“พูดตามตรง นังหนู อยู่กับเจ้าแล้วรู้สึกสบายใจไม่น้อย” เฮ้อ ในสายตาคนนอก เขาถูกขนานนามว่าโหดร้าย คนที่กลัวเขายาวเป็นแถว แต่พออยู่ต่อหน้านังหนูคนนี้ เขาทำท่าทางเคร่งขรึมไม่ได้เลย สายตาคู่นั้นดูเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางเขาเสแสร้งไม่ได้เลย แล้วการต่อรองของทั้งสองก็จบลงไป ผ่านไปสักพัก อวิ๋นเฟยจึงพูดเช่นนี้ออกมา

“เจ้าคิดจะพูดอะไร” หลิวหลีย่อมรู้ว่าอวิ๋นชิงหมายถึงอะไร คนผู้นี้แสร้งทำตัวเป็นคนเหี้ยมโหด เพราะเขาเป็นว่าที่เทพพฤกษา นิสัยของเทพพฤกษามักจะอ่อนโยน ดังนั้นคนผู้นี้ต้องแกล้งทำแน่

“ก็อยู่กับเจ้าแล้วเป็นตัวของตัวเองดี ไม่ต้องแสดงเป็นคนอื่น” อวิ๋นชิงกล่าว

“พอเถอะ ข้าเป็นคนที่มีสามีแล้ว คำพูดของเจ้าออกจะกำกวมทีเดียว” หลิวหลีปรายตามองอวิ๋นชิง

“นังหนู เจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดว่าใครๆก็ต้องหลงเสน่ห์เจ้าหรือ” อวิ๋นชิงตอบกลับสายตาที่นางมองมา

“หรือเจ้าว่าไม่จริง” หลิวหลีถามกลับ ท่าทางหลงตัวเอง ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

“นังหนู หนังหน้าเจ้านี่มันหนาจริงๆ”

“กล่าวชมเกินไป นี่ข้าให้เจ้า” หลิวหลีถือว่าคำพูดนี้เป็นคำชม แล้วโยนขวดขนาดเล็กหนึ่งขวดไปให้

“นี่คือ”

“อย่างไรเสียก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าไปสักพัก จะให้เจ้าลำบากใจเกินไปก็ไม่ถูก แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น หลังจากนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของข้าแล้ว ไม่ได้มีข้อกำหนดนี่ว่า หากข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้า แล้วจะต้องปรุงยาให้กับเจ้าตลอดไปใช่ไหมล่ะ” หลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว” อวิ๋นชิงพยักหน้า เพราะเขาเข้าใจ ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะเหมือนสร้างศัตรูเอาไว้ เขาย่อมมีความเห็นเช่นเดียวกับหลิวหลี

“ดีแล้ว หากคนพวกนั้นได้คืบจะเอาศอก อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า เจ้าก็รู้ คิดว่านอกจากจักรพรรดิเทพแล้ว หากประลองกับพวกเจ้า ข้าก็พอจะมั่นใจอยู่บ้าง” หลิวหลีพูดตรงๆ ไม่อยากให้พอถึงเวลาจะต้องมากระอักกระอ่วนใจกัน

“นังหนู ความปรองดองทำให้เกิดทรัพย์” อยู่ๆ อวิ๋นชิงก็รู้สึกว่าขวดที่จับอยู่ร้อนขึ้นมา เฮ้อ นังหนูคนนี้ไม่ได้พูดเล่น ด้วยพลังการต่อสู้ของนังหนู คาดว่านางไม่เห็นตำแหน่งประมุขเทพอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

“ประมุขเทพ ไม่ทราบว่าราชาเทพอัคคีที่แท้จริง ให้ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ท่านหรือไม่ เพราะอย่างไรนางก็ใจกว้างกับคนนอกมากขนาดนั้น” ตัวปั่นหมายเลขหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

“อ้อ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ?” อวิ๋นเฟยพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่ว่าอยู่ๆก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ลูกน้องของเขาทำไมถึงได้มองอะไรง่ายๆเช่นนี้ คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่เขาดึงตัวมาแน่

“ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่เกี่ยวข้องกับท่าน หากว่าราชาเทพอัคคีที่แท้จริงไม่ได้ให้ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ท่าน ก็เท่ากับว่านางไม่เคารพท่าน” ตัวปั่นหมายเลขหนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะต้องคุยกับประมุขเทพสักหน่อย เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับในภายหลัง ในกลุ่มพวกเขาไม่ใช่ไม่มีนักปรุงยา เพียงแต่ว่านักปรุงยาพวกนั้นทะนงตน คาดว่าตั้งแต่พวกเขาปรุงยามา ยังปรุงยาได้ไม่ถึง 40 เม็ด ทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉาตาร้อน

“เหอะๆ ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าที่เจ้าช่วยคิดแทนข้าเช่นนี้” อวิ๋นชิงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาไปเอาความกล้ามาจากไหน จึงได้มากล้าพูดอะไรเช่นนี้ คุยกับนังหนูแล้วสบายใจ อยู่กับคนพวกนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดี

“ประมุขเทพ ข้าเป็นห่วงท่านจริงๆ ฟ้าดินเป็นพยานได้” คนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนโง่ เขามองเห็นความไม่พอใจของอวิ๋นชิงทันที

“ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงแตกต่างจากพวกเจ้า นางเป็นราชาเทพที่มีฉายาเป็นของตัวเอง เรื่องนี้ยังต้องให้ข้าต้องพูดซ้ำอีกหรือ บางทีนางอาจจะอยู่ในตำแหน่งประมุขเทพมานานแล้ว เจ้าก็ไม่มีทางมาอยู่ในตำแหน่งประมุขเทพได้เลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน อีกอย่าง ราชาเทพอัคคีองค์จริงอยากจะให้ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ใคร ข้าก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง หากเป็นเพราะคนอย่างพวกเจ้า ทำให้ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงไม่พอใจ ข้าก็ยินดีจะไล่พวกเจ้าออกไป” ประโยคสุดท้ายออกจะโหดร้ายเอาการ ไล่ออกจากกลุ่ม ต่อไปไม่ว่าพวกเขาไปอยู่ฝ่ายไหน พวกเขาก็จะต้องเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดตลอดไป และพวกเขาก็ยังจะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์น้อยที่สุด มีสิทธิ์ออกเสียงน้อยที่สุด ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงมีเสน่ห์ตรงไหน ประมุขเทพจึงให้ความสำคัญกับนาง แค่เพราะนางเป็นผู้หญิง หรือเพราะนางเป็นนักปรุงยา

“ประมุขเทพได้โปรดให้อภัยแก่ข้าด้วย ข้าน้อยไม่กล้า ข้าน้อยขอตัวก่อน” ในใจของคนผู้นี้ก็รู้สึกโมโหไม่น้อย เขาอยู่กับจอมเทพหมื่นพฤกษามาตั้งนาน แต่กลับสู้ราชาเทพอัคคีองค์จริงที่เพิ่งมาไม่นานไม่ได้

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดแรงเกินไปแล้ว”

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดแรงเกินไปเลย หากคนพวกนี้ไป ข้าไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่หากราชาเทพอัคคีที่แท้จริงกับราชาเทพเหมันต์บริสุทธิ์ไป ข้าคงจะปวดใจมากแน่” อวิ๋นชิงกล่าว

“อ่อ เป็นเพราะฉายาของสามีภรรยาคู่นั้นหรือ การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนไม่ใช่เจ้าเลย” จักรพรรดิเทพแห่งวารีอวิ๋นเหมียวกล่าว

“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านพ่อ ลูกยังมีความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สิ สัญชาตญาณ สามีภรรยาคู่นี้จะต้องได้ตำแหน่งเทพที่แท้จริงมาครองแน่” อวิ๋นชิงพูดด้วยความมั่นใจ

“หืม เจ้ามั่นใจในตัวคนนอกมากกว่าพ่อตัวเองอีกหรือ พ่อเริ่มจะไม่พอใจแล้วนะ” ถึงแม้ปากอวิ๋นเหมียวจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็เก็บไปคิด เขาย่อมรู้จักลูกชายตนเองเป็นอย่างดี ลูกชายของเขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรออกมามั่วๆ

“ท่านพ่อ ถึงท่านจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง นี่ให้ท่าน ข้าคิดว่าราชาเทพคนอื่นทั้ง 4 คน ก็น่าจะให้ของสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะจำนวนที่ได้มา ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย” อวิ๋นชิงส่งขวดขนาดเล็กให้กับบิดาของเขา

“ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ 10 เม็ด ดูจากประสิทธิภาพของยา สีของยา น่าจะเพิ่งทำขึ้นไม่นาน” ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายของเขาถึงได้พูดเช่นนั้นออกมา

“ใช่แล้ว ข้าเป็นคนเห็นนางปรุงออกมาด้วยตาของข้าเอง ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ นังหนูคนนี้ปรุงยาเป็นงานรองเท่านั้น พลังการต่อสู้ของนางนั้น แม้แต่ตัวลูกเองยังพ่ายแพ้นาง” นึกถึงกระจุกผมของตัวเองที่โดนไฟเผา นังหนูโรคจิต

“สุดยอดขนาดนั้นเชียว ดูท่าแล้วคงจะเก็บงำไว้เป็นอย่างดี แต่ว่าลูกพบได้อย่างไร?” คนที่สุดยอดขนาดนี้ ลูกชายของเขาไม่น่าจะค้นพบได้สิจึงจะถูก

“เรื่องนี้น่ะหรือ ข้าเคยประลองกับนาง แล้วก็สามีของนางแล้ว ผลปรากฏว่า ลูกเสียท่าให้พวกเขาอยู่เรื่อย” เรื่องน่าปวดใจเช่นนี้จะพูดถึงทำไม

“อีกอย่าง ท่านพ่อ ข้าจะบอกอะไรท่านให้ ข้อดีของการที่ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงกับราชาเทพเหมันต์บริสุทธิ์มาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรามี 2 อย่าง ข้อแรก ฝีมือการปรุงยาของราชาเทพอัคคีที่แท้จริงไม่ธรรมดา สำหรับนางแล้วการปรุงยาไม่ใช่เรื่องยากเย็น ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธลับที่แข็งแกร่งที่สุดของสองสามีภรรยาคู่นี้ น่าจะเป็นพลังการต่อสู้ ราชาเทพ 10 คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ประมุขเทพทั่วไปพวกเขาก็รับมือไหว ข้อ 2 ท่านพ่อ ได้สองสามีภรรยาคู่นี้มาก็เหมือนได้คนที่พวกเขารู้จักมาด้วย แถมยังเป็นผู้มีสายสัมพันธ์ที่มีพลังต่อสู้แสนจะแข็งแกร่ง” พูดถึงข้อหลังแล้ว อวิ๋นชิงก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

“ท่านพ่อ ข้าให้คนลงไปสืบเรื่องพวกเขาในสำนัก พบว่าเบื้องหลังของนังหนูคนนี้เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก และต่างเป็นคนที่ประมือกับคนในขอบเขตพลังที่เหนือตนเองได้ เป็นคนที่ถนัดในด้านการต่อสู้ อีกอย่างพวกเขาต่างเชื่อฟังคำพูดของนาง เพราะฉะนั้นท่านพ่อ ท่านคิดว่าหากเป็นมิตรกับนาง จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราหรือ” อวิ๋นชิงกล่าว

“พอพูดเช่นนี้แล้วก็เป็นดังนั้น แต่ว่าคนที่สุดยอดขนาดนี้ ทำไมถึงได้อยากร่วมฝ่ายเดียวกับเจ้า ข้าได้ยินมาว่า นังหนูคนนั้นตัดสินใจว่าจะไปเยือนทั้ง 5 ฝ่ายก่อน แล้วค่อยตัดสินใจไม่ใช่หรือ ทำไมพอไปร่วมงานเลี้ยงของเจ้าเสร็จ ก็ตัดสินใจทันที” เรื่องนี้เขาไม่เข้าใจ ลูกชายของเขามีเสน่ห์อะไร เขามองไม่เห็นออกจริงๆ