บทที่ 943 คำว่า “ทำพัง” แบบตรงไปตรงมา

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“เสียงไม่ได้ดังมาจากหลังประตู…”

ตอนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในทางเดินเส้นนี้ หลิงม่อก็ตระหนักได้ถึงความน่าสงสัยของเสียงนั้นแล้ว

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ทางเดินทั้งสองฝั่ง รวมถึงกำแพงไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงเบนเป้าหมายไปยังจุดที่อยู่ใกล้ทางเดิน แต่พอเขามายืนอยู่ตรงนี้ เขากลับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ…

“รู้สึกไปเองงั้นหรอ?”

หลิงม่อขมวดคิ้วแล้วเดินไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นก็ถ้าวถอยหลังมาอีกครั้ง

สองวินาทีต่อมา เขาจึงตัดสินใจนั่งยองๆ ลงไปเลย และวางฝ่ามือลงบนพื้นแล้วขยับไปมาช้าๆ

“หมอนี่จะทำอะไรน่ะ?” ถังฮ่าวกับเสี่ยวป๋ายอยู่ข้างหลังห่างจากหลิงม่อออกไปประมาณห้าเมตร เขาจ้องหลิงม่ออย่างเย็นชา แต่สายตากลับเลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของหลิงม่ออย่างไม่รู้ตัว

“หมอนั่นพูดเอง ว่าพวกเขาเหลือเวลาแค่สองนาทีเท่านั้น แต่ทำไมยังต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก?” ถังฮ่าวคิดอย่างร้อนใจ

!”

นับตั้งแต่วินาทีที่มาถึงอาคารหลังนี้ การกระทำของหลิงม่อก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย… “ในเมื่อเขามาที่นี่ตามข้อมูลที่ฉันให้ไป ทำไมถึงไม่ทำตามที่ฉันบอกล่ะ? หลบเลี่ยงอันตราย เลือกเส้นทางและวิธีการที่เร็วที่สุด เรื่องพวกนี้ฉันบอกใบ้ไปหมดแล้วนี่นา! เวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ เขาไม่มีเวลาเหลือให้พิจารณาอะไรอีกแล้วนะ!”

ถังฮ่าวลอบกำหมัดแน่น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าทุกข์ทรมาน “บาดเจ็บหนักเกินไป…แค่ห้ามเลือดก็ยากมากแล้ว ไม่มีวิธีประหยัดแรงได้เลย…หากพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือร่วมมือกับมันไปก่อน รอให้อาการเลือดออกของอวัยวะภายในดีขึ้น พอถึงเวลานั้นเราอาจหาวิธีเอาตัวรอดได้แล้ว แต่ถ้าหากยังถูกจับตัวเป็นหินโยนถามทางอยู่ตลอดอย่างนี้ ไม่ช้าก็เร็วคงต้องตายอยู่ที่นี่…ใจเย็น อย่าวู่วาม คิดหาทางดีๆ…”

“มีจริงๆ ด้วย” อยู่ๆ หลิงม่อก็ร้อง “เอ๋” ขึ้นมา ทำให้ถังฮ่าวตื่นจากภวังค์และได้สติทันที

“ถังฮ่าว ข้างล่างนี้มีอะไร?” หลิงม่อเงยหน้าถาม

“น่าจะ…ไม่มีอะไรนะ” ถังฮ่าวตอบ

“งั้นหรอ?” หลิงม่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็หันกลับไปมองพื้นอีกครั้ง

มีแรงสั่นมะเทือนจริงๆ ด้วย…แต่มันเบามากและมาจากข้างล่าง…และจังหวะที่แรงสั่นสะเทือนนี้เกิดขึ้นในทุกครั้ง ก็เป็นจังหวะที่เสียงเขย่าประตูนั้นดังมาพอดี นี่ไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอน

“ถ้าหากใช้หนวดสัมผัสล่ะก็…ประการแรกไม่รู้ว่าจะทะลุผ่านชั้นปูนไปอย่างราบรื่นหรือไม่ ประการที่สองไม่รู้ว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือเปล่า” หลิงม่อครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ชันเข่าลุกขึ้นยืน แล้วหันไปถามอย่างรวดเร็ว “แล้วที่อื่นล่ะ? แถวๆ อาคารหลังนี้ หรือจุดอื่นในอาคารหลังนี้ มีห้องใต้ดินหรืออะไรทำนองนี้หรือเปล่า?”

“ดูเหมือนจะมีห้องไฟฟ้าอยู่ห้องหนึ่งนะ? ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะตอนที่เห็นครั้งแรกมันยังสร้างไม่เสร็จ…” ถังฮ่าวตกใจกับท่าทีของหลิงม่อ จึงรีบตอบทันควัน

“อยู่ที่ไหน?” หลิงม่อถาม

ถังฮ่าวลองนึกดูครู่หนึ่ง แล้วชี้ไปที่ประตูข้างหลังหลิงม่อ “ออกไปทางนั้นล่ะมั้ง…”

“ไปกัน” หลิงม่อบอก

“ไปห้องไฟฟ้าตอนนี้?” ถังฮ่าวอึ้งไปอีกครั้ง

“แล้วแผน…”

ไม่รอให้เขาพูดจบ หลิงม่อก็ยกมือขึ้นสะบัดกลางอากาศ เสียง “โครม” ดังขึ้น พร้อมกับบันไดช่างตัวนั้นที่ล้มลงบนพื้นอย่างแรง

“ฉิบหาย! โรคหัวใจเกือบกำเริบ!” ถังฮ่าวตัวสั่นงันงกขึ้นมาทันที

แม้แต่เสี่ยวป๋ายก็ยังยกอุ้งมือขึ้นข้างหนึ่ง ทว่าดูจากหางกุดๆ ของมันที่กำลังส่ายไปมาอย่างตื่นเต้น เห็นชัดว่าไม่ได้สะดุ้งตกใจอย่างที่ถังฮ่าวเป็น

“แผนการเป็นเรื่องของพวกแก สิ่งที่ฉันจะทำคือทำแผนการของพวกแกให้พัง ไม่ใช่เดินตามแผนของพวกแก” หลิงม่อปัดฝุ่นบนมือออก พลางพูด

ถังฮ่าวกัดฟันกรอดอย่างนึกแค้นใจ เดิมทีเขาก็รู้แล้วว่าหลิงม่อไม่เหลือตัวเลือกอื่นให้เขา แต่กลับไม่คิดว่าที่หมอนี่บอกว่า “ทำแผนให้พัง” กลับอาศัยการ “พัง” แบบนี้จริงๆ!

ถึงแม้วิธีการง่ายดาย แต่ในสถานการณ์ที่คับขันมาก คนที่ติดกับดักกลับไม่มีทางคาดคิด อย่างเช่นถังฮ่าวเป็นต้น

แต่วิธีการนี้ความจริงก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการทำเสียงดังโครมคราม ในทางเดินอันแปลกประหลาดเส้นนี้…

“จะตายก็อย่าลากฉันไปตายด้วยสิวะ!” ถังฮ่าวลอบด่าในใจ

“ตอนนี้ไปได้แล้ว” หลิงม่อเปิดประตูแล้วบอก

ก่อนเข้าไป เขายังหันกลับมามองถังฮ่าวแวบหนึ่ง บอกว่า “ไม่ต้องกลั้นเวลาจะกระอักเลือดหรอก อย่างน้อยก็ถือว่าทิ้งเครื่องหมายไว้ให้พรรคพวกแกก็ได้”

“ชิท!” ถังฮ่าวสะกดกลั้นอารมณ์จนแทบระเบิด

เขาอดกลั้นมาตลอดทางจริงๆ นั่นก็เพราะพวกเขาเข้าใกล้เขตซอมบี้ชุกชุมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ส่วนที่นี่…เขาไม่อยากกระอักเลือดออกมาจริงๆ

แต่ถึงแม้จะไม่กระอักเลือด กลิ่นคาวเลือดที่ติดตัวเขา และหยดเลือดที่ไหลย้อยลงจากพื้นรองเท้าเขาเป็นบางครั้ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถควบคุมได้

ดังนั้นคำพูดนี้ของหลิงม่อ คือการหาเรื่อง และการดูถูกดูแคลนเขาชัดๆ!

“ไม่อย่างนั้นก็เป็นคำเตือน…เขาคงไม่ได้รู้ตัวแล้วหรอกนะ?”

ขณะที่เดินผ่านพื้นจุดที่หลิงม่อเพิ่งสำรวจเมื่อกี้ ถังฮ่าวก็อดก้มหน้ามองตามไม่ได้

เท้าทั้งสองข้างของเขาห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ และพอมองลงไปจากข้างบน นอกจากร่องรอยถูกเช็ดถูบางส่วน ก็เหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ…

“แต่ก็จริง ไม่ได้หากันเจอได้ง่ายๆ ซักหน่อย นอกจากจะเหมือนกับพวกฉัน ที่รู้เรื่องอะไรมาก่อน…จะว่าไป ส่วนที่สำคัญของแผนการ เขาอาจจะเข้าใจมันก็ต่อเมื่อถึงตอนสุดท้ายล่ะมั้ง…ก็อย่างที่เขาว่าล่ะนะ พลังมังกรก็ไม่อาจสยบนักเลงเจ้าถิ่นได้ ถึงแม้เขาจะได้เปรียบเพราะพลังความสามารถ แต่เทียบกับพวกฉัน เขากลับขาดอะไรไปหลายอย่างทีเดียว…”

ถังฮ่าวลอบหัวเราะเย็นชาในใจ แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับเริ่มค่อยๆ รู้สึกสงสัยขึ้นมา กระทั่งรู้สึกเหมือนความคิดของเขาในตอนนี้ เหมือนกำลังปลอบใจตัวเองมากกว่า…

“ไม่! ฉันต้องรอด…มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันต้องรอดแน่นอน…”

ขณะที่คิดอย่างนี้ หน้าผากของถังฮ่าวก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขากำหมัดแน่น และสัมผัสถึงความรู้สึกที่เล็บจิกเข้าไปในเนื้ออย่างช้าๆ เขาอดเหลือบมองไปยังทางเดินไม่ได้ “คนพวกนั้น…จะรู้ตัวหรือเปล่า?”

…………

หลังจากที่หลิงม่อพาเขาและเสี่ยวป๋ายไปจากที่นี่ได้ไม่นาน เงาร่างของใครคนหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าประตูบานนั้นซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางทางเดิน

เขามองเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ขมวดคิ้วและหดตัวกลับมา

“เป็นไงบ้าง?” มีคนถามมาจากข้างหลัง

“ไม่เห็นคนเลย เหมือนจะมีอะไรบางอย่างล้มนะ” คนคนนั้นตอบ

“หรือจะเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้น?”

“ไม่หรอกมั้ง…”

“หลังจากสำรวจทุกที่แล้ว ที่นี่ไม่น่าจะมีซอมบี้เข้ามา จะมีก็แต่คน…ส่วนที่ควรติดตั้งก็จัดการหมดแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนทำพังได้หรอก”

“เดี๋ยวก่อน…” อยู่ๆ คนคนนั้นก็พูดขึ้น “ถ้าหากเป็นผู้รอดชีวิตพวกนั้นจริงๆ ก็พอดีเลยไม่ใช่หรอ?”

“แต่ถ้าหากมีจำนวนคนไม่มาก ก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่า”? คนที่อยู่ข้างหลังกลับบอก

“ก็ใช่…ไม่ต้องแยกกันแล้ว ไปตามหาด้วยกันนี่แหละ”

—————————————————————————–