ตอนที่ 731 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (1) / ตอนที่ 732 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (2)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 731 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (1)

ลู่เสวี่ยเฉินรีบเข้ามาหลังจากวางสาย เขาเห็นอวี๋กานกานกำลังขะมักเขม้นก็เลยไม่กล้าเข้าไปรบกวนจึงได้แต่ยืนกำหมัดอยู่ข้างๆ

เมื่อเห็นหลินจยาอวี่ที่กำลังอ่อนแรง เขาก็นึกถึงตอนที่ค่อยๆ เริ่มรู้จักกับหลินจยาอวี่ทีละนิดๆ

เธอสวมใส่หน้ากากอนามัยภายในบาร์มืดสลัว ครั้งแรกที่เขาประหลาดใจที่เมืองไป๋หยางจนเขาแปลกใจที่เขาไม่แพ้เธอแล้วเขาก็อยากแต่งงานกับเธอ…บางทีเขาอาจจะหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช้ลูกของเขา แต่เขาก็ยังอยากแต่งงานกับเธออยู่ดี

ต่อไปเขาสัญญาว่าจะดูแลเธอกับลูกเป็นอย่างดีและมอบครอบครัวที่มีความสุขให้กับเธอ

เมื่อเห็นว่าหลินจยาอวี่อ่อนแรงทรุดลงไปทั้งร่าง เขาก็รีบรุดเข้าไปหายื่นกุมมือเธอเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปลอบประโลม “พักก่อนก็ได้ครับ พักสักครู่เดี๋ยวก็มีแรงแล้ว”

แต่ทว่าหลินจยาอวี่พักสักครู่แล้วก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงกลับมา ไม่สามารถออกแรงได้สักนิดจึงทำได้เพียงปล่อยโฮออกมาอย่างสุดชีวิต…

“คิดถึงลูกเข้าไว้ เดี๋ยวลูกก็จะได้ออกมาเจอเราแล้ว เขาทั้งน่ารักซุกซนชอบถีบท้องคุณตลอดเลย…” ลู่เสวี่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับน้ำทิพย์ชโลมใจ

อวี๋กานกานหยิบเข็มขึ้นมาอีกหนึ่งเล่มก่อนจะสูดหายเข้าทวารทั้งห้า จากนั้นจึงค่อยๆ แทงเข็มไปที่ระหว่างคิ้ว แทงเข้าไปลึกๆ รอชี่กลับมาก่อนจะย้ายเข็มออก

ในขณะที่พูดอยู่นั้น จู่ๆ ลู่เสวี่ยเฉินก็ประทับจูบบนหน้าผากของเธอ “ผมรักคุณ จยาอวี่”

น้ำตาของหลินจยาอวี่ยิ่งพรั่งพรูทั้งอยากหัวเราะทั้งอยากร้องไห้

แต่ก็ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็ผงกศีรษะขึ้นมาพร้อมกับเรี่ยวแรงและเสียงกรีดร้องเจ็บปวด “อ้ากกก!”

“โอเค ออกแรงเบ่งนะ…”

“อ๊ากกก…”

“ออกแรงอีกหน่อย…”

หลังจากออกเสียงกรีดร้องแหลมอีกครั้ง ในที่สุดเสียงร้องไห้จ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับเด็กที่คลอดออกมา

คุณหมอเอากรรไกรตัดสายสะดือของทารก จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้ลู่เสวี่ยเฉินและหลินจยาอวี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ยินดีกับพวกคุณด้วยนะครับ เป็นเด็กผู้ชายนะครับ”

หลินจยาอวี่มองไปที่ลูกชายของตัวเองอย่างอ่อนแรง ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงค่อยๆ ปิดเปลือกตาที่มีน้ำตาแห่งความสุขไหลออกมาจากหางตา

ลู่เสวี่ยเฉินผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกราวกับยกภูเขาออกจากอก ตอนที่พยาบาลอุ้มลูกมาให้เขา เขายิ้มทั้งน้ำตา มองหลินจยาอวี่ทีมองลูกที

เมื่อเห็นว่าหลินจยาอวี่ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับเขาก็ตกใจแล้วกระวนกระวายถาม “เธอเป็นอะไรไป”

อวี๋กานกานเหงื่อโชกหน้าล้มตัวลงนั่งอีกฝั่งอย่างหมดแรงแล้วหันไปยิ้มให้กับเขา “ไม่เป็นไรหรอก แค่เหนื่อยเกินก็เลยหลับไปน่ะ”

เมื่อครู่นี้อวี๋กานกานก็กลัวมากเช่นกัน ตอนที่เธอยิ้มให้กับหลินจยาอวี่หัวใจก็แทบจะกระเด็นออกมา

ตอนที่ฝังเข็มในหัวก็เอาแต่นึกถึงเนื้อหาในตำราแพทย์ตลอดเวลา กลัวว่าตัวเองจะพลั้งเผลอทำร้ายหลินจยาอวี่หลายต่อหลายครั้ง

อันที่จริงเธออยากให้หลินจยาอวี่ผ่าตลอดมากกว่า ถึงแม้การผ่าคลอดจะมีความเสี่ยง แต่ตอนนี้การแพทย์พัฒนาก้าวไกลแล้ว เธอเชื่อว่าจะต้องไม่เป็นอะไร

แต่หลินจยาอวี่กลับเชื่อใจเธอแล้วมองเธออยู่ตลอดเวลา เธอก็เลยลองทำแบบนี้ดู แต่โชคดีที่สำเร็จ

พอผ่านพ้นไปราวกับถูกโยนเหวี่ยงขึ้นไปกลางอากาศ

ผ่านไปสักพัก อวี๋กานกานถึงได้มีแรงลุกขึ้นมา

เธอเดินเข้าไปหาเจ้าหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียง

ทารกที่อยู่ในผ้าห่อตัวมีรอยย่นเล็กน้อย หรี่ตาข้างหนึ่งและมองเจ้าหนูอ้าปากหวอ

เหมือนหัวใจถูกอะไรบางอย่างชนเข้าอย่างจัง มันนุ่มมากแม้กระทั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิยังไม่อ่อนนุ่มอ่อนโยนถึงเพียงนี้

เธอยื่นนิ้วออกไปเขี่ยแก้มเขาอย่างอดใจไม่ไหว

ตอนที่ 732 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (2)

ตอนที่หลินจยาอวี่ฟื้นขึ้นมาก็เห็นห่อผ้าเล็กๆ อยู่ข้างกายแล้ว ในห่อผ้ามีเจ้าเบบี๋ตัวน้อยนอนอยู่ในนั้น เด็กตัวแดงๆ ผิวย่นๆ กำลังหลับตานอนฝันหวาน

เธอจ้องเขาอยู่นาน นี่ใช่ลูกเธอจริงๆ หรือ เป็นลูกที่เธออุ้มท้องกว่าสิบเดือนกว่าจะคลอดออกมา

ทำไมถึงได้น่าชังแบบนี้ เหี่ยวย่นเหมือนคนแก่เลย ไม่เหมือนเธอสักนิดจริงๆ หรือว่าเด็กคนนี้จะเหมือนพ่อของเขา

วันนั้นเธอดื่มจนเมามากก็เลยมองไม่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง

แต่ในความรู้สึกที่พร่ามัวดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้หน้าตาเลวร้าย ถ้าเช่นนั้นลูกเหมือนใครกัน

อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

หลินจยาอวี่อยากร้องไห้

ลู่เสวี่ยเฉินเข้ามาก็เห็นว่าหลินจยาอวี่ใส่ชุดคนไข้มีใบหน้าซีดเซียว อารมณ์แปรปรวนจ้องลูกที่นอนอยู่ข้างๆ ทั้งยังมีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ

เขารีบเดินเข้าไปหา “คุณตื่นแล้ว เป็นไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“เขาน่าเกลียดเกินไปแล้ว นี่ใช่ลูกฉันจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย” หรือว่าอุ้มผิดคน

ตอนที่หลินจยาอวี่เอ่ยพูดจึงรู้ว่าตนเองเสียงแหบแล้ว ต้องเป็นเพราะตอนคลอดตะเบ็งเสียงเบ่งลูกจนคอแตกเมื่อก่อนหน้านี้แน่ๆ

ลู่เสวี่ยเฉินตกตะลึงและก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “ยัยโง่ ตอนคลอดลูกก็เป็นแบบนี้ รอผ่านไปสักสองวันลูกโตเดี๋ยวก็หล่อแล้ว ลูกเราจะเกิดมาขี้เหร่ได้ยังไง”

หลินจยาอวี่กะพริบตา พึ่งคลอดลูกมา สมองเคยคิดตามไม่ทันแล้วก็ฟังไม่ออกด้วยว่าคำพูดของลู่เสวี่ยเฉินมีอะไรผิดปกติ

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็มักพูดติดปากว่า ลูกของผม…

ลู่เสวี่ยเฉินรู้ตัวว่าเผลอพลั้งปากพูดไป เขาจึงรีบเบี่ยงประเด็น “คุณลองสัมผัสเขาดูสิ เขาน่ารักมากเลย”

ถึงแม้ลูกจะหน้าตาน่าเกลียดแต่ก็เป็นลูกที่เธอคลอดเอง เธอไม่เพียงแต่ต้องการสัมผัส หลังจากนั้นเธอจึงโอบอุ้ม เจียงหลีช้อนแขน ค่อยๆ สัมผัสแก้มลูกน้อยอย่างระมัดระวัง

สัมผัสนุ่มลื่นทำเอาอดใจอ่อนไม่ได้

เธอยิ้มออกมาอย่างอดใจไม่ไหว แล้วจิ้มเบาๆ สักพักเธอจึงพูดกับลู่เสวี่ยเฉิน “เขานิ่มจังเลย…ฉันไม่ค่อยกล้าแตะเขาเลย จะทำไงดี”

ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยขึ้นอย่างนึกเอ็นดู “แม้เจ้าก้อนจะนุ่มนิ่ม แต่แข็งแรงมากๆ สัมผัสได้ตามใจคุณ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เป็นไรหรอก”

มากสุดคงตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้งอแง

แต่หลินจยาอวี่ตัดสินใจไม่สัมผัสดีกว่า กลัวตัวเองไม่ทันระวังจะทำลูกเจ็บ “ดูแล้วลูกตัวเล็กมากจริงๆ ตอนแรกคลอดเขามีน้ำหนักเท่าไหร่เหรอ”

ลู่เสวี่ยเฉินมองบัตรตรงหัวเตียงครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงอบอุ่น “ลูกหนักสามจุดแปดห้ากิโลกรัมก็หนักมากแล้ว ถึงว่าทรมานแม่ขนาดนี้ ดูสิเสียงคุณแหบหมดแล้ว มา ดื่มน้ำให้ชุ่มคอหน่อย”

เขาถือแก้วที่มีหลอดปักอยู่ จากนั้นเขาเอาหลอดเข้าปากหลินจยาอวี่ หลินจยาอวี่กัดหลอดและค่อยๆจิบน้ำทีละนิด

หลังจากดื่มน้ำแล้วหลินจยาอวี่ก็มองไปที่ลูกของตัวเองอีก

มือของเจ้าก้อนเล็กมากๆ หลับตานอนมือท้องสองข้างกำหมัดวางไว้ข้างกาย

หลินจยาอวี่ยื่นมือออกไปสัมผัสกำปั้นเล็กๆ เจ้าก้อนสัมผัสมือของเธอก็คลายกำปั้นเล็กน้อยราวกับรู้สัญชาตญาณแม่ลูก จากนั้นเขาบีบนิ้วของเธอเอาไว้

เธอกะพริบตาปริบๆ อดยิ้มอ่อนไม่ได้ จากนั้นเธอจึงพูดกับลูกเสียงอ่อนโยน “เจ้าก้อนแป้ง ตั้งแต่วันนี้ไปเราสองคนเป็นแม่ลูกกัน ต่อไปต้องดูแลกันให้ดีๆ นะ”

ลู่เสวี่ยเฉินที่อยู่ข้างๆ ก็พูดตามบ้าง “เจ้าก้อนแป้ง ตั้งแต่วันนี้ไปเราสองคนเป็นพ่อลูกกัน ต่อไปต้องดูแลกันให้ดีๆ นะ”

ทั้งสองต่างสบตาและยิ้มให้กัน