วิญญาณจักรพรรดิ
แสงสลัวกวาดผ่านดวงตาของเซ่าตี้ และมองไปที่หญิงสาวซึ่งยกศีรษะขึ้นในอ้อมแขนของเขา แล้วพูดเสียงเบาว่า “เป็นวิญญาณและจิตวิญญาณในระดับเดียวกับข้า”
เจียงหลีตกใจจนอ้าปากค้าง ลุกขึ้นจากอ้อมแขนและพูดตะกุกตะกัก “ระดับเดียวกับ…กับท่านหรือ” อึก นางได้กลืนกินวิญญาณทรงอำนาจเข้าไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ หรือเนี่ย
เมื่อเห็นความประหลาดใจในดวงตาของนาง เซ่าตี้จึงยกมือขึ้นและใช้นิ้วลูบไปที่ความประหลาดใจตรงระหว่างคิ้วของนาง “วิญญาณจักรพรรดิดวงนี้น่าจะได้รับความบอบช้ำอย่างรุนแรงมาก่อนที่มันจะถูกเจ้ากลืนกิน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พลังของวิญญาณจักรพรรดิก็ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ ก่อนที่เจ้าจะประสานได้สำเร็จ ต้องมีอาการข้างเคียงเป็นธรรมดา แต่อาการข้างเคียงจะลดลงเมื่อการฝึกฝนของเจ้าเพิ่มมากขึ้น และจะสลายหายไปหลังจากที่เจ้าประสานเข้ากับวิญญาณจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์แล้ว”
เจียงหลีกระพริบตาและตั้งใจฟังเซ่าตี้พูด
ทันใดนั้น นางพลันนึกถึงบทสนทนากับวิญญาณอีกดวงขณะที่นางทะลุทะลวงถึงขั้นหลิงเจี้ยง และภาพเหล่านั้นพรั่งพรูเข้ามาในความทรงจำของนางเมื่อนางทะลุผ่านขั้นหลิงไซว่…
หายนะของอีกสามร้อยปีหรือ ศึกทำลายโลกของครั้งนั้น…
“คิดอะไรอยู่” เสียงชายผู้นั้นขัดจังหวะความคิดของนาง
แววตาของเจียงหลีแน่วแน่อีกครั้งและยิ้มให้กับชายรูปงามตรงหน้า “ไม่มีอะไร” รอให้นางไตร่ตรองอย่างละเอียดก่อนแล้วค่อยว่ากัน
คำพูดของวิญญาณแปลกประหลาดนั่นไม่ชัดเจน ความทรงจำก็คลุมเครือและกระจัดกระจายอีก นางจะบอกกับลู่เจี้ยว่าอีกสามร้อยปีข้างหน้าจะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ขึ้นอย่างไรดี
ใครเป็นต้นเหตุของวิกฤตครั้งใหญ่นั่นกัน
“พลังในร่างกายของท่านคือ…” เจียงหลีถามด้วยความประหลาดใจ
มีข้อสงสัยมากมายที่เมื่อก่อนถามไม่ได้ แต่ตอนนี้…ในเมื่อเขามั่นใจแล้วว่าข้าเป็นภรรยาของเขา จะมีอะไรถามไม่ได้เล่า
“หลีเอ๋อร์ มีบางเรื่องที่เจ้ารู้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ขอเพียงรู้ไว้ว่าข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า หากพลังนั้นมีประโยชน์กับเจ้าจริงๆ ข้าจะไม่ตระหนี่กับเจ้าเลย” เซ่าตี้เชิดคางนางขึ้นและมองหน้านางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เจียงหลีเบ้ปาก เอาคางออกจากมือเขาและถามด้วยเสียงเยาะเย้ย “จะไม่ทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ ใครกันที่พอกลับมาถึงก็อยากจะฆ่าข้าเลย”
“…” ข้อกล่าวหานี้ทำให้เซ่าตี้ถึงกับพูดไม่ออก
ใครให้เขาทำเรื่องนั้นจริงๆ เล่า เพลานั้น เขาได้อ่านความทรงจำของชาติที่แล้ว เมื่อรู้ถึงสาเหตุและผลลัพธ์นั้น จึงไม่สามารถปล่อยให้เจียงหลีกลายเป็นความยึดติดในใจของเขาและส่งผลต่อการฝึกฝนของเขา
เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อตนมีความกังวลในใจ มันจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรง ทำให้ศัตรูฉวยโอกาสนี้และเป็นมารผจญต่อการฝึกฝนของเขา
ณ ตอนนั้น การฆ่านางเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด!
น่าเสียดายที่เวลานั้นเขาทำไม่สำเร็จ และเวลานี้ได้เข้ามาพัวพันกับนาง จนทำให้เขาตกอยู่กำมือของหญิงสาวผู้นี้แล้ว
เขาไม่สามารถขจัดมันออกไปได้ และทำตามใจเรียกร้องเพียงเท่านั้น
ความเงียบของเซ่าตี้ ทำให้มุมปากของเจียงหลีกระตุกเล็กน้อย นางทำให้บทสนทนาถึงทางตันแล้วหรือ “นี่ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ข้าไม่โทษท่านแล้ว” นางยื่นมือออกไปและโบกไปมาเต่อหน้าเขา
ทันใดนั้น เซ่าตี้ได้คว้ามือของนางและดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนของตน
เมื่อกระแทกไปที่หน้าอกอันแข็งแรงของชายผู้นั้น เจียงหลีก็นำมืออีกข้างที่ว่างทาบไปที่หน้าอกของเขาโดยไม่รู้ตัว โดยปลายนิ้วมือรู้สึกเหมือนทาบไปยังอวัยวะที่นูนขึ้น และนางเข้าใจในทันทีว่ามือของนางสัมผัสไปที่ส่วนใดของชายผู้นั้น
ฟึบ
แก้มของจักรพรรดินีเริ่มร้อนและแดงก่ำ
อาการชานั้นเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าและกระจายไปทั่วร่างกายในทันที ทำให้สมองของนางดัง หึ่งๆ และยกดวงตาหวานที่มีเสน่ห์มองไปที่เขา
ดวงตาของเซ่าตี้หรี่ลงเล็กน้อยและนัยน์ตาสีเขียวครามจับจ้องมาที่นาง แรงสัมผัสแผ่วเบาของนิ้วมือนั้น ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าความปรารถนาถูกหญิงสาวผู้นี้จุดติดอย่างง่ายดาย
“ข้า…เอ่อๆ…อุบัติเหตุ…อุบัติเหตุ…” เจียงหลีดึงสติกลับมา กลืนน้ำลายและยิ้มอย่างเขินอาย
เล่นตลกอะไร!
หากชายผู้นี้ต้องการมันจริงๆ นางสู้เขาไม่ได้หรอก!
อืม นางยั่วยุเขาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาต้องการอย่างนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ถูกเขารังแกมาตั้งนาน จะให้เขาสมหวังง่ายๆ ได้อย่างไร นางพูดกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง และพยายามยับยั้งชั่งใจกับความงามที่เย้ายวนตรงหน้า
บ้าจริง! ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงงดงามจนอยากจะ… สายตาของนางจับจ้องไปที่ริมฝีปากและลำคอของเขาโดยไม่รู้ตัว และดวงตาของนางคลั่งไคล้พร้อมกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
อ๊ากๆๆๆๆ!
ไม่ได้นะเจียงหลี! เจ้าต้องหักห้ามใจตัวเอง อ๊ากๆๆๆๆ! ต้องไม่หลงใหลในความงาม! นางกรีดร้องในใจ
ท่าทางที่คลั่งไคล้และการต่อสู้ที่สับสนทำให้มุมปากของเซ่าตี้โค้งขึ้นเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะพอใจอย่างมาก
ไม่ได้ ไม่ได้! การรุกของศัตรูดุเดือดเกินไป เราจำเป็นต้องถอยทัพ หลบหลีกหนามอันแหลมคม! เจียงหลีเริ่มดิ้นรนและพยายามเอามือออกจากฝ่ามือใหญ่ของเขา
น่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะดิ้นรนเช่นไร นางก็สลัดไม่หลุด
ไม่เพียงแค่นั้น จู่ๆ มืออีกข้างของชายหนุ่มที่กอดเอวนางไว้ก็รัดแน่นขึ้น ทำให้นางแนบประชิดกับอกของเขา ทำให้ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน “จะไม่ทำอีกแล้ว”
สะอึกหรือ
คำพูดที่เอ่ยขึ้นกะทันหันของเซ่าตี้ ทำให้เจียงหลีตะลึง อะไรที่จะไม่ทำอีกแล้ว
หลังจากคิดอยู่นาน นางก็นึกขึ้นได้ว่าชายผู้นี้กำลังตอบคำถามก่อนหน้านี้ของนาง เอ่อ…คำถามนั้นนางลืมไปเป็นชาติแล้ว
“หลีเอ๋อร์คิดว่าข้ารูปงามหรือไม่” ดวงตาของเซ่าตี้ที่เคยเย็นชากลับปรากฏรอยยิ้มเบาๆ
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของเจียงหลีแล้ว การแสดงออกเช่นนี้ถือว่าเป็นการ “โอ้อวด” นางไม่ยอมแพ้และพูดเย้าแหย่ว่า “ใช่! ใบหน้าที่สง่างามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าซ่อนหญิงงามไว้ในวังตี้กงกี่คน”
“ไม่มี” ครานี้ชายหนุ่มเลิกเล่นตัวและมองไปที่เจียงหลีแล้วพูดอย่างจริงจัง “เจ้าเป็นคนแรกและคนสุดท้าย”
คำตอบที่หนักแน่นทำให้เจียงหลียิ้มหวาน หัวใจของนางประดุจชโลมน้ำผึ้งไว้ก็ไม่ปาน นางใช้แรงเหวี่ยงชายหนุ่มล้มลงกับเตียง กอดเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เก่งมาก นอนเถิด และสบายใจได้ ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก”
ความมั่นใจของนางทำให้ใบหน้าของเซ่าตี้แข็งทื่อเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบกลับคำหนึ่งว่า “ได้”
…
วันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงหลีตื่นนอน เซ่าตี้ก็มิได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ นางก็มิได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด และหลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วก็มีคนเข้ามารายงานว่าเฉียนลี่อยากพบนาง
เจียงหลีคาดเดาสาเหตุที่เห็นเขาต้องการเข้าพบนางออก
และหลังจากที่เฉียนลี่จากไป เจียงหลีกวักมือเรียกเซียวเซียวเข้ามา
“ไปบอกแผนการขององค์รัชทายาทให้กับองค์ชายรองและฮ่องเต้ซีเฉียน” เจียงหลีพูดอย่างนึกสนุก
เซียวเซียวถอยออกไปอย่างเงียบๆ
เจียงหลีลุกขึ้นยืดกล้ามเนื้อและกระดูก สวมชุดลำลองและเดินออกจากที่พัก
“พี่สะใภ้ ท่านจะไปที่ไหนหรือ” ลู่เสวียนขวางประตูทันทีที่นางเดินออกมา
ทำไมไปที่ไหนก็เจอแต่เด็กจอมซนคนนี้!
มุมปากของเจียงหลีกระตุกและตอบว่า “ตอนนี้ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติ ข้าจะไปเดินเล่นที่เมืองอู๋อิ๋น” นางจัดฉากไว้อย่างดีเช่นนี้ จะไม่ได้ดูกับตาตัวเองได้อย่างไร
ใครจะไปคิดว่าดวงตาของลู่เสวียนจะเป็นประกาย โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ข้าจะไปด้วย”