บทที่ 176 ฉูฉู่ถึงตายก็ไม่กลับใจ
ฉีเฟยอวิ๋นพบว่าการตรวจดูเหมือนจะตรวจได้ไม่แม่นยำเท่าไหร่ นางไม่ได้จากไปเพียงแค่หลับตาพยายามสงบสติอารมณ์แล้วตรวจดูใหม่ รวบรวมทักษะทางการแพทย์ของนางแล้วเริ่มตรวจพระวรกายของจักรพรรดิอวี้ตี้
ท่ามกลางสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น จักรพรรดิอวี้ตี้จ้องไปยังใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นและตกอยู่ในห้วงลึกของความคิด
ลืมตาขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปดูจักรพรรดิอวี้ตี้ ค่อยๆปล่อยพระหัตถ์ของจักรพรรดิอวี้ตี้แล้วคุกเข่าลงทันที
“หม่อมฉันไร้ความสามารถขอฝ่าบาทอภัยให้ด้วย”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จักรพรรดิอวี้ตี้ก้าวไปอีกฝั่งโดยหันหน้าไปทางตำหนักบำรุงฤทัย: “ข้ารู้ว่าเจ้าดูออก พูดมาเถอะ”
ฝ่ามือของฉีเฟยอวิ๋นออกเหงื่อ: “ฝ่าบาทถูกยาพิษแล้ว”
“เป็นเช่นนั้นจริๆ……”
จักรพรรดิอวี้ตี้หันมือลง: “ลุกขึ้นเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกยืนขึ้นมองไปยังจักรพรรดิองค์นี้ซึ่งหันหลังให้นางอยู่ด้วยความสงสัยที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
ผู้ใดกันที่วางยา?
ลมพัดเบาลงแล้วจักรพรรดิอวี้ตี้หันกลับมา: “ข้าอยากรอจนกว่าทารกจะเกิดมา”
“หม่อมฉันพยายามสุดความสามาถเพื่อถอนพิษให้ฝ่าบาท” ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่นางหวังให้จักรพรรดิอวี้ตี้มีพระชนม์ชีพอยู่ต่อ
“ อืม” จักรพรรดิอวี้ตี้ตอบรับแล้วหันกลับมาถามว่า: “มีวิธีใดบ้างที่จะรู้ว่าคิอยาพิษอะไร?”
“หม่อมฉันยังตรวจหาไม่พบ นี่เป็นครั้งเดียวที่หม่อมฉันตรวจหามันไม่พบหม่อมฉันไร้ความสามารถ” ฉีเฟยอวิ๋นอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่มาถึงที่แห่งนี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่รู้ว่าคือยาพิษอะไร
“ไม่ใช่ว่าเจ้าไร้ความสามารถแต่ผู้ที่วางยาพิษเก่งกาจมากยิ่งนัก กลับไปตรวจสอบให้ดีข้ารอเจ้าอยู่”
“ฝ่าบาทพระองค์ทรงมอบพระโลหิตของพระองค์ให้หม่อมฉันสักหน่อยได้หรือไม่เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นถามอย่างกล้าหาญ
จักรพรรดิอวี้ตี้ส่งพระหัตถ์ให้ฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่ลังเล
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขวดเล็กๆออกมาทันทีแล้วหยิบเข็มเงินออกมาเข็มนึงทิ่มนิ้วของจักรพรรดิอวี้ตี้ เลือดหยดหนึ่งไหลเข้าไปในขวดเล็กๆ ฉีเฟยอวิ๋นบีบนิ้วของจักรพรรดิอวี้ตี้แล้วนำผงยาห้ามเลือดพระองค์ไว้
ทั้งหมดนี้ดูแปลกสำหรับผู้อื่นและไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใดอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นเก็บขวดเล็กๆไว้: “ฝ่าบาท อีกสามวันหม่อมฉันจะเข้าวัง ถึงแม้ว่าจะตรวจสอบไม่ได้หม่อมฉันก็จะเตรียมยาถอนพิษเพื่อสกัดพิษไว้”
“อืม”
จักรพรรดิอวี้ตี้หันกลับไปยังฝั่งตำหนักบำรุงฤทัยโน่นจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ตามเขาไป
“อย่าบอกอ๋องเย่หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงกำชับ
“หม่อมฉันขอบังอาจถามฝ่าบาท”
“ว่ามา”
“ฝ่าบาทเชื่อพระทัยอ๋องเย่หรือไม่เพคะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่ได้หยุดราวกับรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะถามสิ่งใดแล้วตอบอย่างสงบนิ่งว่า: “นอกจากแม่ทัพฉีสองคนที่ข้าเชื่อใจหนึ่งในนั้นคืออ๋องเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นลังเล: “เช่นนั้นอีกผู้หนึ่ง?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นงุนงง จักรพรรดิอวี้ตี้เรียกนางว่าเจ้า?
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ คนมากมายเช่นนั้นที่ดีต่อฝ่าบาทหม่อมฉันเดาไม่ออกเพคะ”
“งั้นก็เดาดีๆสิ”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่า: “คงไม่ใช่หม่อมฉันหรอกนะเพคะ?”
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป” จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่ไว้หน้าฉีเฟยอวิ๋นเลย
ฉีเฟยอวิ๋นเศร้าใจ: “หม่อมฉันก็ไม่คิดว่าเป็นหม่อมฉัน”
อวี้ตี้หัทรงพระสรวลอย่างพอพระทัยยิ่งนัก: “รู้แล้วก็ดี”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามกลับไปยังตำหนักบำรุงฤทัย พอเข้าประตูไปก็เหลือบมองไปยังอ๋องเย่แล้วมองไปบังอวี้ตี้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรแล้ว
“ข้าเพิ่งรับสั่งให้ชายาเย่รักษาอาการบาดเจ็บของชายาตวน อ๋องตวนเจ้าก็วางใจได้และกลับไปเถอะ”
“พะย่ะค่ะ”
อ๋องตวนกล่าวขอบพระทัยแล้วหันหลังกลับออกไปข้างนอก ฉีเฟยอวิ๋นในตอนนี้ไม่มีแก่ใจถือสาเรื่องของพระชายาตวนแล้ว กลับมองไปยังอวี้ตี้ซึ่งอยู่บนเบื่องสูงนั้นแล้วทูลลากลับไป
ออกจากตำหนักบำรุงฤทัยแล้วฉีเฟยอวิ๋นไปน้อมทักทายต่อพระพันปี และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเรื่องของพระชายาตวนพระพันปีเลย บอกกับนางว่า: “ในเมื่อเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันอย่างไรก็ยังต้องไว้หน้ากันด้วย”
“ลูกทราบเพคะ”
“รู้แล้วก็ดี”
ฉีเฟยอวิ๋นสนทนากับพระพันปีอยู่ครู่หนึ่งแล้วน้อมทักทายก่อนจึงจากไป
ออกจากวังเตรียมขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าของอ๋องตวนรออยู่ฝั่งตรงข้าม
รถของจวนอ๋องตวนผ่านมาทางนี้และกำหมัดไว้: “อ๋องตวนเชิญพระชายาเย่ผ่านจวนไปตรวจและรักษาที่จวนอ๋องตวนด้วย”
“ข้าต้องกลับไปยังจวนอ๋ฮงเย่เพื่อนำตัว เชิญอ๋องตวนกลับไปก่อนแล้วเข้าจะไปในภายหลัง”
ฉีเฟยอวิ๋นบอกกล่าวเรียบร้อยแล้วอาอวี่ก็ขับรถม้าพาฉีเฟยอวิ๋นกลับไป
กลับไปถึงจวนอ๋องเย่หนานกงเย่ยังไม่กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวฝากไว้ไม่กี่คำก็หยิบกล่องยาแล้วจากไปเพื่อไปยังจวนอ๋องตวน
หลังจากลงจากรถม้าอ๋องตวนก็รอฉีเฟยอวิ๋นอยู่หน้าประตูแล้ว
ลงรถแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปตรงหน้าอ๋องตวน อาอวี่แบกกล่องตามอยู่ด้านหลังฉีเฟยอวิ๋น
ลี่ว์หลิ่วก็ได้ตามอยู่อีกฝั่ง
เมื่อเห็นอ๋องตวนอาอวี่ก้มศีรษะลี่ว์หลิ่วย่อกายคารวะ: “คารวะอ๋องตวน”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็นอ๋องตวนอยู่ในสายตาเลยและไม่ได้เกรงใจ
“ไปกันเถอะ ข้ายังมีธุระที่ต้องทำอีก”
อ๋องตวนหันกลับมา: “เชิญ”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอ๋องตวนแล้วเดินไปยังจวนอ๋องตวน
เข้าประตูไปฉีเฟยอวิ๋นเดินอ้อมโถงทางเดินยาวผ่านลานด้านหน้ามาถึงยังที่ที่จวินฉู่ฉู่อาศัยตำหนักฉู่เซวียน
จวินฉูฉู่ในเวลานี้เจ็บปวดยิ่งนักจนทนไม่ไหวแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เข้าไปในเรือนที่นางอาศัยอยู่ก็ได้ยินนางดุด่าทุบตีสาวใช้อยู่ด้านใน
ชุนหงถูกล้างตระกูลไปแล้วสาวใช้ข้างกายนางควรจะเป็นผู้อื่นถึงจะถูก
ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่งและเหลือบมองหนานกงเหยี่ยนโดยไม่ตั้งใจ: “ความชื่นชอบของอ๋องตวนช่างทำให้ผู้คนคาดคิดไม่ถึงเลย!”
หลังจากกล่าวจบฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในเรือน
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูมาเห็นจวินฉูฉู่เขวี้ยงถ้วยชาไปยังหัวของสาวใช้ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
สาวใช้ไม่กล้าขยับแล้วเลือดก็ไหลตามหน้าผากลงมา
ฉีเฟยอวิ๋นยืนมองดูตรงประตูแว๊บหนึ่งมีคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสามคน พวกเขาทั้งสามถูกทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวและยังมีสาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่อีกฝั่ง
ใบหน้าของสาวใช้ดูเรียบเฉยราวกับเคยชินกับเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว
จวินฉูฉู่เฝตกใจเมื่อเห็นฉีเฟนอวิ๋นแต่ก็กล่าวอย่างรวดเร็วว่า: “ทำเรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ดีแล้วยังไม่ลุกออกไปอีก?”
สาวใช้บนพื้นรีบลุกขึ้นออกไปเมื่อเห็นอ๋องตวนเลยอดไม่ได้ร้องไห้ออกมาตรงประตู อ๋องตวนมองพวกเขาแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองจวินฉูฉู่แล้วสั่งอาอวี่: “วางกล่องยาไว้แล้วออกไปก่อน”
อาอวี่ทำตามวางกล่องยาลงหันหลังออกไป ในเรือนมีลี่ว์หลิ่วอยู่ด้วย อ๋องตวนถึงเข้ามาในเวลานี้
เมื่อเห็นอ๋องตวนจวินฉูฉู่ก็เรียกเขาทันที: “ท่านอ๋อง”
อ๋องตวนเดินไปหาจวินชูชูนั่งลงแล้วจับมือนาง: “ข้ามาช้าแต่ว่าฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้พระชายาเย่ตรวจรักษาฉูฉู่”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง” จวินฉูฉู่รู้สึกขอบคุณและกำลังจะร้องไห้ด้วยความน้อยใจ
ฉีเฟยอวิ๋นทำเป็นมองไม่เห็นและนางก็ยังมีธุระต้องกลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงแล้วกล่าวว่า: “พระชายาตวนส่งมือมาให้ข้า”
จวินฉูฉู่ดูงุนงงเล็กน้อย: “พระชายาเย่เจ้ารู้อยู่แล้วว่าบั้นท้ายข้าได้รับบาดเจ็บเหตุใดเจ้าถึงต้องตรวจชีพจร ทำความสะอาดบาดแผลให้ข้าแล้วใส่ยาถึงจะถูก”
ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้วดูก้นก็ดูก้นจะกล่าวให้สวยหรูเช่นนั้นทำไมกัน?
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างรำคาญว่า: “พระชายาตวนหากเจ้ารักษาตัวเองได้งั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่งั้นเจ้าก็รักษาตัวเองก็แล้วกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดขึ้นมาและจวินฉูฉู่ไม่พอใจ: “พระชายาเย่เจ้าได้รับคำสั่งให้มาตรวจรักษาข้าเหตุใดเจ้าถึงไม่ตั้งใจเช่นนี้ไม่สนใจฝ่าบาทหรือ?”
“พระชายาตวนไม่ใช่ว่าข้าไม่รักษาให้เจ้าแต่เจ้ารักษาเป็นแล้วจะให้ข้าทำสิ่งใด?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากทนอารมณ์ขุ่นเคืองนี้จึงลุกขึ้นจะจากไป แต่ถูกอ๋องตวนรั้งไว้
“พระชายาเย่ ฉู่ฉู่ไม่สบายบางครั้งอารมณ์ฉุนเฉียวขอพระชายาเย่อย่าได้ถือสา” อ๋องตวนลุกยืนขึ้นกล่าว ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปยังประตูแล้วหันมองยังอ๋องตวนก่อนจะเดินกลับไป
นั่งลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นยังคงกล่าวประโยคนั้น: “ยื่นมือมา”
จวินฉูฉู่ไม่ยอม: “พระชายาเย่ เจ้ามาตามรับสั่งของฝ่าบาทนะ”
“แล้วเช่นไร? ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้ข้ารักษาพระชายาตวนไม่ใช่ให้มาดูก้นของพระชายาตวนว่าน่าขยะแขยงเท่าใด?”
“เจ้า……” จวินฉูฉู่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูอย่างเหยียดหยาม: “หากเจ้าไม่ดูงั้นข้าจะกลับก่อน ไม่มีเวลามาเสียเปล่าๆให้เจ้า”
“ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท” จวินฉูฉู่โมโหจนร้องไห้ออกมาเลย
ฉีฟเยอวิ๋นก็ไม่เกรงใจเช่นกัน: “ตามแต่ใจเจ้าชอบที่จะไปหาผู้ใดก็ไปหาผู้นั้น”
“……” จวินฉูฉู่โกรธจนเบิกตาโต
อ๋องตวนนั่งลงแล้วจูงมือจวินฉูฉู่เข้ามา: “เชิญพระชายาเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกดมือของจวินฉูฉู่เพื่อดูอาการให้นาง
ตรวจดูครู่หนึ่งแล้วไม่มีโรคอะไรร้ายแรง
อ่อนแอไปสักเล็กน้อยและใจร้อนไปบ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปเปิดกล่องยาแล้วหยิบขวดเล็กๆสองสามขวดให้อ๋องตวน: “นี่คือผงยาใช้ห้ามเลือดและสมานแผล เนื่องจากเนิ่นนานเกินไปข้าไม่สามารถรับรองได้ว่าแผลสมานกันแล้วจะคงเหลือรอยแผลเป็นอยู่หรือไม่
ส่วนการล้างพิษตรงนี้มียาน้ำอยู่สองขวด ตอนท่านล้างทำความสะอาดอาจจะเจ็บนิดหน่อยเป็นการฆ่าเชื้อแล้วจะเกิดฟองสีขาวขึ้น ฟองนี้อาจมีเลือดสีดำอยู่รอจนโฟมกลายเป็นสีขาวแล้วเนื้อหนังขาวขึ้นก็ไม่เป็นไรแล้ว ใช้ฝ้ายสีเหลืองนี้ซับให้สะอาดแล้วโรยผงยาลงไป
ห้ามเคลื่อนไหวเป็นเวลาสามวันแล้วใช้ผ้าขาวคลุมไว้เพื่อไม่ให้ร้อนเกินไปและต้องระบายอากาศ
ผ้าห่มห้ามหนาเกินไป พวกท่านควบคุมดูแลเรื่องในเรือนเองละกัน
ยาที่ใช้ทานข้าไม่ได้เตรียมและจำเป็นต้องฉีดยาก็เพียงเท่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มฉีดยาซึ่งทำมาจากทองแดงออกมาและหัวเข็มฉีดยาอันน่ากลัวซึ่งขยับไปมาตรงหน้าอ๋องตวน
จวินฉูฉู่กล่าวขึ้นทันที: “ฉีเฟยอวิ๋นเจ้าต้องการทำร้ายข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากใส่ใจจวินฉูฉู่: “อ๋องตวน ข้ากล่าวทุกอย่างชัดเจนแล้วจะฉีดยาหรือไม่พวกท่านตัดสินใจเอง”
“พวกข้า……”
อ๋องตวนยังไม่ได้กล่าวจวินชูชูกล่าวขึ้นว่า: “ท่านอ๋อง ท่านไม่สนใจข้าแล้วจริงหรือ?”
อ๋องตวนหมดหนทาง ฉูฉู่ต่างจากเมื่อก่อนเมื่อก่อนเป็นผู้ที่จิตใจดี แต่คราวนี้หลังจากที่กลับมาจากศาลพิเศษกลางอารมณ์ของนางก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงเท่านั้นนางทารุณสาวใช้ทุกวัน การกระทำเช่นนี้คิดซะว่านางไม่สบายถึงเป็นเช่นนี้
แต่ตอนนี้พระชายาเย่มายังจวนเพื่อตรวจรักษาให้นางนางกลับทำให้ลำบากใจเช่นนี้
ถามว่าหากวันนี้เปลี่ยนมาเป็นพระชายาเย่นางจะยอมช่วยได้เช่นไร?
อ๋องตวนก็ทำอะไรไม่ได้แล้วยังคงถามว่า:”พระชายาเย่ นี่คือสิ่งใด?”
“นี่คือหลอดฉีดยาที่มียาแก้การอักเสบ การฉีดยานั้นรวดเร็วนักเพียงแต่การฉีดยานั้นอาจจะเจ็บมาก แน่นอนว่าถึงแม้จะไม่ฉีดยาใช้ผงยาของข้าก็จะหายในสองสามวัน”
อ๋องตวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “ฉูฉู่……”
“ท่านอ๋อง ข้าไม่เห็นด้วย” จวินฉูฉู่ส่ายศีรษะแล้วมองไปทางอื่นทั้งน้ำตาราวกับว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เกรงใจเก็บเข็มฉีดยาไว้เรียบร้อยแล้วลี่ว์หลิ่วก็แบกกล่องยารีบตามฉีเฟยอวิ๋นออกประตูไป
ถึงตรงประตูอาอวี่หยิบกล่องยาไปส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ออกไปแล้วขึ้นรถม้าจากนั้นลี่ว์หลิ่วกล่าวว่า:พระชายา พระชายาเย่ช่างน่ากลัวนัก ตอนนั้นได้ยินว่าพระชายาตวนจะแต่งงานกับอ๋องเย่ของพวกเราตอนนี้คิดไปแล้วสบายพวกเราซะแล้วสิ
สาวใช้เหล่านั้นถูกเฆี่ยนตีจนช้ำไปทั้งร่างกาย ส่วนอ๋องตวนกลับทำราวกับว่ามองไม่เห็น”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีแก่ใจสนใจสิ่งอื่น เอนกายอยู่ในรถม้าและหรี่ตาเพื่อกลับไปยังจวนอ๋องเย่