ตอนที่ 301 ทอดทิ้ง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 301 ทอดทิ้ง

อันหลิงอีได้ยินเรื่องความแตกต่างระหว่างบุตรีของภรรยาเอกและบุตรีของอนุภรรยาแล้ว สีหน้าที่ดูแย่ก็บึ้งตึงขึ้นไปอีก

อันอิงเฉิงได้ยินคำที่อันหลิงเกอกล่าวออกมาก็รู้สึกเย็นวาบทันที

เขามองอันหลิงเกออย่างประหลาดใจพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “เกอเอ๋อ เจ้าหมายความว่าเลือดของอีเอ๋อทำให้ผู้อื่นติดกามโรคได้อย่างนั้นหรือ ? ”

เรื่องนี้ถือว่าน่าแปลกใจสำหรับคนที่ไร้ความรู้ด้านการแพทย์ อันหลิงเกอจึงพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ กามโรคนอกจากติดได้จากเวลาที่ชายหญิงมีสัมพันธ์กันแล้ว หากเลือดของผู้ที่เป็นโรคเข้าสู่ร่างกายของอีกคน คนนั้นก็จักติดโรคได้เช่นกันเจ้าค่ะ”

“เพราะสาเหตุนี้ลูกจึงเชื่อว่าน้องหญิงสามบริสุทธิ์ แม้นิสัยของนางดื้อรั้นไปบ้าง แต่มิมีทางทำเรื่องอย่างว่าจนทำให้ตนติดโรคเช่นนี้ได้ ลูกคิดว่าขณะนั้นนางอาจมีบาดแผลบนร่างกายจึงทำให้ติดโรคนี้มาก็ได้เจ้าค่ะ”

คำอธิบายของนางค่อนข้างเข้าใจยาก แต่อันอิงเฉิงก็กระจ่างในความหมายทันที

ทว่านั่นกลับทำให้ความกรุ่นโกรธในใจของอันอิงเฉิงเพิ่มขึ้นไปอีก

เพราะนอกจากอันหลิงอีแล้ว คนทั้งจวนมิมีใครเป็นกามโรค แล้วอันหลิงอีไปได้เลือดของผู้ติดเชื้อมาได้อย่างไร ?

ถ้ามิใช่เพราะนางมิรักนวลสงวนตัวจนไปมีอันใดกับผู้ชายที่เป็นโรคนี้แล้วติดโรคมา !

อันอิงเฉิงรู้สึกหน้าร้อนราวกับใกล้ระเบิด เขาจ้องไปทางอันหลิงอีด้วยแววตาเย็นชาและแฝงไว้ด้วยความรังเกียจ

“บอกมา เจ้าไปมั่วสุมกับคนพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไร ? ”

ท่าทางรังเกียจและเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจทำให้อันหลิงอีหน้าเสียทันที นางกล่าวออกมาพร้อมดวงตาแดงก่ำ “ท่านพ่อ ลูกมิได้ทำ ลูกบริสุทธิ์เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้าติดโรคนี้มาได้เยี่ยงไร ? ” อันอิงเฉิงตบโต๊ะเสียงดังลั่นจนทุกคนที่ยืนอยู่พากันสะดุ้งด้วยความตกใจ

หลี่ซื่อลุกขึ้นแล้วไปยืนขวางตรงหน้าของอันหลิงอีทันที “ท่านพี่ อีเอ๋อเป็นเด็กดีเชื่อฟังทุกอย่าง แล้วทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นได้หรือเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเกอเห็นนางแก้ตัวแทนอันหลิงอี แววตาก็ทอประกายเย็นเฉียบออกมา “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ถึงแม้น้องหญิงสามเป็นคนสั่งฆ่าสาวใช้ของลูก แต่นางมิมีทางแอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นแน่นอนเจ้าค่ะ”

บุตรสาวที่เป็น ‘เด็กดี’ กลับสั่งเอาชีวิตคนได้อย่างง่ายดาย ยังนับว่าเป็นเด็กดีอีกหรือ ?

สีหน้าของอันอิงเฉิงเข้มขึ้นกว่าเดิม ยิ่งได้ยินคำว่าแอบมีความสัมพันธ์แล้ว แววตาของเขาก็ยิ่งดุดันขึ้นอีกหลายเท่า

ตอนนั้นหลี่ซื่อก็ใช้วิธียั่วยวนเขายามเมามายอยู่ในงานเลี้ยง จากนั้นก็ตั้งครรภ์อันหลิงอีและเขาจึงแต่งนางเข้าจวนมา หากมีมารดาที่ประพฤติตัวเช่นนี้ แล้วยังมีอันใดที่อันหลิงอีมิกล้าทำอีก ?

“พวกเจ้าหุบปากและให้นางสารภาพออกมาเอง”

อันอิงเฉิงจ้องหน้าของอันหลิงอีเขม็ง ดูจากริมฝีปากที่เม้มจนเป็นเส้นตรงของเขาก็รับรู้ถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

อันหลิงอีเสียใจจนอยากร้องไห้ ทั้งที่นางโดนรังแกและยังติดกามโรค อยู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าปรากฏตัวในห้องแถมยังทำลายใบหน้าของนางอีก ท่านพ่อมิสงสารบ้างก็แล้วไป แต่ยังมาบีบคั้นเอาคำตอบจากนาง !

หรือว่าความรักที่ท่านพ่อมีให้นางตลอดหลายปีนี้มิใช่เรื่องจริง ?

อันหลิงอีรู้สึกเสียใจและยิ่งแค้นอันหลิงเกอมากไปอีก

“ท่านพ่อ ลูกอยู่ที่จวนทั้งวันแล้วจักแอบไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”

หากมิใช่เพราะเข็มเล่มนั้น นางจักติดกามโรคได้อย่างไร !

สีหน้าของอันอิงเฉิงราวกับคนกำลังไตร่ตรองบางอย่าง เมื่อครู่เขาโมโหและใช้อารมณ์มากเกินไปจนลืมนึกถึงเรื่องนี้

อีเอ๋อมิเคยออกนอกจวนคนเดียวแล้วจักไปติดโรคจากผู้อื่นได้หรือ ?

“ท่านพ่อ ท่านมิต้องสืบหาสาเหตุที่น้องหญิงสามติดโรคหรอกเจ้าค่ะ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว เราควรหาวิธีรักษาน้องหญิงสามดีกว่าเจ้าค่ะ”

ขณะที่อันอิงเฉิงกำลังถูกอันหลิงอีโน้มน้าวอยู่นั้น อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา

แต่ที่นางกล่าวถึงคือวิธีรักษาอันหลิงอี ต่อให้หลี่ซื่อจักเกลียดอันหลิงเกอมากเพียงใดก็มิมีทางขัดขึ้นในตอนนี้เด็ดขาด

“ใช่แล้วท่านพี่ อีเอ๋อเพิ่งอายุเท่านี้ หากนางต้องทนทุกข์ทรมานจากกามโรคจนด่วนจากไป ข้าคงมีชีวิตอยู่ต่อมิได้เจ้าค่ะ ! ”

หลี่ซื่อกล่าวจบน้ำตาก็ไหลรินออกมาทันทีและท่าทางที่หยิ่งผยองร้ายกาจก็มิมีให้เห็น ทำให้ใบหน้างดงามดูบอบบางและน่าสงสารยิ่งนัก

นางอยู่ข้างกายอันอิงเฉิงมานับสิบปีย่อมรู้ดีว่าเขาชอบสตรีเยี่ยงไร

แล้วก็เป็นอย่างที่นางคาดเอาไว้ อันอิงเฉิงเมื่อเห็นน้ำตาก็เกิดอาการแววตาสั่นไหวทันที

อย่างไรเสียอันหลิงอีก็เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของตน ทว่าอยู่ ๆ บุตรสาวที่ตนรักมาติดโรคชั้นต่ำเช่นนี้ ครู่แรกอันอิงเฉิงก็นึกถึงแต่หน้าตาของวงศ์ตระกูล แต่เมื่อใจเย็นลงแล้ว เขาก็ยังเป็นห่วงอันหลิงอีอยู่ดี

“เกอเอ๋อ เจ้ารู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นพอมีวิธีรักษาหรือไม่ ? ”

อันอิงเฉิงมิได้ถามท่านหมอที่ยืนอยู่ด้านข้างแต่หันไปถามอันหลิงเกอคนแรก

ในสายตาของเขาคืออันหลิงเกอสามารถหาวิธีรักษาโรคระบาดได้ก็แสดงว่าความรู้ทางการแพทย์ของนางมิธรรมดา

แต่เขามิรู้ว่าที่อันหลิงเกอสามารถรักษาโรคระบาดได้เป็นเพราะความทรงจำในชาติก่อนต่างหาก

ส่วนกามโรคเช่นนี้ อันหลิงเกอก็ยังมิรู้วิธีรักษาเช่นกัน

นางส่ายหน้า สีหน้าแฝงไว้ด้วยความผิดหวังและตำหนิตนเอง “ท่านพ่อ โรคของน้องหญิงสาม ลูกรักษามิได้เจ้าค่ะ”

หากกามโรคสามารถรักษาให้หายได้ ชาวบ้านคงมิหวาดกลัวตอนที่เอ่ยถึงโรคนี้กันหรอก

อันอิงเฉิงส่งเสียงว่ารับรู้เท่านั้น แม้มิได้คาดหวังอันใดมากแต่เมื่อได้ยินคำตอบของอันหลิงเกอก็อดรู้สึกผิดหวังมิได้อยู่ดี

สายตาของหลี่ซื่อกลอกไปมา นางนึกถึงผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนวางแผนเรื่องนี้ให้ขึ้นมาได้ ในเมื่อเขารู้ว่าทำอย่างไรให้คนติดโรคนี้ เขาก็น่าจักรู้ว่าต้องรักษามันอย่างไรเช่นกัน

เพียงแต่เขาเป็นคนลึกลับและหาตัวยาก คนที่นางส่งไปตามหาตัวก็ยังมิพบเสียที

อันอิงเฉิงมิทันสังเกตเห็นความผิดปกติจากหลี่ซื่อ ยามที่เขามองอันหลิงอี คิ้วของเขายังขมวดเช่นเดิม

หากกามโรคเป็นโรคที่ไร้วิธีรักษา อีเอ๋อก็มิสามารถอยู่ในจวนนี้ต่อไปได้

ตอนนี้เขาเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หากข่าวที่อันหลิงอีติดโรคแพร่ออกไป พวกที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาต้องเอาจุดอ่อนนี้ไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเป็นแน่

เขารอโอกาสนี้มานานนับสิบปี จักเสียมันไปเพราะอีเอ๋อมิได้เด็ดขาด !

“อีเอ๋อ เจ้าเก็บของเถิด พ่อจักส่งเจ้าไปยังที่มีทิวทัศน์งดงามและเงียบสงบ จากนั้นจักหาหมอฝีมือดีไปรักษาเจ้า”

อันอิงเฉิงตัดสินใจแล้วว่าจักส่งอันหลิงอีออกจากจวนไปอย่างเงียบ ๆ แล้วให้คนรับใช้ทุกคนในจวนปิดข่าวนี้ไว้เหมือนว่ามิมีอันใดเกิดขึ้น

อันหลิงอีดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แม้อันอิงเฉิงพูดให้น่าฟังถึงเพียงใดก็หมายความว่าเขาจักทอดทิ้งนางอยู่ดี

ทิวทัศน์งดงามและสงบเงียบอันใดกัน นั่นมันเป็นสถานที่โดดเดี่ยวชัด ๆ

ท่านพ่อจักทอดทิ้งนาง !

หลี่ซื่อก็คิดเช่นนั้น ใบหน้าของนางจึงซีดเผือดและรีบกล่าวขึ้นมาทันที

“ท่านพี่ ข้ารู้จักผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งและบางทีเขาอาจมีวิธีรักษาก็ได้เจ้าค่ะ”

มิว่าอย่างไรตอนนี้คงทำได้เพียงดันทุรังให้อีเอ๋ออยู่ที่นี่ต่อไปได้เท่านั้น

หากหาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเจอก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่หากหามิเจอนางก็ทนมองอันอิงเฉิงส่งอีเอ๋อออกนอกจวนมิได้

อันอิงเฉิงเลิกคิ้วขึ้น แววตาแฝงไปด้วยความสงสัย “แม้แต่เกอเอ๋อยังไร้วิธี คนที่เจ้ากล่าวถึงจักมีวิธีจริงหรือ ? ”

คงมิพ้นพวกนักหลอกลวงอีกสิท่า