนั้นก็กระชากมาหาตัวเองอย่างแรง

 

 

เสียง “ครืด” ดังขึ้น แมลงยักษ์ร่างกายกึ่งโปร่งใสตัวหนึ่งถูกดึงออกมาจากกลางอากาศ

 

 

สิ่งที่เหมือนกับแมลงปีศาจนี้ ยาวสามสี่ฉื่อ ราวกับรังไหมยักษ์รังหนึ่ง แต่บนแผ่นหลังของมันมีปีกจักจั่นงอกออกมาคู่หนึ่ง พยายามกระพือสุดฤทธิ์ ดูเหมือนกำลังพยายามบินขึ้น แต่ปลายของเส้นไหมลำแสงโปร่งใสอีกด้าน นั่นคือปากของแมลงตัวนี้

 

 

เช่นนั้นขณะที่ถูกหญิงสาวจับเอาไว้ แมลงตัวนี้ก็ไม่อาจบินขึ้นมาได้เลยสักนิด

 

 

ชั่วพริบตาที่คัมภีร์ถูกทำลาย หานลี่และพวกทั้งสามก็ตกตะลึง

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน ต้นไม้โบราณสองสามต้นที่เหลือก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา ทันใดนั้นต้นไม้โบราณสองสามต้นก็ละลายออกราวกับภาพลวงตา ที่เดิมมีเงาร่างคนสีเขียวสองสามสายปรากฏขึ้น ราวกับงอกออกมาจากต้นไม้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

“หึๆ คิดไม่ถึงว่า ของจะมาซ่อนอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้านำทางมา ก็คงหายากจริงๆ เช่นนั้น เผ่าของข้าก็จะไม่มีภัยพิบัติแล้ว” เงาร่างคนสูงใหญ่คนหนึ่งกวาดมายังหานลี่และพวก ปากพลันเปล่งคำพูดภาษามนุษย์แปร่งๆ ออกมา

 

 

หานลี่มองหน้าตาของเงาร่างคนเหล่านั้น รูม่านตาพลันหดเล็กลง

 

 

คนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะหน้าตาคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่ผิวของทุกคนเป็นสีเขียวมรกต เครื่องหน้าทั้งห้านอกจากดวงตาสีม่วงอ่อนแล้ว ก็เหมือนกับมนุษย์ทุกระเบียบนิ้ว แม้กระทั่งสามารถแยกแยะได้ว่าสองคนในนั้นมีร่างกายอรชรอ้อนแอ้นของเพศหญิง

 

 

เงาร่างคนเหล่านี้นั่นก็คือคนของเผ่าพฤกษา

 

 

สิ่งที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงก็คือ คนของเผ่าพฤกษาสวมเข็มขัดเส้นไหมที่เปล่งแสงระยิบระยับอยู่ กว่าครึ่งล้วนเป็นเข็มขัดสีส้ม

 

 

เข็มขัดของผู้นำที่สูงใหญ่ของเผ่าพฤกษา คาดไม่ถึงว่าจะยังมีเส้นไหมสีเงินผสมอยู่ในเข็มขัดสีเหลืองส้ม

 

 

เมื่อนึกถึงตำนานระดับของเผ่าพฤกษา จิตใจของหานลี่ก็หนักอึ้ง

 

 

“ระดับเงิน เจ้าคือพฤกษาวิญญาณระดับเงิน!” เมื่อมองเห็นเข็มขัดที่เอวของชายร่างสูงใหญ่ของเผ่าพฤกษาแล้ว หญิงสาวก็มีสีหน้าดูไม่ได้อย่างสุดๆ อย่างไม่อาจรักษาสีหน้าเอาไว้ได้

 

 

“ข้าน้อยคือปรมาจารย์พฤกษาวิญญาณระดับเงิน ในเมื่อเหล่าสหายมาที่นี่แล้ว ก็อย่าไปเลย มาเป็นแขกของเผ่าข้าก่อนเถิด” ชายร่างใหญ่ของเผ่าพฤกษาเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็พลิกฝ่ามือ

 

 

คนของเผ่าพฤกษาที่สวมเข็มขัดสีส้มอยู่ด้านหลังพลันค้อมตัวลง สองมือกดลงที่พื้น

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่งพลันทอดตัวไปบนพื้นบนเนินเขาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

 

 

หานลี่และหญิงสาวชุดขาวที่แต่เดิมยืนอยู่บนพื้น พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ต้องคิด

 

 

เสียง “ตึงๆ” อันอึกทึกดังสนั่นขึ้น เขตอาคมลวงตาที่หานลี่วางเอาไว้ไร้ซึ่งผลกลายเป็นของไร้ค่าในชั่วพริบตา

 

 

เมื่อเคล็ดวิชาลวงตาถูกทำลาย ชั่วขณะนั้นทิศทัศน์รอบๆ เนินเขาก็ปรากฏขึ้น

 

 

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!

 

 

เห็นเพียงจุดที่ลำแสงสีเขียวเคลื่อนผ่าน ต้นไม้รอบๆ ล้วนกลายเป็นอสูรขนยาวสูงใหญ่ท่ามกลางลำแสงสีเขียว มือถือมีดรูปแบบต่างๆ เอาไว้ สีขนหลากสีสัน แม้กระทั่งมีพายุปีศาจพัดผ่านแล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

ดูคร่าวๆ แล้ว มีมากกว่าสองสามพันตัว ทะลักเข้ามาบนเนินเขาราวกับสายธาร

 

 

หล่งตงและสตรีเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันซีดขาว

 

 

หานลี่กระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา มีเพียงหญิงสาวชุดขาวที่มีสีหน้าเคร่งขรึม แค่จ้องเขม็งไปยังพฤกษาวิญญาณที่มีนามว่ามู่รุ่ย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“นี่คืออสูรวานรพฤกษาที่เผ่าของเราศึกษามาหลายพันปี หากพวกเจ้าเคยอ่านคัมภีร์ม้วนนั้น ก็คงมีอยู่ในบันทึก แต่ตอนนี้ หึๆ…” มู่รุ่ยมีสีหน้าแข็งทื่อแต่ปากกลับเปล่งคำพูดเสียดสีออกมา

 

 

“ลงมือ!”

 

 

เสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้น หานลี่และพวกยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวชุดขาวกลับอ้าปากออก พ่นลำแสงโลหิตสีแดงสดสายหนึ่งออกมา กลายเป็นเส้นไหมโลหิตสีแดงสองสามสาย พุ่งไปหาพฤกษาวิญญาณตนอื่นๆ ยกเว้นพฤกษาวิญญาณระดับเงิน