บทที่ 159 การซื้อขาย!
สํานักงานใหญ่ของพันธมิตรพเนจร,ห้องสําหรับทําธุรกรรมแลกเปลี่ยนซื้อขาย
เย่เทียนและมหาปราชญ์ดาบคลั่งได้พบกัน
“ผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่คุ้นเคย!”
มหาปราชญ์ดาบคลั่งมองไปที่เย่เทียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่เคยเห็นเย่เทียนมาก่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมีคนมากมายที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์และตัวเขาเองก็ออกจากฐานจงไห่อยู่บ่อยครั้งจึงไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จักผู้ฝึกยุทธที่พึ่งเลื่อนระดับ
พันธมิตรพเนจรมีการซื้อขายเท่านั้นและไม่เกี่ยวข้องกับด้านอื่น ๆ ของผู้ฝึกยุทธ”คุณต้องการที่จะแลกเปลี่ยนทักษะดาบระดับทองกับฉันหรือ?มหาปราชญ์ดาบคลั่งกล่าว
“ใช่แล้ว!”
เย่เทียนพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวต่อว่า”ในมือผมมีตําราทักษะดาบระดับทองประเภทโจมตีหมู่อยู่เล่มหนึ่งซึ่งมันมีมูลค่าสูงกว่าทักษะดาบระดับทองประเภทโจมตีเดี่ยว”
ความหมายของเย่เทียนนั้นชัดเจนมากทักษะดาบระดับทองของฉันมีค่ามากกว่าของคุณคุณควรจ่ายเพิ่มอีกซักเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม มหาปราชญ์ดาบคลั่งเอ่ยขึ้นมาว่า”คุณอาจไม่เข้าใจว่าทักษะดาบสังหารพริบตาของฉันนั้นไม่เพียงแต่มีผลเพิ่มพลังโจมตีเท่านั้นแต่ยังสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 2 เท่าอีกด้วยมูลค่าของมันจึงสูงกว่าทักษะดาบระดับทองทั่วไปมิฉะนั้นฉันคงจะไม่ประกาศแลกเปลี่ยนทักษะดาบระดับทองประเภทโจมตีหมู่ พันธมิตรพเนจรนั้นให้ความสําคัญกับการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมตัวฉันนั้นเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของพันธมิตรพเนจรยอมไม่ละเลยกฎนี้””สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 2 เท่า!”
เย่เทียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งผลของมันคล้ายกับทักษะดาบระดับเงินของเขา!
“ตกลง!”
เย่เทียนพยักหน้า
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มทําการสาบาน และนําทักษะดาบระดับทองมา
เย่เทียนมอบทักษะดาบระดับทองให้กับมหาปราชญ์ดาบคลั่ง และมหาปราชญ์ดาบคลั่งก็มอบ
ทักษะดาบสังหารพริบตาให้กับเย่เทียน
หลังจากยืนยันความถูกต้องของทักษะดาบแล้วการแลกเปลี่ยนก็เสร็จสิ้น
“ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”
“ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ มหาปราชญ์ดาบคลั่งไม่ได้ถามชื่อของเย่เทียน และเย่เทียนก็ไม่ได้พูดอะไรการซื้อขายที่เทียบเท่า,ทําเพียงแต่การค้าเท่านั้น,ไม่จําเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นๆเมื่อแลกเปลี่ยนทักษะดาบระดับทองเสร็จสิ้นเขาก็ทําการแลกเปลี่ยนทักษะดับอีกเป็นจํานวน
มาก ในมิติของวิหารแห่งแสงเขาได้รับทักษะดาบระดับเงินถึง 6 เล่มและทักษะดับระดับทองแดงอีกเป็นจํานวนมาก
ทักษะดาบทองแดงถูกแลกเปลี่ยนเป็นหินลมปราณ 100,000 ก้อน
หลังจากนั้น
เย่เทียนน่าตําราของเทคนิคการบ่มเพาะระดับ 5สองเล่มจากนิกายซากศพทมิฬเพื่อแลกเปลี่ยนกับสมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์พิเศษระดับสูงสามชิ้น
สมบัติที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ได้นั้นไม่มีราคาในตลาดแต่เทคนิคการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับ
5 ก็ไม่มีราคาตลาดเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนบ่อยนัก
สมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์ระดับสูงหรือระดับสูงสุดให้แก่ระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญนับได้ว่ามี
เหตุผลเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยน หากเป็นสมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์พิเศษให้กับระดับราชาแล้วละก็มันมีมูลค่าสูงกว่านี้มาก
การฟูมฟักผู้ฝึกยุทธตั้งแต่เด็กนั้นคุ้มค่ากว่าการฟูมฟักผู้ฝึกยุทธระดับราชาเพราะผู้ฝึกยุทธ
ราชานั้นต้องใช้ทรัพยากรมีมูลค่าสูงกว่าผู้ฝึกยุทธระดับต่ำหลายสิบเท่าหรืออาจจะหลายร้อยเท่าหากผู้ฝึกยุทธ์อยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วค่อยๆฝึกฝนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มีกองกําลัง
ใดสามารถท่าเช่นนี้ได้ดังนั้น
เย่เทียนจึงต้องการเพิ่มพรสวรรค์ให้กับน้องสาวของเขาเย่หยูให้เร็วที่สุดมิฉะนั้นเมื่อเย่หยู เลื่อนเป็นขั้นเป็นระดับราชาแล้วเขาไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะสนับสนุนเธอได้แม้แต่การเข้าร่วมกองกําลังขนาดใหญ่ก็ยังไม่สามารถสนับสนุนเธอได้
3 วันหลังจากนั้น มีผู้ติดต่อเข้ามาเพื่อต้องการแลกเปลี่ยนกับเย่เทียน
เขามาถึงสํานักงานใหญ่ของพันธมิตรพเนจรอีกครั้งเย่เทียนก็ได้พบกับผู้ฝึกยุทธที่ต้องการทําการค่ากับเขาอีกฝ่ายเป็นราชา และเป็นคนที่เย่เทียนรู้จักอีกด้วย
“เป็นคุณ!”
เย่เทืยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยฝ่ายตรงข้ามคือลู่เฟิงที่เขาเคยเจอในมิติของวิหารแห่งแสงลู่เฟิงอยู่อันดับที่ 23 ของการจัดอันดับราชา
“เย่เทียน ที่แท้คนที่ต้องการแลกเปลี่ยนคือคุณดูเหมือนว่าเทคนิคการบ่มเพาะระดับ 5 นี้คุณ
ได้รับมันมาจากมิติวิหารแห่งแสงใช่หรือไม่?”ลู่เฟิงประหลาดใจ
“ถูกต้อง!”
เย่เทียนพยักหน้า
“นี่คือไขกระดูกเย็นเทียนหลินมันสามารถเพิ่มพรสวรรค์ด้านน้ำแข็งระดับสูงสุดได้แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผลต่อระดับราชาฉันมีพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับสูงสุดอยู่แล้วดังนั้นสมบัติชิ้นนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันมากนัก แต่เทคนิคการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับ 5 เงินมีประโยชน์ ต่อฉันเป็นอย่างมาก ฉันต้องการนํามันมาพัฒนากองกําลังของตัวเอง”ลู่เฟิงกล่าว
เย่เทียนรู้ว่าลู่เฟิงไม่ได้โกหกเพราะเขารู้ว่าลู่เพิ่งมีพรสวรรค์ด้านหอกลมระดับสูงสุดพรสวรรค์
ด้านน้ำแข็งระดับสูงสุดจึงไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาอีกทั้งในตอนนี้เขายังอยู่ในขอบเขตราชาด้วย
โอกาสที่จะเพิ่มพรสวรรค์ด้านน้ำแข็งระดับสูงสุดมีไม่ถึง 1% ดังนั้นการนําไขกระดูกเย็นเทียนหลินมาแลกเปลี่ยนจึงคุ้มค่าที่สุด
“ตกลง มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ!”
เย่เทียนกล่าว
ทั้งสองท่าการสาบานและเริ่มหาข้อตกลงทันที
ลู่เฟิงตรวจสอบเทคนิคการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับ 5 ที่เย่เทียนให้มาด้วยความตื่นเต้น
“เทคนิคการบ่มเพาะนี้ดีกว่าของฉันซะอีกถึงแม้ว่ามันจะดูแปลกประหลาดอยู่บ้างแต่ในยุคนี้ศพของสัตว์อสูรมีจํานวนมากมายการให้กองกําลังของฉันฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะนี้นับว่าเป็น
เรื่องเหมาะสมที่สุดแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วยินดีที่ได้ร่วมมือกัน!”
เย่เท่ยนยิ้มบางๆ
หลังจากการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นเย่เทียนก็จากไป
สมบัติที่เขาไม่ต้องการแลกเปลี่ยนออกไปหมดแล้ว
ตอนนี้เขามีอีกหนึ่งสิ่งสําคัญที่ต้องทํา
นั่นคือการเดินทางกลับไปยังฐานทะเลมารเพื่อพาน้องสาวของเขาเย่หยูมายังที่นี่!
เขาเข้าร่วมกับฐานจงไห่มาเป็นเวลานานและได้รู้ว่าผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์สามารถพาคนอื่น
เข้าร่วมกับฐานจงไห่ได้
อย่างไรก็ตามระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นได้รับโควต้าแค่หนึ่งคนเท่านั้น เมื่อใช้โควต้านี้ไปแล้วจะไม่สามารถพาใครเข้าร่วมได้อีก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิ
ผู้ฝึกยุทธระดับจักรพรรดิ์สามารถพาครอบครัวเข้าร่วมกับฐานจงไห่ได้ ไม่จํากัดจํานวน
ด้วยเหตุที่ว่าระดับจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากฐานจงไห่จึงไม่มีข้อกําหนดสําหรับพวกเขา
ยิ่งมีระดับจักรพรรดิมากเท่าไหร่ก็ส่งผลดีต่อฐานจงไห่มากขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้านั้น
เย่เทียนเป็นเพียงระดับราชาแม้ว่าเขาจะติดอันดับราชาแต่นั่นก็ยังเป็นระดับราชาไม่ว่าพลังการต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ยังไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะหากใครก็ตามเข้าร่วมกับฐานจงไห่ได้นี่เป็นกฎที่ห้ามฝ่าฝืน!
แต่ตอนนี้เย่เทียนได้ก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพาน้องสาวของเขามายังที่นี่
เมื่อกลับถึงบ้านเย่เทียนก็ถามเสี่ยวเสวียน
“เสี่ยวเสวียน ข้าจะกลับไปที่ฐานทะเลมารเพื่อพาเย่หยูมาที่นี้เจ้าอยากจะไปด้วยกันไหม?”
“ไม่ไป ข้าต้องการฝึกฝน!”
เสี่ยวเสวียนปฏิเสธทันที
เย่เทียนรู้ถึงความคิดของเสี่ยวเสวียนดี
เสี่ยวเสวียนได้รับมรดกจากทางสายเลือดของเผ่ามังกร และเมื่อไม่นานมานี้ความแข็งแกร่ง
ของมันก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มันจะหนักได้ถึงความลึกลับของพรสวรรค์และสามารถยก
ระดับพรสวรรค์ของมันให้กลายเป็นระดับลึกลับปลอมได้ เพียงพอที่จะทําให้มันเทียบได้กับผู้ฝึก
ยุทธระดับราชา 4 ดารา
น่าเสียดายที่ระยะห่างระหว่างเย่เทียนกับเสี่ยวเสวียนนั้นแตกต่างกันมากตอนนี้เย่เทียนเลื่อนขั้นเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เมื่อเสี่ยวเสวียนรู้ว่ามันไม่สามารถรับมือกับเย่เทียนได้ มันจึงรู้สึกกดดันมากและใช้เวลา
ทั้งหมดไปกับการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทําความเข้าใจความรู้สึกลับของพรสวรรค์มากขึ้นมันต้องการที่จะตามให้ทันเย่เทียน
“งั้นข้าจะไปคนเดียว!”
เย่เทียนลูบหัวเสี่ยวเสวียนและหันหลังเดินจากไป