บทที่ 1141+1142 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 1141 โรคแอบแฝง 6
โม่เจ้ากัดฟันตกลง ด้วยเหตุนี้หลงฟั่นจึงเรียกลูกน้องหญิงห้านางมาอย่างลับๆ ห้านางนี้มีทั้งอวบท้วมผอมเพรียว บุคลิกหลากหลายงดงามแตกต่างกันไป นับได้ว่าเป็นบุปผางามของตำหนักใต้ดินแห่งนี้ ผลลัพธ์ยังคงยากจะเอื้อนเอ่ยได้…
เจ้าสิ่งที่มีขนาดไม่น้อยของโม่เจ้าเป็นของตั้งอวดอย่างหนึ่ง มันไม่คึกคักลุกผงาดขึ้นมาเลย!
เขาเป็นคนไร้สมรรถภาพ! ประเภทที่ไม่อาจเยียวยาได้
ใบหน้าหล่อเหลาของโม่เจ้าดำปานก้นหม้อ อุณหภูมิภายในตำหนักใหญ่ของเขาแทบจะถึงจุดเยือกแข็งแล้ว
เขาเลือบมองบุปผาห้านางนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองหลงฟั่นแวบหนึ่ง ส่งกระแสเสียงไปหา ‘เรื่องนี้ข้าไม่อยากให้ผู้ใดทราบ!’ เอ่ยประโยคนี้จบ เขาก็สาวเท้าก้าวออกไป
หลงฟั่นเงียบงัน เขาย่อมเข้าใจความหมายของท่านเจ้า คือต้องการสังหารปิดปากคน แต่ใจคนในยามนี้เดิมทีก็ค่อนข้างคลอนแคลนอยู่แล้ว จะให้สังหารบุปผางามห้านางนี้อีก…ยากจะกระทำได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น!
แววตาเขาวูบไหวเล็กน้อย สีหน้ากลับเรียบเฉย เอ่ยกับลูกน้องอย่างจริงจังไม่กี่ประโยคก่อน ให้พวกนางปิดปากเรื่องนี้ให้สนิท ทั้งห้านางก็ทราบถึงความร้ายแรงเช่นกัน มีสองคนระแวดระแวงถึงขั้นที่คิดว่าจะถูกสังหารปิดปากเสียแล้ว ขณะที่ในใจกำลังร้อนรนอยู่ เมื่อได้ยินหลงฟั่นสั่งการเช่นนี้ พวกนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบตกปากรับคำสาบานทันที
หลงฟั่นถอนหายใจพลางกล่าว “พวกเจ้ารู้ความลับที่ใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ เดิมทีท่านเจ้าสั่งให้ผู้อาวุโสเช่นข้าปิดปากพวกเจ้าเสีย แต่พวกเจ้าติดตามผู้อาวุโสเช่นข้ามานานหลายปี จึงไม่อาจหักใจสังหารพวกเจ้าอย่างไร้เหตุผลได้ เอาเช่นนี้แล้วกัน ผู้อาวุโสเช่นข้าจะมอบหมายภารกิจให้พวกเจ้า ออกไปหลบเลี่ยงพายุก่อนสักพัก รอจนพายุผ่านพ้นไปแล้วพวกเจ้าค่อยกลับมาอีกครั้ง”
ห้านางนั้นย่อมตอบตกลงซาบซึ้งตื้นตัน ด้วยเหตุนี้เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลงฟั่นจึงหาเรือเหินอัคคีลำหนึ่งให้พวกนาง ส่งพวกนางขึ้นเรือด้วยตัวเอง ส่งตัวพวกนางออกไป
เขาทราบว่าสตรีห้าคนนี้จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
เนื่องจากเขาเล่นลูกไม้ไว้บนเรือลำนั้น เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง เรือจะสลายตัว คนที่อยู่บนเรือย่อมมอดไหม้วอดวายอยู่ในลาวา แม้แต่เถ้าถ่านสักนิดก็ไม่หลงเหลืออยู่
เมื่อจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ หลงฟั่นก็เหนื่อยล้าอย่างแท้จริง กลับไปที่ห้องของตนเตรียมจะหลับสักงีบ บังเอิญมองไปที่จอแสดงภาพตรงมุมห้องเข้าพอดี สองตาหรี่ลงในทันใด
จอแสดงภาพตรงนี้คือจอสังเกตการณ์ตี้ฝูอีที่อยู่ในห้องขังนั้น และยามนี้มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องขังนั้นของเขา
กู้ซีจิ่ว!
ตนใช้ยาเกินขนาดถึงเพียงนี้แล้ว หรือว่ายังคงไม่มีผลต่อเธออยู่? เธอไม่ได้เสียความทรงจำงั้นหรือ?
ความง่วงงุนของหลงฟั่นเตลิดไปหมดแล้ว นั่งมองอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จอแสดงภาพนี้ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ไม่เพียงแต่ภาพเท่านั้น ยังมีเสียงด้วย
ยามที่กู้ซีจิ่ววิ่งเข้าไป ตี้ฝูอีกำลังหลับอยู่อีกแล้ว
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นมองดูเขาอยู่ห่างๆ คล้ายจะใจลอยอยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่ง เธอก็เปิดปากเอ่ย “นี่!”
ตี้ฝูอีที่อยู่บนเตียงลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วเขาก็ตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ที่นี่ไม่เหมาะให้เจ้ามา”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม “เจ้าชื่อว่าตี้ฝูอีหรือ?”
ความปวดร้าวพาดผ่านนัยน์ตาของตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ทว่ายังคงยิ้มน้อยๆ เช่นเดิม “ใช่แล้ว”
“พี่โม่บอกว่าเจ้าเป็นตัวชั่วช้า เจ้าเป็นตัวชั่วช้าจริงๆ หรือ?”
คำถามนี้ช่างไร้เดียงสาโดยแท้! หลงฟั่นอดไม่ได้ที่จะกุมขมับ
ตี้ฝูอีก็ถอนหายใจเช่นกัน “ซีจิ่ว ตัวชั่วช้าไม่มีทางยอมรับว่าตนเองคือตัวชั่วช้า ดังนั้นประโยคนี้ที่เจ้าถามมีปัญหา เจ้ารู้สึกว่าข้าเหมือนตัวชั่วช้าหรือไม่เล่า?”
กู้ซีจิ่วเอียงศีรษะนิดๆ มองดูเขา “ดูไม่เหมือน…”
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว ในดวงตาที่ลึกล้ำดั่งมหาสมุทรคู่นั้นคล้ายจะมีประกายแสงพราวระยับ “ซีจิ่ว เจ้าควรเชื่อในสายตาของตัวเอง”
——————————————————
บทที่ 1142 นั่นเจ้าตาฝาดแล้ว
กู้ซีจิ่วมองนัยน์ตาเขา “แต่ว่าดวงตาของเจ้าดูชั่วร้ายนัก”
ดวงตาของตี้ฝูอีวาววาม สีหน้าเที่ยงธรรม “นั่นเป็นเจ้าตาฝาดแล้ว!”
กู้ซีจิ่วถูกเขาหยอกล้อจนขำพรืดออกมา กล่าวอุบอิบ “อันที่จริงเจ้าก็ตลกมากนี่นา” สายตามองที่โซ่สลายวิญญาณเหล่านั้นบนร่างเขาอีกครั้ง
โซ่เหล่านั้นไร้มนุษยธรรมยิ่งนัก เหมือนกุญแจมือกุญแจเท้า แถมในห่วงยังมีสิ่งที่คล้ายตะปูยื่นออกมาด้วย ตะปูเหล่านี้ถูกตอกลึกเข้าไปในเส้นเอ็นคน จุดที่ถูกตอกไว้มีคราบโลหิตเกรอะกรัง…
เมื่อเขาขยับเล็กน้อย ตะปูเหล่านั้นก็จะบิดตามนิดๆ ด้วย มีโลหิตทะลักออกมา
กู้ซีจิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก้าวเข้าไปสองก้าว “เจ้า…เจ็บไหม?”
ตี้ฝูอีมองดวงหน้าน้อยที่ซีดขาวจางๆ ของนาง ยิ้มแวบหนึ่ง “ยังดีอยู่ เจ้ามาข้างหน้าข้าหน่อย ให้ข้าได้เห็นเจ้าดีๆ”
กู้ซีจิ่วยังคงตื่นตัวยิ่งนักอยู่ ส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ไม่เอา! พี่โม่บอกว่าเจ้าหัวหมอ ถ้าข้าเข้าใกล้แล้วเจ้าจะปองร้ายข้า…”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “เจ้ามองโซ่บนร่างข้าพวกนี้สิ แทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้ ข้าถึงขั้นที่แม้แต่มือก็ยกไม่ขึ้นแล้ว จะปองร้ายเจ้าได้อย่างไร?”
ดวงตากลมโตของกู้ซีจิ่วใสกระจ่างดั่งแก้วผลึก ทั้งยังใสซื่อยิ่งนัก ยืนคิดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง “นี่ก็ใช่นะ”
ตี้ฝูอีกล่าวขึ้นอีกว่า “ข้าดูแล้วบนร่างเจ้ามีพลังวิญญาณขั้นหกกระมัง? ต่อให้คิดสังหารข้าข้าก็ไม่มีแรงตอบโต้ ว่ากันตามเหตุผลแล้วข้าต่างหากที่ควรกลัวว่าเจ้าจะปองร้ายข้า ไม่ใช่เจ้ากลัวข้า เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้าอีกครา “ใช่แล้ว”
ท่าทางนางน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อย ลึกลงไปในดวงตาของตี้ฝูอีมีความปวดร้าวอยู่ ทว่ารอยยิ้มกลับอ่อนโยน “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”
กู้ซีจิ่วในยามนี้เกลี้ยมกล่อมง่ายนัก นางเขยิบเข้าหาเขาอีกสองสามก้าวจริงๆ แต่ยามที่มีระยะห่างจากเขาหนึ่งเมตรกว่าๆ นางก็หยุดลงอีกครั้ง ย่นหัวคิ้ว “แต่เจ้าเหม็นมากเลย!”
คล้ายว่ารับไม่ได้ยิ่งนัก ใช้มือน้อยๆ บีบจมูกอยู่ตรงนั้น
ตี้ฝูอีนิ่งงัน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อาบน้ำมาหกวันแล้ว! แถมที่นี่ยังร้อนอีก เขาเหงื่อออกอยู่ตลอด และเนื่องจากพลังวิญญาณถูกสดัดไว้ จึงใช้วิชาชำระล้างไม่ได้
เพียงแต่ เขามีร่างเทพ ต่อให้ไม่อาบน้ำมีเหงื่อออกอยู่ตลอดก็ไม่น่าจะเหม็นกระมัง?
แต่ดูจากท่าทางของนาง ราวกับว่าเขาเหม็นจนทนดมไม่ได้เลย
เขาเป็นหมอเทวดาคนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบันเหล่านั้นของหลงฟั่น แต่ขึ้นชื่อว่าศาสตร์การแพทย์ สุดท้ายก็มีจุดที่บรรจบกันอยู่ ประกอบกับความรู้ทางการแพทย์ของเขาลึกซึ้งกว้างขวางเหนือธรรมดา บางเรื่องก็เดาได้ไม่ยากเลย
เขาใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยถามนาง “เจ้าได้กลิ่นอันใดจากร่างข้า?”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วจนเป็นเส้นเดียวกัน “กลิ่นปลาเค็มเหม็นๆ”
ตี้ฝูอีเงียบงัน นั่นน่าขยะแขยงมากจริงๆ! มิน่าล่ะครั้งก่อนที่นางป้อนน้ำให้เขาดื่มก็เหมือนจะกลั้นหายใจไว้…
“เจ้าได้กลิ่นนี้จากตัวข้า แล้วได้กลิ่นจากผู้อื่นด้วยหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตอบอย่างว่าง่าย “ได้กลิ่นหมดเลย พวกบุรุษล้วนเหม็นยิ่งนักทั้งสิ้น มีเพียงพี่โม่ของข้าที่เป็นข้อยกเว้น ตัวเขาหอมมาก”
“กับบุรุษคนอื่นเจ้าก็ได้กลิ่นปลาเค็มเหมือนกันหมดเลยหรือ?”
“แตกต่างกันไป มีกลิ่นเต้าหู้เหม็น กลิ่นศพเหม็นเน่า กลิ่นเท้าเหม็นๆ กลิ่นคาวเหียน…” กู้ซีจิ่วแทบจะนับนิ้วไล่เรียงให้เขาแล้ว
แวบตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ ถอนหายใจเบาๆ เขารู้แล้วว่านางถูกพิษอะไร!
ไอ้หลงฟั่นวิปริตผู้นั้น ใช้พิษสุรภีกับนาง! ทำให้นางมีความรู้สึกต่อโม่เจ้าเพียงผู้เดียว มิน่าเล่ายามนี้นางถึงไว้เนื้อเชื่อใจโม่เจ้าถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเรียกขานว่าพี่โม่…
เขาสามารถปรุงยาถอนพิษชนิดนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้….
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไร จู่ๆ หลงฟั่นก็สับเท้าก้าวเข้ามา “ซีจิ่ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ตามข้าออกไป”
———————————————————