ตอนที่ 347 ฉีกบัตรเชิญทิ้งด้วยโทสะ

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 347 ฉีกบัตรเชิญทิ้งด้วยโทสะ!

หยางไฉ่เอ๋อในชุดกี่เพ้าของนางสนมในราชวงศ์ชิง พูดอย่างเย้ายวนว่า “แม้ว่าฉันจะเป็นนักแสดงธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ก็พอรู้เรื่องตระกูลซูแห่งเมืองหลวงและซูมู่ชิงสาวงามอันดับหนึ่งนะคะ คุณแต่งงานกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซู แล้วจะหาฉันอีกเหรอคะ?”

หยางไฉ่เอ๋อเป็นดาราดังในวงการบันเทิง เป็นผู้หญิงในดวงใจของผู้คนนับไม่ถ้วน มีคนรวยจำนวนมากคอยตามจีบ

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองไม่คู่ควรกับหลี่เฉิงเจี๋ย ไม่มีทางได้แต่งงานกับชนชั้นสูงในเมืองหลวง

เพราะว่านักแสดงหญิงแบบพวกหล่อนนั้น ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการบันเทิงก็จะนอนกับนักลงทุนและผู้กำกับมาไม่น้อย ไม่มีความบริสุทธิ์ให้พูดถึงนานแล้ว

และยิ่งตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซู หรือตระกูลหลี่ มีข้อกำหนดกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่าลูกชายในตระกูลห้ามแต่งงานกับผู้หญิงในวงการบันเทิง

หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้มน้อยๆ เชยคางแหลมที่เห็นได้ชัดว่าผ่านการศัลยกรรมของหยางไฉ่เอ๋อขึ้นมา “ทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะ?”

หยางไฉ่เอ๋อตอบว่า “แต่งงานกับผู้หญิงตระกูลซู แล้วคุณยังจะกล้าเหลวไหล ไม่กลัวซูมู่ชิงและคนในตระกูลซูโกรธเหรอ?”

หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้มแล้วตอบว่า “ขอแค่ซูมู่ชิงแต่งงานกับผมแล้ว หล่อนก็จะกลายเป็นคนของผม ผมให้หล่อนหันซ้านหล่อนก็ต้องหันไปทางซ้าย ผมบอกให้หันขวาก็ต้องหันขวา ทุกเรื่องในบ้านก็ต้องแล้วแต่ผม หล่อนคุมผมไม่ได้หรอก! ส่วนคุณปู่ของหล่อน เขาเป็นคนอ่านคนขาด เขาเดาออกอยู่แล้วว่าผมต้องมีผู้หญิงคนอื่น สำหรับเขาแล้ว ผลประโยชน์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ขอแค่ผมมีสิ่งที่ตระกูลซูต้องการ เขาก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก!”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ หยางไฉ่เอ๋อก็หัวเราะออกมา “คุณชายหลี่นี่บ้าอำนาจจริงๆ ฉันชอบผู้ชายที่มีอิทธิพลแบบคุณจัง คิกๆ”

หลี่เฉิงเจี๋ยโอบเอวของหยางไฉ่เอ๋อ แล้วพูดว่า “ไฉ่เอ๋อ เธอควรต้องเพิ่มน้ำหนักแล้วนะ ชักจะผอมเกินไปแล้ว ใส่กี่เพ้าแล้วไม่ค่อยสวยเลย”

เพราะดาราหญิงต้องอยู่หน้ากล้อง ดังนั้นดาราสาวสวยๆ ส่วนมากจึงต้องมีหุ่นที่ผอมมากๆ ผอมกว่าคนทั่วไปอีกหนึ่งระดับ

เพราะไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นหุ่นทั่วๆ ไป พอเข้ากล้องแล้วจะดูบวมมากทีเดียว

แต่ว่ารูปร่างแบบนี้ เข้ากล้องแล้วจะสวยมาก แต่พอเป็นชีวิตจริงแล้วจะไม่ได้ดูสวยอะไรขนาดนั้น โดนเฉพาะตอนที่สนุกับผู้ชาย

หยางไฉ่เอ๋อตอบว่า “ก็ฉันต้องเข้ากล้องนี่นา จะเพิ่มน้ำหนักไม่ได้ ถ้าหากคุณคิดว่ารูปร่างฉันไม่ดีพอ ฉันจะแนะนำอีกคนให้ มีรุ่นน้องย้ายมาเข้าเรียนใหม่ที่วิทยาลัยการแสดงของเรา หุ่นดีสุดยอด เป็นแบบที่คุณชอบแน่ๆ”

“เหรอ? ชื่ออะไรล่ะ? เคยเล่นละครเรื่องอะไร?” หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็เริ่มสนใจ

หยางไฉ่เอ๋อตอบว่า “ชื่อว่าหวังเจินอวี่ เป็นนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ยังไม่เคยถ่ายหนังและยังดูเหมือนว่าจะบริสุทธิ์อยู่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้ชายส่วนมากอาจรู้สึกตื่นเต้น แต่สำหรับหลี่เฉิงเจี๋ยแล้วเขาส่ายศีรษะอย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย

“ถ้าไม่เคยถ่ายหนังไม่เอา ผมจะเอาแค่ดาราแถวหน้าเท่านั้น รอให้ดังก่อนแล้วค่อยแนะนำให้ผมแล้วกัน!” หลี่เฉิงเจี๋ยตอบ

หยางไฉ่เอ๋อใช้มือจิ้มหน้าหลี่เฉิงเจี๋ย “ฉันรู้แล้วล่ะ คุณเนี่ย ชอบสาวสวยที่คนชอบเยอะๆ อย่างฉันที่มีแฟนคลับมากมาย หรือจะแบบซูมู่ชิง คุณหนูที่คุณชายทั้งหลายในเมืองหลวงต่างก็อยากครอบครอง”

หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้ม “ถูกต้อง สาวๆ ที่ชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนอยากครอบครองอย่างพวกคุณนี่แหละถึงคู่ควรกับหลี่เฉิงเจี๋ย! เอาล่ะ ผมไม่คุยกับคุณแล้ว วันนี้ผมไปล่ะ ผมจะกลับไปคุยกับพ่อแม่เรื่องวันแต่งงาน”

เมื่อพูดจบ หลี่เฉิงเจี๋ยก็จากไปอย่างรวดเร็ว

เก้าโมงเช้า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

เย่เฉินได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูไม่หยุดแต่เช้าตรู่

“หงเหยียนกลับมาแล้วเหรอ?”

เย่เฉินรีบพุ่งออกไปเปิดประตูของเรือนสี่ประสาน แล้วพบว่าเป็นชายวัยกลางคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

“คุณคือ?”

ในมือของชายวัยกลางคนถือซองที่มีตัวอักษร ‘มงคลคู่’ เขากล่าวกับเย่เฉินว่า “คุณเป็นเจ้าของเรือนสี่ประสานนี้ใช่ไหม? เอ่อคือว่าคุณชายหลี่กับคุณหนูตระกูลซูจะแต่งงานกัน คุณชายหลี่ของพวกเราอยากให้งานครึกครื้นหน่อย เลยจะให้คนทั้งโลก ไม่สิ คนในเมืองมาร่วมกันฉลองด้วยกันครับ!

ดังนั้นอยากจะติดอักษรคำว่า ‘มงคลคู่’ ที่บ้านเรือนใหญ่ในเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรือนสี่ประสาน เพื่อให้ทุกคนในเมืองหลวงได้ร่วมอวยพรให้คุณชายหลี่และคุณหนูซูของพวกเรา และแน่นอนว่า พวกเราไม่ได้จะมาติดฟรีๆ นะครับ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันแต่งงาน ถ้าติดหนึ่งจะได้เงินวันละหนึ่งพันหยวน คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”

เย่เฉินขมวดคิ้ว “การแต่งงานของคุณชายหลี่และคุณหนูซู? คุณชายหลี่ไหน? คุณหนูซูไหน?”

ชายวัยกลางคนยิ้ม “พวกเราชาวบ้านร้านตลาด จะไปรู้ชื่อเต็มของพวกเขาได้อย่างไร? จริงไหม? ผมรู้แค่ว่าตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ๆ เป็นลำดับต้นๆ ของเมืองหลวงหรืออาจจะในประเทศด้วยซ้ำ”

ทันใดนั้นเย่เฉินก็เกิดความคิดที่ไม่ดีนัก “หรือว่าจะเป็นซูมู่ชิงกับหลี่เฉิงเจี๋ย?”

เมื่อวานซูมู่ชิงวิ่งหนีเขาออกไปพร้อมน้ำตาจากตวามน้อยใจ หรือว่าหลังจากที่หญิงสาวออกไปก็ไปตกลงรับปากแต่งงานกับหลี่เฉิงเจี๋ยเหรอ?

“ว่าอย่างไรครับคุณ จะติดไหมครับ?” ชายวัยกลางคนถามต่อ

เย่เฉินตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ติด”

หลี่เฉิงเจี๋ยไม่ใช่คนดีอะไร อีกทั้งเย่เฉินก็รู้ว่าซูมู่ชิงไม่ได้ชอบเขา จะให้เย่เฉินติดตัวอักษรมงคลคู่ของพวกเขาที่ประตูบ้าน ซึ่งเขาอยู่อาศัยได้อย่างไรกัน?

ชายวัยกลางคนพูดต่อ “เงินน้อยไปเหรอ? เรื่องเงินคุยกันได้นะ เอาอย่างนี้แล้วกันผมเพิ่มให้อีกสองร้อยเป็นหนึ่งพันสองร้อยหยวนต่อวัน ว่ายังไง?”

เย่เฉินพูดต่อ “ต่อให้เป็นวันละหมื่นสอง ผมก็ไม่เอา คุณไปเถอะ”

ชายวัยกลางคนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “วันละหมื่นสองก็ไม่เอาเหรอ? คุณนี่มันสุดยอดจริงๆ บ้านนี้มีคนตายสินะ?

เย่เฉินหัวเสีย เขาคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของชายวัยกลางคน “พูดว่าอะไรนะ?”

ชายวัยกลางคนพูดว่า “เฮ้ คุณจะทำอะไรจะทำร้ายร่างกายผมเหรอ? อย่าคิดว่าอาศัยอยู่ที่เรือนสี่ประสานแล้วจะใหญ่นักหนา ครอบครัวของผมอาศัยอยู่ตรงข้ามโรงเรียนประถมศึกษาประจำเมืองหลวงหมายเลข 2 อยู่ในเมืองหลวงมาตลอดสี่รุ่น ฟังสำเนียงปล่อยเมือเถอะ ไม่เอาด้วยก็ช่างคุณ แต่อย่าทำผมเสียเวลาในการติดอักษรมงคลคู่ที่บ้านอื่น อีกอย่างผมจะบอกให้นะ แม้ว่าผมจะไม่เคยเจอคุณชายหลี่ แต่การที่ผมออกมาแจกเจ้านี่ก็ถือได้ว่าผมเป็นคนของเขาแล้ว ถ้าคุณกล้ายุ่งกับผมก็เท่ากับว่าล่วงเกินคุณชายหลี่ ล่วงเกินตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงรู้ไหม?”

เย่เฉินแค้นเสียง “ผมล่วงเกินคุณชายหลี่ที่คุณนับถือมานานแล้ว!”

ครั้งล่าสุดที่เย่เฉินมาเมืองหลวง ก็ต่อยหลี่เฉิงเจี๋ยนอนแผ่หราบนพื้นมาแล้ว!

อีกอย่างก็ไม่เห็นว่าคุณชายหลี่ที่ว่านี้จะกล้าทำอะไรเขา!

ชายวัยกลางคนกลับไม่เชื่อ “ฮึ คนต่างถิ่นอย่างคุณนี่โม้เก่งไม่เบาเลย คุณคิดว่าซื้อเรือนสี่ประสานที่นี่แล้วเก่งมากสินะ? ผมจะบอกคุณให้นะ เรือนสี่ประสานพังๆ หลังนี้ของคุณยังเทียบอะไรไม่ได้กับคุณชายหลี่ทั้งนั้น! ยังจะมาพูดว่าเคยล่วงเกินคุณชายหลี่ถ้าคุณเคยทำอย่างนั้นจริงแล้วอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างรอดปลอดภัย ผมจะกลืนอักษรมงคลคู่นี้ให้ดูเลย!”

เย่เฉินมองตัวอักษรมงคลคู่ที่ชายผู้นี้ถือในมือ ก็นึกถึงไอ้บ้าหลี่เฉิงเจี๋ยขึ้นมา เขาคว้าตัวอักษรพวกนั้นมาทันที

หลังจากนั้นก็ฉีกครึ่งตัวอักษรมงคลคู่ทิ้งจนหมดทันที!