ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 258

ป้าชุ่ยยู่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่สามารถกล่าวหาแม่นมหยางได้ มันทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหงุดหงิดมาก “เจ้าพวกไร้ค่า เอาซุปล้างพิษกรอกลงปากไปอีก”

กรอกซุปลงไปเพิ่มอีกสองถ้วยแล้ว แต่ไม่เกิดผลอะไร ลมหายใจของนางยิ่งอ่อนลงไปทุกที

มีคนในที่เกิดเหตุแนะนำขึ้นมาว่า เซี่ยจื่ออันรู้ทักษะทางการแพทย์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่ให้นางรักษาป้าชุ่ยยู่?

แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อนุญาต นางคิดว่าหากให้เซี่ยจื่ออันรักษาให้ป้าชุ่ยยู่ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความตาย!

เซี่ยจื่ออันหญิงสาวที่มีพิษสงเช่นนี้คงจะไม่ยอมปล่อยคนข้างกายของนางไปอย่างง่ายดายเป็นแน่

เมื่อหมอมาถึง ป้าชุยยู่ยังคงมีลมหายใจอยู่ โชคของนางยังดีที่หมอบังเอิญเอายารักษาพิษงูมาด้วย ถึงแม้งูที่กัดจะเป็นงูพิษ แต่พิษไม่ได้รุนแรงมากนัก ยังสามารถช่วยชีวิตได้อยู่ เพียงแต่นางอาจฟื้นขึ้นมาช้าสักหน่อย

มหาเสนาบดีเซี่ยไม่พอใจที่หมอจะรักษาป้าซุ่ยยู่ก่อน เพราะเขาต้องการให้หมอรีบยืนยันว่ากลิ่นที่อยู่ภายในห้องนี้ใช่กลิ่นของกระดังงาหรือไม่

อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อผงกระดังงาถูกเผาแล้วจะทำให้เกิดความอุ่นขึ้น ตราบใดที่หมอยืนยันว่ากลิ่นในห้องนี้เป็นกลิ่นกระดังงา ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อแก้ตัวอะไรมากมาย

เซี่ยฉวนเข้าไปข้างในและหยิบเครื่องเทศที่เผาแล้วออกมาแล้ววางไว้ต่อหน้าหมอ “ท่านหมอ ท่านช่วยดูหน่อยว่านี่มันเป็นเครื่องเทศชนิดไหนกัน?”

หมอบี้ขี้เถ้าดูเล็กน้อย นวดคลึงเบา ๆ แล้วถูบนฝ่ามือ เมื่อถูไปพอสมควรแล้ว ก็เอามาที่บริเวณใต้จมูกและสูดดมกลิ่น

ทุกคนมองมาที่เขา โดยเฉพาะเฉินเอ้อร์และหลิวซื่อที่ดวงตาของพวกเขาแทบจะหลุดออกมา

จื่ออันยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินหลิวหลิ่วด้วยท่าทางที่สบายเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของหยวนซื่อไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ปล่อยให้แม่นมหยางช่วยพยุงนางไว้ และฟังการเคลื่อนไหวโดยรอบ

“เป็นอย่างไรบ้าง? มันคือกระดังงาใช่หรือไม่?” เซี่ยเอ้อเย่อดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่ต้องการผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ถ้าสามารถยืนยันได้ว่าหลิวซื่อถูกคนใส่ร้าย อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้ไม่อับอายขายหน้ามาก

ขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองมาที่หมอ เขาก็ค่อย ๆ ส่ายหัว “ไม่ใช่ มันไม่ใช่กระดังงา แต่เป็นกลิ่นไม้จันทร์ที่ผสมกับโกฐจุฬาลัมพาจีน แม้ว่ากลิ่นนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับกระดังงาอยู่บ้าง แต่ว่าโกฐจุฬาลัมพาจีนนั้นใช้เพื่อขับไล่แมลง”

ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยกับเซี่ยเอ้อเย่แลดูไม่ได้สักนิด เส้นเลือดปูดปูนขึ้น ดูดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก แทบจะเหมือนปีศาจชั่วร้ายที่จะกลืนกินชีวิตมนุษย์

จื่ออันค่อย ๆ ยกริมฝีปากขึ้น แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ ในกระถางธูปย่อมเป็นไม้จันทน์กับโกฐจุฬาลัมพาจีนอยู่แล้ว แต่การรมควันดอกกระดังงากับดอกลำโพงที่ตรงหน้าต่าง เมื่อใครได้สูดดมกลิ่นนั้นเข้าไป ก็จะทำให้คน ๆ นั้นเห็นภาพหลอน

ก่อนที่เฉินเอ้อร์กับหลิวซื่อจะมา นางได้ใช้เข็มเจาะลงไปในเนื้อผิว เข็มของนางถูกอาบไปด้วยยาปลุกกำหนัด แม่นมหยางได้นำยาชนิดนี้มาให้ ซึ่งยานี้มีอยู่ในพระราชวัง แน่นอนว่ามันมีฤทธิ์เข้มข้นมาก

อย่างไรก็ตาม ปลายเข็มที่อาบยามามีเวลาจำกัด ดังนั้นนางจึงเผาดอกลำโพงในห้อง ทำให้พวกเขาเห็นภาพหลอน และเพิ่มยาปลุกกำหนัดเข้าไป เมื่อเกิดภาพหลอนขึ้น พวกเขาจะลืมโลกแห่งความเป็นจริง ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการกระตุ้นให้พวกเขามีสัมพันธ์อันลึกซึ้งกัน

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ได้ยินที่หมอพูดแล้ว ก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง “ท่านหมอ ตรวจผิดหรือไม่? ในอากาศมีกลิ่นของกระดังงาอย่างชัดเจน”

หมอจับเคลาขาวของเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ฮูหยินผู้เฒ่าไม้จันทน์กับโกฐจุฬาลัมพาจีนเหล่านี้เป็นเพียงยาสามัญ ข้าฝึกฝนเรื่องยามาหลายปี จะแยกแยะตัวยาพวกนี้ผิดได้เช่นไร หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อ ก็สามารถเชิญให้หมอหลวงจากในวังหลวงออกมาตรวจได้”

เฉินเอ้อร์กับฮูหยินหลิงหลงไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของหมอ เพราะว่าหมอท่านนี้ก็คือ ท่านหมอหลี่ที่ทำแท้งให้ฮูหยินหลิงหลงในตอนนั้น

หลิวซื่อที่ไม่รู้อะไรเลย กล่าวกับหมอเสียงดัง “ถึงแม้จะไม่ใช่กระดังงา แต่ข้าต้องถูกวางยาเป็นแน่ ท่านช่วยตรวจชีพจรให้ข้าที ดูว่าข้ามีร่องรอยของการถูกพิษหรือไม่?”