บทที่ 4 เข้าเฝ้าพระราชทานรางวัล โดย Ink Stone_Romance
การเอ่ยย้ำเช่นนี้ทำให้คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว
เอ่ยย้ำว่าครั้งนี้เป็นความบังเอิญของจริง หรือก็คือจะบอกว่าความบังเอิญก่อนหน้านี้เป็นของปลอม
ก่อนหน้านี้ทำไมบังเอิญ ตอนนี้นางก็รู้แล้ว
ประโยคนี้ทั้งเอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ทั้งยังอธิบายเรื่องตอนนี้วันนี้
คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว หนิงอวิ๋นเจานับว่าเป็นคนแรกที่สารภาพรักกับนาง ก่อนหน้านี้นางไม่เคยพบมาก่อน ยิ่งไม่รู้ว่าหลังปฏิเสธจะคบหากันอย่างไรต่อ
นางเป็นคนที่ไม่ต้องขบคิดเรื่องเหล่านี้สักนิด
หลังปฏิเสธหนิงอวิ๋นเจา บางครั้งนางก็คิดขึ้นมาเหมือนกัน รู้สึกว่าทำให้คนปวดหัวและอึดอัดอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้พบเข้าจริงๆ แล้ว นอกจากนี้หนิงอวิ๋นเจายังเอ่ยวาจาเช่นนี้อีก จึงรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
การรับมือกับคนเรื่องนี้ นางเองอับอายสู้ไม่ได้
“บังเอิญขนาดนี้ พอดีเยี่ยมปีใหม่เจ้าล่วงหน้า” คุณหนูจวินเอ่ย ย่อเข่าคำนับ
หนิงอวิ๋นเจารับคำนับอย่างสง่างาม พลางคำนับกลับ
“ข้ากำลังจะไปส่งของขวัญวันปีใหม่ให้แก่บรรดาสหายของข้า” เขาเอ่ย มองหีบที่หลิ่วเอ๋อร์หิ้วอยู่ในมือ
“ข้าไปเอาพวกของขวัญวันปีใหม่มาจากบ้านผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย
หนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้วยกมือ
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินพยักหน้า เบี่ยงกายส่ง หนิงอวิ่นเจาก็พยักหน้าแย้มยิ้มเดินผ่านไป
เช่นนี้ก็ดี เพียงพยักหน้าทักทาย เดิมทีก็ควรเป็นเช่นนี้
หนิงอวิ๋นเจาไม่ได้หันกลับ ไม่รู้ว่านางหันกลับมาไหม
“นายน้อย คุณหนูจวินหันกลับมามองทีหนึ่ง ตอนนี้เลี้ยวหัวถนนไปแล้ว” เสี่ยวติงเอ่ย
เขาไม่ใช่คุณชาย ไม่ต้องสำรวมกิริยา ดังนั้นเดี๋ยวก็หันๆ กลับไปตลอด
หนิงอวิ๋นเจาตวัดตามองเขาทีหนึ่ง อยากจะหันกลับไปมองสักทีเช่นกัน
บนถนนไม่เห็นเงาของเด็กสาวคนนั้นแล้วจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าจะได้พบนาง
นี่บังเอิญเกินไปจริงๆ แล้ว
ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ มักจะมีเรื่องประหลาดใจน่ายินดีเล็กน้อยยามไม่ใส่ใจอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เมื่อครู่นางกับเขาก็พูดคุยกันด้วยดียิ่ง พยักหน้าทักทาย ตอนนี้ยังเป็นเช่นนี้ได้ไม่เลวจริงๆ
มุมปากหนิงอวิ๋นเจาผุดรอยยิ้มขึ้นมา ฝีเท้าเบาเร็วเดินไปข้างหน้า
แต่เมื่อครู่เขาลืมแสดงความยินดีที่นางรักษาไหวอ๋องหายดี
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักไป แต่ก็ไม่มีอะไรน่ายินดี นางรักษาไหวอ๋องหายดีเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สมควรเกิดขึ้น อยู่ในความคาดคิด ไม่ควรค่าให้พูดถึงเท่านั้น
หนิงอวิ๋นเจาเดินทางต่อไปอีกครั้ง เสี่ยวติงก็ผ่อนลมหายใจฝีเท้ากลายเป็นกระฉับกระเฉง
ดีเหลือเกินจริงๆ ปีนี้ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว
พนักงานในโรงหมอจิ่วหลิงกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว
เฉินชีกับฟางจิ่นซิ่วกำลังมองหญิงรับใช้สองคนเช็ดถูเก็บกวาดแขวนป้ายไม้ท้อ
“ท่านป้าหลิ่วทำของอร่อยอะไรหืม?” เฉินชีมองเห็นคุณหนูจวินนายบ่าวเข้ามา รีบยิ้มเอ่ยถาม
“ล้วนเป็นขนมของหยางเฉิง” คุณหนูจวินเอ่ยบอก พลางให้หลิ่วเอ๋อร์เปิดออก “พวกเจ้าลองชิม”
ฟางจิ่นซิ่วกับเฉินชีเดินเข้ามา ร้องเรียกหญิงรับใช้สองคนนั้นมาชิมด้วย กำลงคุยเล่นกันอยู่ เสียเคาะประตูรีบร้อนก็ดังขึ้น
“เย็นขนาดนี้ใครกัน?” เฉินชีตกใจสะดุ้งเอ่ย
“ป่วยยังแบ่งเช้าค่ำรึ?” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย “ป่วยไม่มีฉลองปีใหม่นี่”
พูดจบก็ไปเปิดประตู คนที่มากลับไม่ใช่คนที่มาตรวจ แต่เป็นผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วท่านมาได้ยังไง?” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยถามไม่เข้าใจ
พวกนางเพิ่งกลับมาจากบ้านของเขา
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยกมือเช็ดเหงื่อบางๆ บนหน้าผาก
“เพิ่งได้รับข่าว ไทเฮาเชิญเจ้าเข้าวังถวายพระพรพร้อมกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์ในเดือนหนึ่ง”เขาเอ่ย
เข้าวังถวายพระพร นี่เป็นถึงของพระราชทาน
ในห้องเงียบไปพักหนึ่งหลังจากนั้นก็ปลื้มปิติ
“ก็บอกแล้วไหม ช่วยรักษาไหวอ๋อง จะให้แค่เงิน ไม่มีของพระราชทานได้อย่างไร” เฉินชีตบฝ่ามือเอ่ย “ที่แท้ของพระราชทานก็อยู่ที่นี่”
เข้าวังถวายพระพรกับบรรดาท่านผู้หญิงบรรดาศักดิ์ในราชสำนัก ถึงเวลาไทเฮาต้องตรัสกับคุณหนูจวินเพียงลำพังแน่ ต่อหน้าท่านผู้หญิงบรรดาศักดิ์มากมายเช่นนั้น ชื่อเสียงของคุณหนูจวินย่อมเลื่องลือแล้ว
ฟางจิ่นซิ่วก็เผยยิ้มที่ยากจะมีเช่นกัน
“เข้าวังครั้งนี้ต้องใช้ชุดพิธีการ ให้ข้าจัดการ คุณหนูจวินท่านไม่ต้องกังวล” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย แล้วถูมือไปมา “ข้าจะเชิญนางข้าหลวงในวังหลายคนออกมาด้วย ถึงเวลาจะมาอธิบายมารยาทพิธีการในการเข้าวังให้คุณหนูฟัง ท่านไม่ต้องตื่นเต้น”
คุณหนูจวินยิ้ม
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วท่านไม่ต้องตื่นเต้น” นางเอ่ย
ต่อมาเดิมอยากบอกว่าไม่ต้องให้คนมาสอน แต่เห็นความดีใจตื่นเต้นของทุกคน คุณหนูจวินก็รู้สึกฝาดเฝื่อนขึ้นมาอย่างประหลาดอยู่บ้าง
จะให้ตนเองแสดงออกว่าไม่มีปัญหาไม่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่สู้ให้พวกเขาได้ทำอะไรบ้างจะโล่งใจและผ่อนคลายมากกว่า
คิดถึงจุดนี้นางก็พยักหน้า
“เวลาฉุกละหุกอยู่บ้าง แต่ข้าจะตั้งใจเรียน”
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วปลื้มปริ่มพยักหน้า
“นี่ข้าได้ข่าวมาจากเส้นสาย ไม่นานก็คงมีคนในวังมาแจ้งท่าน ครั้งนี้รักษาไหวอ๋อง พูดให้ถึงที่สุดแล้วเป็นการแข่งขัน พวกผู้สูงศักดิ์ไม่ค่อยชอบเรื่องเช่นนี้” เขาเอ่ยจริงจังอีกครั้ง “ครั้งนี้ต้องเข้าเฝ้าไทเฮา ฐานะหมอหญิงของท่านได้เปรียบอย่างที่สุด ถึงเวลาตอบรับอย่างเหมาะสมย่อมคลี่คลายสถานการณ์ไม่มั่นคงนั่นก่อนหน้านี้ได้”
คุณหนูจวินยิ้มขานรับ
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลูบเคราสีหน้าเบิกบาน สายตากวาดผ่านโรงหมอจิ่วหลิง
ราชโองการของอดีตฮ่องเต้ที่ตระกูลฟางครอบครองก็อยู่ที่นี่ วันนี้ก็ยังกำลังจะได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทองค์ปัจจุบันอีก ครั้งนี้โรงหมอจิ่วหลิงยืนมั่นคงในเมืองหลวงได้โดยสมบูรณ์แล้ว
เวลาครึ่งปีเท่านั้น สำหรับคุณหนูจวินคนนี้อยู่ที่เมืองหลวงก็ไม่ได้ยากนัก
“ปีนี้ผ่านไปด้วยดีแล้ว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วถอนหายใจเอ่ย
เทียบกับความเบิกบานใจของผู้อื่น ท่านหมอเกิ่งแห่งสำนักแพทย์หลวงไม่เบิกบานมาก
สำนักแพทยหลวงเริ่มหยุดงาน เจียงโหย่วซู่ในฐานะหัวหน้าสำนักยังเฝ้าอยู่อย่างรับผิดชอบ นี่เป็นความเคยชินตลอดมาของเขา แล้วก็ค่อนข้างเป็นที่ชื่นชมของทุกคนเช่นกัน
“อาจารย์ ทำไมท่านพูดชมคุณหนูจวินคนนั้น?” เขาเอย สีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “เห็นชัดๆ ว่าทุกคนล้วนบอกว่านางไม่ดี ท่านดันบอกว่านางดี”
เจียงโหย่วซู่ละมือจากบันทึกการตรวจ
“นางมีอะไรไม่ดี? ไม่ใช่แค่เอ่ยประโยคไม่เกรงใจหลายประโยคเท่านั้นหรือ?” เขาเอย “ไม่ดีอีกอย่างไร ไหวอ๋องก็เป็นนางรักษาหาย ไม่บอกว่านางดี ยังบอกว่าใครดี”
ตอนที่ทุกคนเห็นว่าดี เขาดันบอกว่าไม่ดี นี่ไม่เพียงไม่อาจทำให้คนผู้นั้นเปลี่ยนเป็นไม่ดีได้ ตรงกันข้ามจะแสดงว่าตนเองน่าขันนัก
ท่านหมอเกิ่งขัดเขิน
“อาจารย์ ท่านช่างใจคอกว้างขวางจริงๆ” เขาเอ่ยนอบน้อม “นางไม่เกรงใจต่อพวกเราขนาดนี้ อาจารย์ยังเอ่ยชมนาง นางดูแคลนวิชาแพทย์ของพวกเรา ท่านกลับพยายามยกย่องวิชาแพทย์ของนาง”
พูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมกรุ่นโกรธไม่ยอม
“ฝ่าบาทกับไทเฮาเดิมทีไม่ได้คิดเรียกนางเข้าเฝ้า ล้วนเป็นอาจารย์ ท่านชมนางร้ายกาจมากเพียงไร ไทเฮาถึงใคร่รู้อยากพบหน้า นั่นเป็นถึงไทเฮาเรียกเข้าเฝ้าเชียวนะ แล้วยังเป็นยามถวายพระพรอีก นี่ให้หน้านางมากเท่าไร”
เจียงโหย่วซู่ยิ้ม
“ให้หน้ามากสิถึงดี” เขาเอ่ย
อนาคตเสียหน้าก็ง่ายแล้ว นอกจากนี้ถึงเวลาที่เสียย่อมใช่หน้าของนางแล้ว แต่เป็นหน้าของราชวงศ์
ผลลัพธ์นั่นย่อมต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าอยู่บ้างแน่นอน
โอกาสดีครั้งหนึ่งเช่นนี้ ก็เหมือนช่วงเวลาเทศกาล เขายิ่งชมชอบเฝ้าเวรอยู่ที่สำนักแพทย์หลวง เพราะช่วงเทศกาลคนป่วยน้อย เหล่าผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นล้วนมีข้อห้ามช่วงเทศกาล ป่วยก็ชอบยื้อไว้หลังเทศกาล เรื่องที่ทั้งสบายทั้งแลดูรับผิดชอบต่อหน้าที่เช่นนี้เขาย่อมต้องทำแน่นอน
นอกจากนี้ให้นางฉลองปีใหม่มีความสุขไปก่อนเถอะ
…
ต้นเดือนหนึ่งวันที่หนึ่งยามฟ้าสว่างขมุกขมัว ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว เฉินชี ฟางจิ่นซิ่ว มองส่งรถม้าของคุณหนูจวินออกจากโรงหมอจิ่วหลิง ตรงไปยังวังหลวง
“รถม้าจะจอดอยู่ที่ถนน คุณหนูท่านลงจากรถอย่าได้เดินส่งเดช”
“พวกผู้ชายไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พวกผู้หญิงจะตรงไปยังวังหลัง”
“สถานที่ที่บรรดาท่านหญิงบรรดาศักดิ์ยืนอยู่ก็ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็นท่านหญิงบรรดาศักดิ์ในกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์นอกรวมถึงองค์หญิง คุณหนูท่านต้องอยู่ที่ตรงท่านหญิงบรรดาศักดิ์นอกที่นี่ อย่ายืนผิดตำแหน่ง”
บนรถม้านางกำนัลที่ถูกปล่อยออกจากวังซึ่งได้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเชิญมายังคงกำชับส่งท้าย
คุณหนูจวินถูกขัดตอนเหม่อลอย มองนางแล้วยิ้ม
“กฎเยอะปานนี้เชียว” นางเอ่ย
“ใช่แล้ว กฏของการเข้าเฝ้ามากมายนัก” นางกำชับเอ่ยจริงจัง “คุณหนูไม่รู้ล่ะสิ”
คุณหนูจวินพยักหน้า ใช่แล้ว นางไม่รู้จริงๆ
ก่อนหน้านี้นางเป็นคนผู้นั้นที่ถูกเข้าเฝ้า บ้างก็ถูกพระมารดาจูงไว้ บ้างก็นั่งอยู่ข้างกายฮองเฉา ไหนเลยจะรู้ว่ารอคอยด้านนอกเป็นอย่างไร
……………………………………….