ครั้นนึกถึงเย่ฉูฉู่ ในใจของพี่สะใภ้รองจ้าวก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา

โดยเฉพาะตอนที่หล่อนเห็นอิฐเหล่านั้นที่กองอยู่ด้านหลังลานบ้าน ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดไว้ไม่ผิดแม้แต่น้อย คิดจะสร้างบ้านกันจริง ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นจะขนอิฐมาทำอะไร ทั้งยังขนกลับมาเยอะแยะขนาดนี้ด้วย!

เรื่องที่บอกว่าเป็นเพราะถอนวัชพืชไม่เสร็จจึงเกิดความร้อนใจล้วนเป็นแค่ข้ออ้างทั้งนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้องสามีจะสร้างบ้านต่างหากล่ะ

พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้อิจฉา และไม่ได้ริษยา แต่หล่อนแค่ไม่เข้าใจ

เหตุใดน้องสามีคนเล็กที่ไม่เอาการเอางานอะไรเลย ไม่ว่าจะกินอะไรก็กินไม่พอ เอ้อระเหยลอยชายไปมา รู้จักแต่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ถึงกับสร้างบ้านขึ้นมาได้?

เรื่องนี้จะให้พวกเขากับคนอื่นๆ ที่ทำงานกันอย่างยากลำบากพูดว่าอย่างไรเล่า?

หากจ้าวเหวินเทาเป็นเหมือนกับพวกเขา จะกินจะดื่มก็เสียดาย ใช้ชีวิตรัดเข็มขัดแน่นเพื่อเก็บเงินสร้างบ้าน หล่อนก็คงไม่มีอะไรต้องพูด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับ แต่ในความเป็นจริงแล้วจ้าวเหวินเทาไม่ได้ทำแบบนั้นเลย

ไม่มีเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะท่าทางของคนใช้ชีวิตเป็นในแบบไหนก็ไม่ปรากฏให้เห็น รู้จักแต่กินและดื่มได้ทุกวี่ทุกวัน ตอนที่อยู่ด้วยกัน สองสามีภรรยาคู่นี้ก็รับประทานร่วมกับพวกเขา ใช้ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหว

เขาเอาเดินเตร็ดเตร่ตลอดทั้งวัน ผลลัพธ์ที่ได้กลับใช้ชีวิตได้ดีกว่าพวกเขาที่ทำงานอย่างยากลำบากเสียอีก

รถจักรยานก็ได้ขี่ รถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันก็ได้ขับ ในขณะที่คนอื่นกินหัวผักกาดดองเค็มจุ่มน้ำเกลือกันทุกมื้อ แต่เขากลับได้กินอาหารจานเนื้อสารพัดอย่าง

แบบนี้ใครจะรับได้กันเล่า!

พี่สะใภ้รองจ้าวยืนอยู่ด้านหน้ากองอิฐ สายตาของหล่อนดูหม่นหมอง ด้วยไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่?

เย่ฉูฉู่ที่นอนหลับช่วงเที่ยงตื่นขึ้นมาก็เห็นท่าทางของพี่สะใภ้รองจ้าวที่ยืนทึ่มทื่ออยู่ด้านนอกหน้าต่างราวกับรูปสลักหิน เมื่อมองตามสายตาของหล่อน ก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว

เย่ฉูฉู่เรียก “พี่สะใภ้รอง ทำไมไปยืนอยู่ข้างนอกล่ะคะ เข้ามานั่งข้างในไหม?”

พี่สะใภ้รองเริ่มหันมามองเย่ฉูฉู่

ในช่วงนี้เย่ฉูฉู่มีชีวิตได้กินดีอยู่ดีแถมยังนอนหลับเต็มอิ่ม จิตใจย่อมรู้สึกดีมากอยู่แล้ว เป็นเพราะไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวลใจจริง ๆ

พ่อแม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามีก็รักเธอ เธอยังมีเรื่องอะไรต้องกังวลอีก? แค่ตั้งใจรอคลอดก็พอแล้ว

ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงดูดีเยี่ยมโดยแท้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าดูแลตัวเองได้ไม่เลวเลย

เย่ฉูฉู่เห็นสีหน้าของพี่สะใภ้รองจ้าวไม่ค่อยสู้ดี จึงพูดว่า “พี่สะใภ้รอง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ตอบ หล่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถามขึ้นว่า “น้องสามีหกใช้เงินซื้ออิฐพวกนี้กลับมาเท่าไรเหรอ?”

เย่ฉูฉู่มองพี่สะใภ้รองจ้าวที่เดิมทีควรจะกำจัดวัชพืชภายในที่ดิน แล้วกล่าวว่า “เหวินเทาซื้อมาแบบค้างจ่ายน่ะค่ะ บอกว่าหลังฤดูใบไม้ร่วงค่อยเอาเงินไปจ่าย ส่วนราคาเท่าไหร่เขาไม่ได้บอกไว้”

พี่สะใภ้รองจ้าวจากเดิมที่มีสายตาหม่นหมอง เมื่อได้ยินเย่ฉูฉู่พูดว่า ‘ค้างจ่าย’ ออกมา สีหน้าของหล่อนก็ค่อย ๆ กลับมาสดใส

“ค้างจ่าย?” พี่สะใภ้รองจ้าวเอ่ยถาม “ของพวกนี้ค้างจ่ายได้ด้วยเหรอ?”

“ทำได้สิคะ อิฐที่พี่ชายของฉันนำมาใช้สร้างบ้านก็ค้างจ่ายเหมือนกัน เหวินเทาได้ยินพี่พูดแบบนี้ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมา ถึงได้ซื้อแบบค้างจ่ายนี่แหละ” เย่ฉูฉู่กล่าว “ตอนที่ขนกลับมา ฉันก็ด่าไปรอบหนึ่งแล้วเหมือนกัน ไม่มีเงินสร้างบ้านแต่กลับวิ่งไปค้างจ่ายเป็นหนี้เขาซะแล้ว!”

“ฉันก็นึกว่าน้องสามีหกซื้อกลับมา คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะไปค้างจ่ายเขา” น้ำเสียงของพี่สะใภ้รองจ้าวผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เย่ฉูฉู่อ่านใจคนได้เป็นอย่างดี เธอกล่าวเสียงเรียบ “ไม่งั้นพี่สะใภ้รองคิดว่าพวกเราสองคนจะขนอิฐกลับมาได้ตามอำเภอใจแบบนี้เหรอคะ? เป็นเพราะค้างจ่ายทั้งนั้นแหละค่ะ”

“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าสร้างบ้านจะสามารถค้างจ่ายได้ด้วย” พี่สะใภ้รองเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภายในใจก็เริ่มเกิดความคิดขึ้นมา

“พี่ชายของฉันนอกจากฐานบ้านแล้วอย่างอื่นก็ค้างจ่ายทั้งนั้นแหละค่ะ หลังจากช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงจะจ่าย บางอย่างถ้าจ่ายหลังฤดูใบไม้ร่วงไม่ไหว ก็ต้องจ่ายในปีหน้า” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้พูดอะไรมากมาย จากนั้นหล่อนก็หมุนตัวเดินออกไป

เย่ฉูฉู่มองแผ่นหลังหล่อนที่เคลื่อนจากไป พอถึงตอนค่ำหลังจากจ้าวเหวินเทากลับมา เธอก็บอกเรื่องนี้กับเขา ทำเอาจ้าวเหวินเทาถึงกับยิ้ม

“จู่ ๆ ก็ขนอิฐกลับมาเยอะขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะทำให้หล่อนอิจฉาตาร้อน” เย่ฉูฉู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“อิจฉาตาร้อนนักก็ปล่อยให้ตาร้อนไปสิ จะให้เราไม่สร้างบ้านเพื่อไม่ให้หล่อนอิจฉาได้ด้วยเหรอ? แบบนั้นพวกเรายังจะใช้ชีวิตอยู่ได้อีกหรือเปล่า หลังจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้หล่อนอิจฉาตาร้อนนะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่แยแส “มา ภรรยา ว่ามาสิ คุณอยากสร้างบ้านแบบไหน?”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ คำพูดนี้พูดได้ไม่ผิดเลย ตอนนี้บ้านของเธอและพี่สะใภ้รองจ้าวเกิดความแตกต่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ชีวิตของบ้านเธอไม่สามารถสนใจเรื่องราวมากมายขนาดนั้นได้ อิจฉานักก็ปล่อยให้อิจฉาไปเถอะ

ถึงอย่างไรก็ต้องคุ้นชินกับมันไม่ใช่เหรอ

เย่ฉูฉู่พิงตัวกับกองผ้าห่ม เธอลูบท้องพลางกล่าว “ต้องสว่างสักหน่อยนะ ให้มีโต๊ะอ่านหนังสือติดกับหน้าต่าง ขอโต๊ะแบบยาว ๆ เลย แบบที่สามารถวาดรูป เขียนหนังสือได้ ข้าง ๆ มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้าอยู่ข้าง ๆ แล้วก็…ลูกต้องมีห้องเป็นของตัวเองด้วยนะ ตอนเด็ก ๆ มานอนกับพวกเราได้ แต่โตขึ้นอีกหน่อยเขาก็ควรจะนอนเองแล้ว…”

ในที่ๆ พวกเขาอยู่ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็นอนบนเตียงเดียวกัน มีแค่ตอนแต่งงานเท่านั้นถึงจะมีเตียงเป็นของตัวเอง

เรื่องนี้เย่ฉูฉู่รู้สึกไม่ชอบเป็นพิเศษ เธอหวังว่าลูกของตนจะมีห้องเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก และมีสถานที่ไว้วางสิ่งของของตนเอง

จ้าวเหวินเทาฟังภรรยาของเขาเล่า กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ภรรยา คุณจะเขียนออกมาสักหน่อยไหม? พูดเยอะเกินไปแล้ว ผมกลัวว่าจะจำไม่ได้ เขียนไว้แล้วผมจะได้ค่อย ๆ จำไง”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ฉันพูดไปแค่ไม่เท่าไหร่คุณก็จำไม่ได้ซะแล้ว…อุ๊ย”

“เป็นอะไรครับ?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความประหม่า

“เขาเตะฉันแล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่มองท้องด้วยความประหลาดใจขณะกล่าว

จ้าวเหวินเทามีดวงตาเป็นประกายแวววาว เขารีบถลาเข้ามาตะแคงใบหน้าฟังที่ท้องของภรรยา ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงพูดว่า “ไม่เห็นมีเลย ผมไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”

“ตอนนี้ยังเล็กอยู่เลย เตะให้ฉันรู้สึกนิดหน่อยก็ถือว่าดีแล้วแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “หรือว่าให้ฉันวาดภาพบ้านไว้ไหมคะ แบบนี้ยิ่งทำให้เห็นชัดขึ้น คุณเองก็จะได้เอาไปใช้อ้างอิงด้วย”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ ภรรยาคุณวาดเลย พี่สามบอกผมแล้วว่าชุดที่คุณออกแบบขายดีมาก รอให้ชำระงวดสุดท้ายเสร็จก็คงส่งกลับมาแล้ว จำนวนตัวเลขเกรงว่าคงไม่น้อยเลย ถึงเวลานั้นผมจะเปิดบัญชีแยกไว้ให้คุณนะ”

“ไม่ต้องฝากไว้หรอกค่ะ สร้างบ้านยังต้องใช้เงินอีกไม่น้อยเลย” เย่ฉูฉู่กล่าว

วันนั้นจ้าวเหวินเทาคุยโทรศัพท์กับเย่หมิงเป่ย ขากลับมาก็ได้บอกเรื่องที่ว่าชุดของเธอได้รับความนิยมไปแล้ว

เมื่อได้ยินว่าชุดของตนเองขายดี เย่ฉูฉู่จึงไม่ได้ขัดการสร้างบ้านของเขา ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ปล่อยให้เขาเหนื่อยขนาดนี้หรอก

ถึงอย่างไรเงินส่วนใหญ่ก็ใช้ซื้อรถไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะหาเงินได้ไม่น้อย แต่ค่าอิฐสำหรับสร้างบ้านที่ค้างอยู่ก็แอบเกินกว่ารายรับอยู่ดี

เหนื่อยนิดหน่อยยังพอทนไหว แต่ถ้าเหนื่อยเกินไปก็ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างขึ้นมา แต่เธอเองก็หาเงินได้แล้วเช่นกัน จึงไม่ได้คัดค้านความคิดเหล่านี้ของเขา ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ

“เรื่องสร้างบ้านไม่ต้องใช้เงินของคุณหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ภรรยา คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมคำนวณไว้แล้ว ต่อให้พวกเราสร้างบ้านที่เป็นมาตรฐานสูงสุด เราก็ยังปิดหนี้ทั้งหมดได้ภายในหลังฤดูใบไม้ร่วง เงินที่คุณได้มาคุณเก็บไว้เถอะ”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แบ่งหน้าที่ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

“ภรรยา ไม่ได้แบ่งกันชัดเจนขนาดนั้นหรอก แต่เรื่องหาเลี้ยงครอบครัวเป็นเรื่องของผม จะให้ไปใช้เงินคุณได้ไง? คุณเก็บไว้เป็นเงินส่วนตัวเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ก็ได้ ถ้าคุณต้องการใช้เงินก็มาหาฉันนะคะ ฉันจะช่วยคุณเอง” เย่ฉูฉู่ลูบใบหน้าของสามี ช่วงนี้เขาออกไปตากแดดตากฝน ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำลงไปไม่น้อย

แต่เรื่องนี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหน้าตาของเขาเท่าไรนัก ทั้งดวงตาดำขลับเป็นประกาย สันจมูกสูงโด่ง ขนาดวิ่งไปทำงานข้างนอกจนเหน็ดเหนื่อย แต่ผิวพรรณของเขากลับยังดูดีขนาดนี้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เชื่อค่ะว่าบ้านหกจะหาเงินใช้หนี้ได้ครบหลังฤดูใบไม้ร่วง เพราะทั้งคู่ฉลาดหาเงินกันแบบนี้ ครั้งหนึ่งได้มาทีละมาก ๆ โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ยังไงก็โปะหนี้หมดค่ะ

ไหหม่า(海馬)