บทที่ 96 แล้วจะอย่างไร

ท่องภพสยบหล้า

เจียงวั่งเหยียบขึ้นบนเวทีเสวนากระบี่ที่เต็มไปด้วยรอยกระดำกระด่าง

หลังจากหักออกไปสิบแต้ม เวทีเสวนากระบี่ก็พลันยกขึ้นสูง ตรงไปสู่แม่น้ำดวงดาว!

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงวั่งเหยียบขึ้นมาบนเวทีเสวนากระบี่นอกเหนือจากการท้าประลองแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อค้นหาคู่ต่อสู้อย่างเคร่งครัดเป็นครั้งแรกในมิติมายาห้วงจักรวาล

เสียงอ่อนโยนที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น ‘เริ่มการทำงานเวทีเสวนากระบี่ กรุณาเขียนชื่อของท่าน เปิดการจัดอันดับเสวนากระบี่’

กระดาษสีขาวใบหนึ่งปรากฏขึ้นมา ลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้า ขณะเดียวกันก็มีพู่กันด้ามหนึ่งปรากฏออกมาด้วย

กระดาษใบนั้นบางเฉียบ แต่พอแตะกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย

ด้วยความลี้ลับของมิติมายาห้วงจักรวาล การจะรู้ชื่อของเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เสียงนี้กลับไม่ใช้ชื่อโดยตรง ทว่ายังต้องให้เจียงวั่งเขียนชื่อตัวเองลงไป

คิดเชื่อมโยงไปถึงการตายของจั่วกวงเลี่ย ก่อนหน้านี้นายแห่งแท่นหยกเขียวยังเกรงกลัวคนผู้นี้อยู่ ประวิงเวลาเสียนานกว่าจะรับคำท้า

อธิบายได้ว่าในมิติมายาห้วงจักรวาล จั่วกวงเลี่ยมีตัวตนที่สำคัญอีกตัวตนหนึ่ง

ครั้นคิดถึงจุดนี้ เจียงวั่งจึงยกพู่กันขึ้นเขียน…ตู๋กูไร้พ่าย

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่นิสัยของเขา ถ้าเปลี่ยนเป็นหวงอาจ้านหรือตู้เหยี่ยหู่ยังพอเป็นไปได้ คนแรกเป็นพวกขี้โม้ ส่วนคนหลังก็เป็นพวกบ้าพลังชอบต่อสู้แต่กำเนิด

เพียงแต่เจียงวั่งคิดขึ้นมาได้ ชื่อเช่นนี้จะยิ่งกระตุ้นให้คู่ต่อสู้อยากเข้ามาสู้ด้วย เขาใช้แต้มเปิดเวทีเสวนากระบี่ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อต่อสู้หรือไร?

‘ปัจจุบันตู๋กูไร้พ่ายไม่อยู่ในร้อยอันดับแรก ไม่แสดงอันดับรายชื่อ ต้องการปิดบังรูปลักษณ์ภายนอกหรือไม่’

เจียงวั่งเลือกใช่อย่างไม่ต้องคิด คิดชื่อปลอมขึ้นมาก็เพื่อปิดบังตัวตนมิใช่หรือ

จากนั้นเขาก็พบว่าถูกหักไปสิบแต้ม…ยังดีที่ครั้งต่อไปไม่น่าจะถูกหักอีก

‘เวทีเสวนากระบี่ระดับเก้าอยู่ระหว่างการจับคู่…’

‘จับคู่สำเร็จ!’

พอเจียงวั่งได้สติกลับมา ก็มาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ด้านบนมีเพดาน กำแพงล้อมสี่ด้าน ไม่มีประตูหน้าต่าง พื้นราบเรียบ ระยะที่มองเห็นกว้างไกลไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

และฝั่งตรงข้ามของเจียงวั่ง นักพรตเต๋าที่ใบหน้าลำตัวอ้วนกลมคนหนึ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“ตู๋กูไร้พ่าย?” ตอนที่เขาขมวดคิ้ว ครึ่งบนของใบหน้าเหมือนยุบลงเป็นหลุม “ชื่อช่างกำเริบเสิบสานนัก แต่หน้าตาก็ดาษดื่นธรรมดา ดูแล้วน่าจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง”

จากการอำพรางตาของมิติมายาห้วงจักรวาล ใบหน้าของเจียงวั่งถูกปรับแต่งให้หล่อเหลามาก แทบจะเทียบเท่าเจ้าหรู่เฉิงได้เลย แต่กลับได้รับคำวิจารณ์ว่าดาษดื่นธรรมดาเสียอย่างนั้น

เจียงวั่งก็มองเห็นชื่อคู่ต่อสู้ที่จับคู่กันในศึกแรกของมิติมายาห้วงจักรวาลเช่นกัน…เจินไร้พ่าย!

ชื่อนี้ทำเอาหนังตาของเขากระตุก มีความรู้สึกเหมือนโดนเพ่งเล็ง ‘หมายความว่าอย่างไร หรือว่าตู๋กูไร้พ่ายของข้าเป็นความไร้พ่ายของปลอม?’

อาวุธเวทกระบี่ยาวของเจียงวั่งทอดเงาลงมาในมือ แต่ไม่มีความสามารถในการปล่อยลูกศรแสงทองในโลกความจริง วัตถุจากภายนอกจะเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์ได้จำเป็นต้องใช้แต้ม สำหรับเจียงวั่งในตอนนี้แล้วถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย

“เช่นนั้นก็มาเถิด!”

เจินไร้พ่ายยังยืนกล่าวอารัมภบทอยู่ตรงนั้น เมื่อแสงกระบี่ของเจียงวั่งเคลื่อนไหว ตัวคนก็พุ่งออกไปแล้ว

วิชากระบี่ของเขาลับคมจากการสังหารมาตั้งแต่แรก แต่ไหนแต่ไรก็เดินทางสายกลาง ชิงลงมือก่อนมาโดยตลอด ย่อมไม่เสียเวลาเปล่าแน่นอน

ตั้งแต่อันดับหนึ่งวิชากระบี่ของสำนักสายนอก จนมาเป็นผู้ชนะของศิษย์ชั้นปีหนึ่งในงานสามเมืองเสวนาเต๋า และเหตุการณ์หนึ่งกระบี่ขวางประตูที่เมืองวั่งเจียง เรื่องเหล่านี้มอบความเชื่อมั่นอย่างมากให้กับเขา พลังอำนาจที่เป็นของเขาค่อยๆ เพาะบ่มขึ้นมาแล้ว

กระบี่นี้ราวกับมังกรแหวกว่ายน่าตกตะลึง บินทะยานดุจสายอัสนี

“สุนัขลอบกัด!” ในช่วงฉุกละหุกเจินไร้พ่ายยังมีเวลาทันเอ่ยตำหนิ มือข้างหนึ่งกดลงไปเบื้องหน้า โล่ทรงกลมจากคลื่นน้ำหมุนเกลียวขวางเอาไว้ เข้าต้านทานปลายกระบี่!

“ลอบกัดข้า!” เขาตะโกนขึ้นอีก

มืออ้วนสับเฉียงลงมา ใบมีดเพลิงเฉือนออกไปอย่างรวดเร็วรุนแรง

ในขณะเดียวกัน เถาวัลย์ก็พุ่งออกจากใต้พื้นขึ้นมารัดตัวเจียงวั่ง

ผู้บำเพ็ญระดับเคลื่อนชีพจรไม่อาจสลักวิชาเต๋าชั่วพริบตาได้ การโจมตีออกมาได้มากมายแทบจะในเวลาเดียวกันอธิบายได้ว่าชายอ้วนคนนี้ประสานปางมือเตรียมรอไว้แล้ว แต่ยังบ่นว่าเจียงวั่งลอบกัด

ทว่าถ้าพูดกันตามจริง เขาควบคุมวิชาเต๋าได้แม่นยำและชาญฉลาดมาก

เจียงวั่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ตอนเขาอยู่ในสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลินไม่ได้พบเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้เลย ถ้าไม่แกร่งเกินไป ข้ามระดับไปหลายระดับ ก็อ่อนแอเกินจนรับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เกิดความสนุกกับการต่อสู้ได้ยากเหลือเกิน

ใจของเขากำลังเดือดพล่าน ทว่ามือมั่นคงประดุจหล่อขึ้นจากเหล็ก ด้วยพลังการควบคุมที่แข็งแกร่ง พอกระบี่แตะเข้ากับโล่น้ำก็ชักกลับทันที ไม่ได้แทงเข้าไปในโล่คลื่นน้ำจนถูกกระแสน้ำวนตรึงเอาไว้

เขาดีดร่างขึ้นสูง หลบหลีกใบมีดเพลิง ขณะเดียวกันก็ดึงกระบี่กลับจะตัดเถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามาโจมตี

แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง

กระบี่ของเขาหนักเหลือเกิน!

บนปลายกระบี่มีน้ำหยดหนึ่งติดอยู่ แต่น้ำหยดนั้นราวกับหนักพันชั่ง ถ่วงจนตัวเขาร่วงลงมา

ชายอ้วนคนนั้นหัวเราะร่า “เจ้าคิดว่านั่นคือโล่คลื่นวารีหรือ นี่โล่วารีหนักต่างหากเจ้าหัวขโมย!”

เถาวัลย์เส้นนั้นสัมผัสถึงตัวเจียงวั่งแล้ว เขาก็ยังสะบัดใบมีดเพลิงออกมาอีกสองสาย ใบมีดเพลิงวิ่งตัดกันตรงหน้าก่อนระเบิดออกไป หมายจะให้เจียงวั่งตายคาที่และไม่ให้โอกาสเขาได้สวนกลับ

นิ้วอวบอ้วนทั้งสิบประสานท่าอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นการประชดประชันต่อชื่อไร้พ่ายนั้น

การเคลื่อนไหวของเจียงวั่งสั่นสะเทือน ปลายกระบี่หัก พาวารีหนักหยดนั้นปลิวหายไป ตัวเขาที่กำลังร่วงหล่นพลันมีไอม่วงลอยม้วนขึ้นมา หลั่งทะลักเสียงดังหวีดหวิว ก่อนจะม้วนกลืนใบมีดเพลิงสองสายนั้นในพริบตาแล้วโถมเข้าไปหาเจินไร้พ่าย!

นี่คือท่าสังหารที่แกร่งที่สุดของเคล็ดกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา

ตูม!

ไอม่วงสลายไป จุดนั้นกลับมีเพียงร่างของเจียงวั่งที่กุมกระบี่เหลืออยู่

สิ่งที่เขาใช้ไอหมอกม่วงเจาะทะลวงเป็นแค่ภาพมายาภาพหนึ่งเท่านั้น!

และงูเถาวัลย์เก้าตัวก็พันรัดมาถึงที่ รวมกันเป็นกรงชั่วคราวขังเจียงวั่งเอาไว้แล้ว

เจียงวั่งยื่นมือกดระเบิดไฟที่เพิ่งสร้างเสร็จลงไปบนกรงเถาวัลย์ จากนั้นระเบิดออกเป็นช่องว่างช่องหนึ่ง และเพราะตัวอยู่ในกรงจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ มือซ้ายของเขาถูกระเบิดจนเลือดสดหลั่งรินด้วยเช่นกัน

แต่เจียงวั่งหน้าไม่เปลี่ยนสี เพียงกางกระบี่ยาวคิดจะแทงออกไปจากช่องนี้

ทว่า…

จากช่องนี้สามารถมองเห็นด้านนอกกรงได้อย่างชัดเจน มีใบมีดวายุมากมายนับไม่ถ้วนลอยรออยู่

เจินไร้พ่ายยืนอยู่นอกกรง รักษาระยะห่างจากเจียงวั่งระดับหนึ่ง ปาดเหงื่อพลางเอ่ยขึ้นว่า “อันตรายจริงๆ เกือบถูกเจ้าพลิกกระดานแล้ว”

ขณะปากพูดเช่นนี้ มือก็พลันโบก

คมมีดวายุนับไม่ถ้วนฟันเจียงวั่งแหลก ณ ตรงนั้น

……

แพ้แล้ว!

เจียงวั่งกลับมาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป!

โล่วารีหนัก ใบมีดเพลิง เถาวัลย์พันธนาการ วิชาภาพมายา งูเถาวัลย์ คมมีดวายุ หนำซ้ำงูเถาวัลย์เก้าเส้นยังรวมตัวกันเป็นกรงขังได้อีก ในบรรดานี้วิชาภาพมายาหาชมได้ยากที่สุด ส่วนโล่วารีหนักเป็นวิชาเต๋าที่เจียงวั่งไม่เคยได้ยินมาก่อน

ฝ่ายตรงข้ามเชี่ยวชาญวิชาเต๋ามากชนิดขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ได้อย่างเด็ดขาดแม่นยำ

แตกต่างจากความตรงไปตรงมาของซุนเซี่ยวเหยียน คนอ้วนเจินไร้พ่ายคนนี้ดูเหมือนจะบื้อๆ โง่ๆ แต่อันที่จริงควบคุมจังหวะต่อสู้ไว้โดยตลอด การต่อสู้เมื่อครู่ ทุกก้าวของเจียงวั่งล้วนอยู่ในการคิดคำนวณของเขา

เวลานี้ต่อให้เจียงวั่งย้อนขั้นตอนใหม่ทั้งหมด ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย

บนนาฬิกาแดด จำนวนแต้มคือสามพันสามร้อยหกสิบแต้ม เปิดใช้งานเวทีเสวนากระบี่เสียสิบแต้ม ปิดบังใบหน้าเสียสิบแต้ม สู้แพ้เสียไปอีกสิบแต้ม

ต่อสู้ครั้งเดียวก็หายไปถึงสามสิบแต้ม พึงรู้ไว้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เขาทะเลบูรพาที่อยู่อันดับท้ายสุด ทุกเดือนจะมีแต้มให้เพียงหนึ่งร้อยแต้ม ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเจียงวั่ง เกรงว่าจะเอาชนะแดนศักดิ์สิทธิ์เขาทะเลบูรพาไม่ได้

ตอนนี้เอง กระเรียนกระดาษตัวอ้วนตัวหนึ่งไม่รู้มาจากที่ไหน บินโยกเยกมาตรงหน้าเจียงวั่ง

เจียงวั่งรับไว้ตามจิตใต้สำนึก กระเรียนกระดาษตัวนั้นแผ่ออกบนมือของเขาด้วยตนเอง และกลายเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง

‘พี่ตู๋กูเห็นจดหมายนี้ก็เหมือนเห็นข้า การต่อสู้เมื่อครู่น้องจะจำไว้ไม่ลืม พลังของท่านน้องยกย่องนับถือนัก โชคดีชนะศึกหนึ่งแต่ประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง โปรดสู้กันอีกครั้งเพื่อแสดงพลานุภาพของท่านเถิด’

‘พูดพล่ามไร้สาระอะไรกัน’ เจียงวั่งกวาดตาลงไปที่ชื่อผู้เขียน และก็พบกับชื่อเจินไร้พ่ายจริงๆ

กระทั่งกระเรียนกระดาษก็ยังอ้วนกว่าของคนอื่นอีก

แต่คำพูดเหล่านี้ ทำไมอ่านแล้วถึงเหมือนคิดจะ ‘กวาดแต้ม’ ของเจียงวั่งกัน

การหักแต้มของเวทีเสวนากระบี่จะรับผิดชอบโดยฝ่ายที่แพ้ ดังนั้นศึกเมื่อครู่เจียงวั่งจึงเสียหายหนัก แต่เจินไร้พ่ายได้กำไรไปสิบแต้ม

เจียงวั่งเกลียดที่ตัวเองไม่ใช่หวงอาจ้าน ฝีมือการด่าทอคนยังไม่ดีนัก ด่าไปก็ไม่สาแก่ใจ

ตอนนี้เอง มีกระเรียนกระดาษอ้วนอีกตัวบินส่ายเข้ามาหา

เจียงวั่งรับมาอ่านดู ยังคงเป็นเจินไร้พ่ายเช่นเคย แต่คราวนี้เปลี่ยนวิธีการพูดแล้ว…

‘พูดอย่างเปิดอก พี่กูตู๋ ข้าเองก็ไม่ค่อยเจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือทัดเทียมกันอย่างนี้ ได้รับอะไรมามากเลยทีเดียว! วันนี้ไม่มีเวลาแล้ว ไว้มาสู้กันใหม่ครั้งหน้าก็ได้ มา ตอบกลับกระเรียนบินของข้าหน่อย จะได้สะดวกติดต่อกันคราวหน้า!’

ปกติแล้วประโยคที่เอ่ยต่อจาก ‘พูดอย่างเปิดอก’ มักจะไม่ได้ตรงไปตรงมาเท่าใด…

เจียงวั่งหน้ากระตุก หยิบพู่กันเขียนกลับไปว่า ‘แล้วติดต่อกันใหม่’

จากนั้นจึงสัมผัสตราประทับจันทร์สีเงินที่กลางฝ่ามือและออกจากมิติมายาห้วงจักรวาล

เจ้าอ้วนบ้า เจ้ารอก่อนเถอะ

……………………………………….