สถานที่ที่ระฆังวิญญาณสะบั้นชี้ให้ก็คือถ้ำที่อยู่ด้านหลังงูเหลือมสองหัวนี้เช่นกัน

คราวก่อนเพราะว่าถูกฝูงงูพิษและแมงป่องล้อมไว้จนเกือบสิ้นชีพ ในแหวนเก็บสะสมของกู้ชูหน่วนจึงมีกำมะถันแดงอยู่มาก เตรียมไว้เผื่อเกิดเรื่องอีกครั้ง

นางเปิดแหวนเก็บสะสมออกแล้วถูกำมะถันแดงไว้บนร่างของตัวเองและเซี่ยวอวี่เซวียน

“ระหว่างที่มันกำลังหลับใหลอยู่ ข้าจะค่อย ๆ เข้าไปหยิบเกล็ดหิมะออกมา หากมันมิรู้ตัว พวกเราถึงจะอ้อมเข้าถ้ำไป แต่ทว่าหากมันรู้ตัว เจ้าก็รีบหาโอกาสเข้าไปในถ้ำ และหาดูว่าข้างในนั้นมีสมบัติอะไรหรือไม่”

“แล้วเจ้าล่ะ?”

“วางใจเถิด ข้ามีวิธีของข้า”

“มิได้ เจ้าเพิ่งเปิดจุดเส้นวรยุทธ์มินาน งูเหลือมสองหัวนี้เป็นถึงอสุรกายขั้นสองเชียวนะ เจ้าสู้มันมิได้หรอก”

กู้ชูหน่วนกอดอก มองเขาอย่างยิ้ม ๆ แต่ไม่ยิ้ม สายตานั้นดูเหมือนกำลังหัวเราะอยู่ นางดูอ่อนแอเพียงนั้นเชียวหรือ?

เซี่ยวอวี่เซวียนสำลัก ชิงกล่าว “ข้าจะไปขโมยเกล็ดหิมะ เจ้าเข้าไปในถ้ำ ตกลงตามนี้”

“ดีเลย”

ดีงั้นหรือ?

ง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?

มิกลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องเลยอย่างนั้นหรือ?

มองตากู้ชูหน่วนอีกครั้ง มีเพียงความมั่นใจเท่านั้น

เซี่ยวอวี่เซวียนเก็บความโกรธไว้ ทำได้เพียงเขย่งเท้าเดินไปข้างหน้า พยายามมิเกรงกลัวงูเหลือมสองหัว

ห้าก้าว สี่ก้าว สามก้าว…อีกเพียงสองก้าวก็จะสามารถหยิบเกล็ดหิมะมาได้แล้ว สายตาเซี่ยวอวี่เซวียนแสดงออกว่ามีความสุข แต่ทว่าขณะที่กำลังจะหยิบเกล็ดหิมะนั้นก็มีเงาสีฟ้าผ่านไป เป็นมู่หรงเฉินที่เจ็บหนักที่มิรู้ว่าตามมาแต่ใดกัน นำหน้าไปหนึ่งก้าวและชิงเกล็ดหิมะไปเสียก่อน

แต่ในขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนก็ผิวปากเสียงดังออกมา

“ฟู่……”

มิรู้ว่าเพราะเกล็ดหิมะถูกชิงไปหรือเพราะเสียงผิวปากของกู้ชูหน่วน งูเหลือมที่กำลังนอนอยู่ตื่นขึ้นทันที อ้าปากกว้างเผยลิ้นยาวของมันออกมา และพุ่งเข้าหามู่หรงเฉินอย่างเร็วไว

มู่หรงเฉินตกใจ จรดเท้าลงไปและยืนขึ้น หนีอันตรายไปได้อย่างเฉียดฉิว

งูเหลือมสองหัวพุ่งไปครั้งแรกมิโดนเป้าหมาย ก็เร่งความเร็วและไล่ตามมู่หรงเฉิน สงครามระหว่างคนกับงูเหลือมก็เกิดขึ้น

มู่หรงเฉินเป็นเพียงยอดฝีมือระดับหนึ่งแถมยังเจ็บหนักไปทั้งตัว งูเหลือมเป็นอสุรกายระดับสอง เมื่อถูกกระตุ้นสัญชาตญาณของงูก็เกิดขึ้น มู่หรงเฉินถูกบดขยี้เป็นตะกรันโดยตรง

“เอื๊อก…”

ถึงแม้นมู่หรงเฉินจะมิถูกกัด แต่ก็ถูกหางงูฟาดเข้าอย่างแรง ร่างกายของเขากระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างแรง แรงจนก้อนหินก้อนใหญ่แทบจะแหลกสลายไป

มิรอให้มู่หรงเฉินรู้ตัว งูเหลือมก็รีบชิงเกล็ดหิมะพันปีบนมือของเขาไปอย่างเร็วไว งูเหลือมตัวใหญ่กำลังรัดตัวมู่หรงเฉินไว้ค่อย ๆ รัดแน่นขึ้น มิว่าเขาจะขัดขืนแค่ไหนก็มิเป็นผล

กู้ชูหน่วนรีบดึงเซี่ยวอวี่เซวียนที่กำลังตกใจอยู่เข้าไปในถ้ำ “รอช้าอยู่ใย รอเป็นมื้อเที่ยงของงูเหลือมงั้นรึ?”

ถ้ำลึกมาก ฝีเท้าของกู้ชูหน่วนไม่หยุดหย่อนราวกับว่าพยายามวิ่งเข้าไปในถ้ำอย่างสุดชีวิต

“แม่สาวอัปลักษณ์ ยังมิได้เกล็ดหิมะพันปีมาเลยนะ”

กู้ชูหน่วนพลางวิ่งพลางหยิบเกล็ดหิมะพันปีหลายชิ้นออกมา และกล่าวด้วยสายตาอันสดใสว่า “บริเวณที่งูเหลือมเพิ่งวนไปนั้นยังมีเกล็ดหิมะพันปีอยู่หลายชิ้น ข้าใช้โอกาสที่มันกำลังโจมตีมู่หรงเฉินเข้าไปหยิบเกล็ดหิมะพันปีมาได้ มีทั้งหมดสามชิ้นทั้งยังใหญ่กว่าชิ้นนั้นทุกชิ้นด้วย”

“เช่นนั้นมู่หรงเฉินก็เป็นตัวตายตัวแทนสินะ?” ให้ตายเถิด หากมู่หรงเฉินมิปรากฏตัว ตัวตายตัวแทนคนนั้นคงเป็นเขาสินะ?

“งูเหลือมสองหัวทิ้งเกล็ดหิมะใหญ่ไว้สามชิ้นจะต้องโกรธและไล่ฆ่าเราอย่างแน่นอน”

กู้ชูหน่วนเพิ่งกล่าวจบ ก็มีเสียงชนปัง ๆ ๆ จากนอกถ้ำ พร้อมกับเสียงฟู่ ๆ ๆ ของลิ้นงูเหลือม

ทั้งสองรู้ดี

งูเหลือมสองหัวกำลังไล่ตามมาแล้ว มันกำลังโกรธ เพราะเช่นนั้นกำแพงหินของถ้ำจึงถูกมันชนจนเสียงดังปัง ๆ

“มิได้การละ ความเร็วของมันไวมาก เราวิ่งสู้มันมิได้หรอก”