ตอนที่224 แทบขาดใจ

หวานเจียงเรียประชุมผู้ถือหุ้นสามัญมา หวังให้ทุกคนระดมสมองช่วยกันคิดหามาตรการรับมือ ทุกคนคงไม่สามารถมนดูหุ้นตกแบบนี้ต่อไปได้แน่นอน

“เราต้องหาต้นตอสาเหตุของเรื่องนี้ก่อนดีกว่านะครับ การที่จู่ๆเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นติดต่อกัน จะต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน”

“ถูกต้อง ไม่มีใครจงใจใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อช่องสื่อมาโจมตีพวกเราอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับหนึ่งในพวกเราจริงไหม? ดังนั้นเราต้องตามหาต้นตอของปัญหานี้ให้ได้สักก่อน!”

เมื่อเผชิญหน้ากับข้อสงสัยของบรรดาผ๔ถือหุ้น หวานเจียงจึงต้องจำใจสารภาพไปตามตรงว่า

“ทั้งหมดเป็นฝีมือของจ้าวเฉียน เจ้าของบริษัทเฉียนเก๋อ เอ็นเตอร์เทนเม้นส์ เขาคนนี้กำลังขัดแย้งกับดิฉันอยู่ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นเขาจึงระบายความโกรธลงใส่ฮวาหยินกรุ๊ปของเรา ที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อหารือหาวิธีตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ถ้าใครมีความเห็นอะไรก็สามารถเสนอมาได้เลยค่ะ”

พวกบรรดาผู้ถือหุ้นได้ยินแบบนั้นก็หัวเสียขึ้นมาทันใด

“ห่ะ? ในเมื่อปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคุณ คุณก็ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง ไม่ใช่มักง่ายโยนปัญหาให้คนอื่นๆแบบนี้ แถมพวกเราไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องมาแบกรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากคุณคนเดียว!”

“ใช่แล้ว ปัญหาระหว่างหนุ่มสาวมันไม่มีอะไรนอกไปจากเรื่องความรัก และปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา อย่าบอกนะว่าที่พวกเราซวยกันแบบนี้เพราะปัญหาเรื่องหนุ่มสาวโง่ๆแค่นี้?”

“ถ้าคุณยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ พวกเราจะลงมัติถอดถอนคุณออกจากตำแหน่งรองประธานซะ! พวกเราคงไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงที่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งบริหารฮวาหยินกรุ๊ปของเราได้อีกต่อไป!”

…..

บรรดาผู้ถือหุ้นแต่ละคนต่างกล่าวโทษไปที่หวานเจียงต่างๆนาๆ และไม่มีใครสักคนเลยที่เสนอวิธีแก้ปัญหา

สำหรับหวานเจียงในตอนนี้ เธอเองก็ทนพวกคนพวกนี้พล่ามต่อไม่ไหวแล้วเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการอดทน มิฉะนั้นเธอจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งรองประธานทันที

เธอตะโกนเสียงดังฟังชัดขึ้นอีกครั้งว่า

“พวกท่านทุกคนค่ะ ที่ดิฉันเชิญมาในวันนี้เพื่อหารือมาตรการรับมือ ไม่ใช่ให้มาบ่น!”

“เราจะไปช่วยอะไรได้ นี่มันเรื่องส่วนตัวที่คุณต้องแก้ไขเองไม่ใข่รึไง!”

“ใช่แล้ว! สรุปว่าไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเองสินะ? ถ้างั้นก็รีบลงจากตำแหน่งรองประธานซะ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังพินาศไปมากกว่านี้!”

“ยังมีคนที่มากความสามารถกว่าคุณ ถ้าแค่นี้ไม่สามารถปก้ไขปัญหาได้ก็ควรสละตำแหน่งให้โอกาสคนอื่นได้แก้ไข!”

……..

พอได้ฟังคำกล่าวพวกนี้ไปแล้ว ใครบ้างยังจะทนไหว? นับประสาอะไรกับหวานเจียงที่เป็นพวกจุดเดือดต่ำ? เธอทุบโต๊ะกลางห้องประชุมดังปัง ตะวาดขึ้นลั่นว่า

“หุปปากให้หมด! ฉันเรียกมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนช่วยหาทางออก แล้วนี่พวกคุณทำอะไรกันอยู่? ดีแต่ด่าพล่ามไม่หยุด! ถ้าไม่อยากช่วยแก้ไขปัญหาก็กลับไปซะ! ฉันจัดการเอง!”

คราวนี้บรรรดาผู้ถือหุ้นเริ่มเดือดจัดแล้วเช่นกัน ทุกคนจึงหันไปถามหวานหลินแทนว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ต่อไป

ฝ่ายหนึ่งก็บริษัท อีกฝ่ายหนึ่งก็ลูกสาว ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันสำหรับหวานหลินที่จะตัดสินใจ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มกล่าวว่า

“ถ้าอย่างนั้น…ทุกคน…ถือหาเห็นแก่หน้าผมหน่อยนะ วันนี้แยกย้ายกันกลับไปก่อน ผมจะเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด และจะไม่ทำให้ทุกคนต้องเสียหายแน่นอน โปรดมั่นใจในตัวผม”

ผู้ถือหุ้นทั้งหลายยังไม่วานสบถด่าไม่หยุดหย่อนและจากออกไปด้วยความหงุดหงิด ในตอนนี้กลางห้องประชุมเหลือเพียงหวานเจียงลัหวานหลิน

หวานหลินเดินเข้าไปกอดลูกสาวของเขาและกล่าวปลอบขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง ลูกใจเย็นๆก่อนนะ ค่อยๆคิดหาทางแก้ไขไปเกี๋ยวก็จะเจอทางออกเอง”

หวานเจียงทราบดีว่า ตอนนี้พ่อของเธอกำลังป่วยด้วยโรคร้าย เธอจึงยิ้มไม่อยากทำให้พ่อต้องเครียดไปมากกว่านี้

“พ่อ อย่าคิดมากนะคะ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว พ่อกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตรงนี้หนูหาทางรับมือเอง”

หวานหลินพยักหน้ายิ้มตอบและเดินจากออกไป

หวานเจียงรวบผมขึ้นพลางครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตอนนี้ภายในใจของเธอรู้สึกขัดแย้งกันอย่างหนัก หรือว่าฉันควรกลับไปเจรจากับจ้าวเฉียนอีกสักครั้ง?

อย่างไรก็ตาม ทางด้านจ้าวเฉียนเองก็ดำเนินการตามแผนได้อย่างยอดเยี่ยม

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีนมีกฎว่า หากบัญชีผู้ซื้อขายหุ้นคนใด ถือหุ้นส่วนของบริษัทใดบริษัทหนึ่งมากกว่า5% บัญชีนั้นจะต้องถูกตรวจสอบโดยละเอียดและแจ้งรายงานตัวให้แก่ผู้ถือหุ้นใหญ่ทราบ ถ้าฝ่าฝืนจะผิดกฎตามข้อบังคับของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และมีโทษทางกฎหมาย

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงใช้บัญชีหุ้นของฟู่ไห่นับหลายสิบบัญชี เพื่อเข้าซื้อหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปเฉลี่ย4.5%ต่อหนึ่งบัญชี

เมื่อตลาดหุ้นเปิดขึ้นในเช้าวันใหม่ คำสั่งซื้อนับสองพันล้านหยวนกวาดหุ้นที่เทขายกวาดเรียบทุกเม็ด แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้จ้าวเฉียนจะส่งสัญญาให้หวู่เสี่ยวหัวเตรียมกว่านซื้อหุ้นชุดใหม่อีก500ล้านหยวนในวันพรุ่งนี้

หลังจากตลาดปิดลง จ้าวเฉียนก็สั่งให้บรรดาสื่อหลักทุกสำนักปล่อยข่าวระลอกใหม่ทักที

“หวานหลิน ประธานฮวาหยินกรุ๊ปป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง เตรียมสละตำแหน่งประธาน!”

“ได้ข้อสรุปแล้ว! ช่วงประมาณต้นปีที่ว่าหวานหลินเตรียมสละตำแหน่งประธาน ปรากฏว่าไม่ใช่เพราะตัวเขาไร้ความสามารถ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะปัญหาด้านสุภาพที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง!”

“ผู้ถือหุ้นนับแสนถึงกับตีก่ายหน้าผาก! สถานการณ์ของฮวาหยินกรุ๊ปกลับไม่ดีนัก มีโอกาสเผ่นให้รีบเผ่น! ก่อนราคาหุ้นดึงลงไปมากกว่านี้!!”

…………

ข่าวเชิงลบอีกละลอกใหญ่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นี่ยิ่งทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปกินไม่ได้นอนไม่หลับ!

เช้าวันใหม่ได้มาถึงอีกครั้ง ราคาหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปทะลุแนวรับอีกครั้ง แตะสู่ระดับต่ำสุดในรอบสิบปี! นักลงทุนรายย่อยแห่เทขายหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปในมือกว่า500ล้านหยวนพร้อมกัน

ทุนจดทะเบียนของฮวาหยินกรุ๊ปอยู่ที่มูลค่าสองพันล้านหุ้น แต่ตอนนี้มูลค่าแท้จริงของบริษัทกลับลดลงหนึ่งในสี่จากทั้งหมดภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ นี่ยิ่งทำให้ผู้ถือหุ้นที่เหลือตื่นตระหนกหนักเข้าไปใหญ่

จ้าวเฉียนที่กำลังรับชมข่าวอยู่ ถึงกับระเบิดหัวเราะลั่นอย่างสุขอกสุขใจ และยังคงดำเนินแผนการกว่านซื้อหุ้นต่อไป

“ตอนนี้เล่นละครทำแสร้งทำเป็นเทขายทิ้งส่วนหนึ่งไปก่อน อย่าให้หุ้นกลับมารีบาวด์ได้เด็ดขาด พอทะลุแนวรับสุดท้ายลงมาค่อยเก็บหุ้นกลับมาให้หมด”

หวู่เสี่ยวหัวพนักหน้ารับสั่งทันที

การนซื้อขายหุ้นยังดำเนินไปตามแบบแผนที่วางไว้ หุ้นชุดแรกที่ทำการเข้าซื้อ ปั่นให้ขึ้นจนถึงระดับที่เหมาะสมก่อนค่อยเทขายอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีแรงซื้อเหลือ และปล่อยให้กราฟดิ่งต่อไป

ฟู่ไห่ อินเวสเม้นท์แค่ใช้หุ้นในมือส่วนหนึ่งกระตุ้นกราฟเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยคิดว่า กราฟกำลังกลับตัวและแห่เข้าซื้อสำนักเล่นเกรงกำไรระยะสั้น ก่อนจะทุบราคาอีกครั้งเพื่อให้เม่าตัวน้อยแห่ขาย เพื่อดึงราคาให้ต่ำลงไปอีก

เมื่อเห็นว่าราคาหุ้นใกล้แตะFloor[1]แล้ว ทางกรมการกำกับหลักทรัพย์โทรสายด่วนถึงหวานหลินทันที

“สวัสดีครับคุณหวาน หุ้นที่คุณนำเข้ามาจดทะเบียนใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ตามกฎหมายจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่บรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมด หรืออัดฉีดเงินทุนเข้าไปเพิ่มเพื่อประคองบริษัทต่อไป  โปรดรีบตัดสินใจโดยเร็วนะครับ ก่อนที่คุณจะถูกแจ้งกลายเป็นบุคคลล้มละลาย”

หวานหลินรีบตอบกลับทันทีอย่างสุภาพว่า

“ผมจะรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดครับ อย่าเพิ่งแจ้งล้มละลายกับผมเลย”

ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับแค่ว่า

“คุณหวาน เราปฏิบัติอย่างเป็นธรรม โปรดรีบตัดสินใจก่อนจะไม่มีโอกาสนะครับ”

พอพูดจบทางเจ้าหน้าที่ก็วางสายไป

หวานหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก อัดฉีดเงินทุนเพิ่มเพื่อต่อลมหายใจ

คืนวานนั้น ฮวาหยินกรุ๊ปประกาศทันทีว่า เนื่องจากวิกฤตของบริษัท จำเป็นต้องอัดฉีดเงินทุนเข้าเพิ่มเติม ภายในหกเดือน หวานหลินและหวานเจียงจะต้องอัดฉีดเงินทุนเพิ่มอีกอย่างน้อย100ล้านหุ้น

ทันที่ที่บรรดาผู้ถือหุ้นเห็นแบบนั้น ทุกคนก็ดูอามรณ์ดีขึ้นมาทันที

หลังจากอ่านประกาศดังกล่าว จ้าวเฉียนก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยพลงาคิดในใจกับตัวเองว่า

‘ถึงกับยอมเข้าเนื้อเพื่อทำให้หุ้นฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด? ยังคิดตื้นเกินไป!’

จากนั้นเขาก็โทรหาหวู่เสี่ยวหัวเพื่อมอบหมายคำสั่งใหม่ให้แก่เธอทันที

เช้าวันรุ่งขึ้น มีประเด็นข่าวใหม่ขึ้นหน้าหนึ่งทั้งในสื่อโทรทัศน์และเว็บไซต์ต่างๆอย่างแพร่หลาย

“หวานหลินจงใจปล่อยข่าวอัดฉีดเงินทุนหวังพลิกฟื้นฮวาหยินกรุ๊ป! มีแนวโน้มสูงว่า เขาพยายามผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นเพื่อเทขายหุ้นทั้งหมดในมือก่อนจะดิ่งลงแตะจุดต่ำสุด! ทิ้งผู้ถือหุ้นนับแสนรายให้ลอยแผไม่รู้เป็นตาย!”

จ้าวเฉียนนั่งปาดมือถืออ่านความคิดเห็นของฝูงชนอย่างสนุกสนาน เขาหยืบมือถือโทรหาหวู่เสี่ยวหัวโดยไว

“คุณชาย มีอะไรให้รับใช้ค่ะ?”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบทันทีว่า

“ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิด คุณช่วยปั่นหุ้นขึ้นไปให้สูงที่สุดและปล่อยขายทำกำไรก่อนรอบหนึ่ง เพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิดว่า ทั้งหมดเป็นฝีมือของหวานหลิน จากนั้นค่อยทุบลงอีกที ถ้าผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้อ่านข่าวพาดหัวในวันนี้ และเห็นว่ามันเป็นจริงตามที่บอก พวกนั้นจะตื่นตระหนกหนัก และแห่ขายหุ้นอีกระลอกใหญ่แน่นอน ถึงเวลานั้นค่อยช้อนซื้อกลับมาคืนใหม่”

หวู่เสี่ยวหัวที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเอ่ยปากชมทันทีว่า

“โอ้โห้! คุณชายจ้าวคิดได้ยังไงค่ะเนี่ย? ช่างเป็นกลยุทธ์ที่แยบยลมาก!”

จ้าวเฉียนหัวเราะเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า

“ฮ่าฮ่า…ไม่ต้องมาเยินยอผมเลย รีบจัดการโดยด่วน”

หวู่เสี่ยวหัวฮัมเพลงพร้อมกดวางสายไป จากนั้นก็รีบดำเนินการตามที่จ้าวเฉียนบอกทันที

[1]อิงจากหุ้นราคาปิดของวันก่อน ลดลงต่ำกว่า30%ของวันถัดไป