จงซานส่ายหน้า เขารู้นิสัยจงรั่วปิงดี และเพราะรู้ว่าสำหรับจงรั่วปิงแล้วการเป็นอนุนั้นเป็นไปไม่ได้
แต่เรื่องก็เป็นอย่างนี้ เขาเอ่ยต่อ “นอกจากเซี่ยโหวเฉินไม่ต้องการชีวิตแล้ว ไม่เช่นนั้นด้วยความเข้าใจฝ่าบาทของข้า ฝ่าบาทไม่มีทางเปลี่ยนพระทัยแน่นอน”
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องคือต่อให้เซี่ยโหวเฉินไม่ต้องการชีวิตแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่ยอมตกลงเรื่องงานแต่งของเซี่ยโหวเฉินกับจงรั่วปิงแน่ ในพระทัยของฝ่าบาทไม่มีตัวเลือกที่สอง นอกจากองค์หญิงอันหยาง
จงรั่วปิงหน้าซีดขาวอยู่นาน มองจงซาน “ท่านพ่อ ท่านมีวิธีไหม”
จงซานมองนาง เอ่ยว่า “วิธีหรือ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สนับสนุนให้เจ้าอยู่กับเซี่ยโหวเฉินตั้งแต่แรก เขาผู้นี้…หาใช่คู่ที่เหมาะสม”
“แต่ว่า…” จงรั่วปิงกัดฟัน ทนไม่ไหวอีก เล่าเรื่องหลายวันก่อน “คืนวันนั้น เซี่ยโหวเฉินไปปล้นคุกกับข้า เพียงแต่หลังจากพวกเราไปถึงได้ไม่นาน เยี่ยเม่ยก็มาถึงแล้ว พวกเราเลยกลับ”
จงซานฟังจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเซี่ยโหวเฉินจะทำเช่นนี้
จงรั่วปิงคิดว่าเรื่องที่พบเซียวชินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงไม่ได้เล่าออกไป แต่นางไม่รู้ว่า การที่ตัวเองไม่ได้เล่าเรื่องออกไปในวันนี้กลับก่อเภทภัยครั้งใหญ่
จงซานเงียบไปไม่นาน ก็เอ่ยว่า “มิน่าเจ้าที่พูดไม่ออกว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเซี่ยโหวเฉินถึงได้เปลี่ยนมาอยากแต่งงานกับเขากะทันหัน พ่อยังคิดว่าเจ้ารีบร้อนอยากแต่งงานนานแล้วซะอีก”
จงรั่วปิง “…” ข้าคิดว่าประโยคสุดท้ายนั้นท่านไม่ควรพูดเลย
จงรั่วปิงมองจงซาน กล่าวต่อ “ดังนั้นท่านพ่อ ท่านมีวิธีไหม ลูกหวังพึ่งท่านแล้ว ข้าโตมาจนป่านนี้ นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่เคยมีใครดีกับข้าเช่นนี้มาก่อน ยอมสละชีวิตไปปล้นคุกกับข้า”
จงซานมองนางอย่างไร้ยินดี “ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือไง เจ้าไม่อยากแต่งกับองค์ชายใหญ่ ข้าก็เสี่ยงโทษตัดหัวช่วยเจ้าถอนหมั้น ”
จงรั่วปิงหัวเราะแห้งๆ รีบประจบทันที “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าก็แค่แลอะลือนชั่วขณะ ข้าไม่มีทางลืมสิ่งที่ท่านทำเพื่อข้าแน่ ข้าเพียงเห็นท่านพ่อมาตลอด ดังนั้นถึงคิดว่าท่านดีกับข้าเป็นเรื่องสมควร ท่านอย่าถือสากับข้าเลยนะ”
จงซานฟังแล้วก็ฝืนพอใจได้บ้าง
เขาพยักหน้า “หึ ก็นับว่ายังรู้จักบุญคุณอยู่บ้าง”
พูดแล้วเขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ไร้หนทางเลย ในเมื่อลงมือทางฝั่งฮ่องเต้ไม่ได้ พวกเราทำอะไรด้านนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็เหลือทางเดียวคือลงมือกับองค์หญิงอันหยาง”
จงรั่วปิงมองจงซาน ถามว่า “ความหมายของท่านคือหาทางให้องค์หญิงอันหยางปฏิเสธงานแต่งนี้หรือ”
จงซานส่ายหน้า “ในเมื่อฝ่าบาทตัดสินใจแล้ว ต่อให้องค์หญิงคัดค้านก็ไม่มีผล ดังนั้นหวังว่าองค์หญิงค้านเรื่องนี้ก็ไม่อาจคลี่คลายปัญหาได้”
“งั้นท่านคิดจะทำอย่างไร” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จงรั่วปิงร้อนใจมาก นางกังวลขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อยังเอาแต่ลีลา นางจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร
จงซานปรายตามองนาง “เจ้าร้อนรนขนาดนี้ อยากแต่งงานกับเขาถึงขนาดนั้นเชียว”
“ข้า…” จงรั่วปิงพลันหน้าแดงขึ้นมา ถึงนางอยากแต่งงานกับเซี่ยโหวเฉินจริงๆ ไม่ผิดเลยสักน้อย แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตัวนางก็เป็นหญิงสาว ให้ยอมรับเรื่องนี้ตามตรงก็รู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ลึกๆ
จงซานแค่นหัวเราะ และรู้ว่านางไม่กล้าเอ่ย “ความจริงวิธีนี้ออกจะเสียหายไปหน่อย ข้าไม่อยากใช้เลย แต่เป็นวิธีเดียวแล้ว แต่ข้าคิดว่าด้วยนิสัยของเจ้า เจ้าคงไม่ยอมให้ทำเรื่องนี้”
จงรั่วปิงฟังแล้วก็รีบถามทันทีว่า “วิธีอะไร”
วิธีอะไรที่เป็นวิธีเดียว อีกทั้งนางยังไม่ยอมอีกด้วย จงรั่วปิงฟังแล้วก็รู้สึกเหลือเชื่อ ตอนนี้นางคิดแต่จะแต่งงานให้เซี่ยโหวเฉินคนทึ่มอย่างเดียวเท่านั้น
จงซานวางถ้วยชาในมือลง “ทำลายชื่อเสียงองค์หญิงอันหยาง”
เมื่อได้รับคำตอบ จงรั่วปิงก็เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ “ท่านว่าอะไรนะ”
จงซานส่ายหน้า “วิธีนี้ข้าเองก็คิดว่าไม่ดี ชั่วชีวิตข้าก็ไม่เคยใช้แผนการชั่วร้ายเช่นนี้ แต่ว่านี่เป็นหนทางเดียวจริงๆ ฝ่าบาทไม่เห็นด้วยกับงานแต่งพวกเจ้า องค์หญิงอันหยางปฏิเสธก็ไร้ผล แต่หากนางเสื่อมเสียชื่อเสียง ต่อให้นางเป็นองค์หญิง ฝ่าบาทก็ไม่อาจบีบให้เซี่ยโหวเฉินแต่งกับนางได้”
จงซานกล่าวต่อว่า “ส่วนองค์หญิงที่อายุเหมาะสม หากไม่ตาย ก็แต่งออกไปแล้ว ส่วนคนที่เหมาะสมคู่ควรกับเซี่ยโหวเฉินมากที่สุดก็เหลือเพียงจวนซือคงของพวกเราเท่านั้น ดังนั้นฝ่าบาทก็ไร้ตัวเลือกอื่นอีก เพียงแต่…เรื่องนี้ขาดคุณธรรมเกินไป ข้าไม่ช่วยเจ้าแน่”
จงรั่วปิงกล่าว “ไม่ได้ ต่อให้ข้าอยากแต่งงานกับ เซี่ยโหวเฉิน ก็ไม่อาจทำเรื่องพรรค์นี้”
อย่างไรก็ตามคนที่พระราชทานสมรสคือฝ่าบาท องค์หญิงอันหยางเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งชื่อเสียงขององค์หญิงอันหยาง นางก็แอบสืบมาแล้ว นางเป็นคนเดียวในราชวงศ์ที่รู้ความ เข้าใจความลำบากของชาวบ้าน บางครั้งยังเสี่ยงผิดกฎของวังหลังก้าวก่ายราชสำนัก เอ่ยทวงความยุติธรรมกับฝ่าบาท
หากคนเช่นนี้ถูกทำร้าย ต่อให้นางแต่งงานกับเซี่ยโหวเฉิน แต่ชั่วชีวิตคงไม่มีวันเป็นสุข
จงซานหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นวิธีเดียวในเวลานี้ เจ้ากับข้าคงไม่อาจใช้วิธีนี้ได้ แต่ว่าเซี่ยโหวเฉินก็พูดยากแล้ว”
“ท่านจะบอกว่า…” จงรั่วปิงชะงักไป
จงซานพยักหน้า “ถูกต้อง ด้วยความฉลาดของเขา อย่างมากพรุ่งนี้เขาก็คงคิดได้ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าชี้แนะ เขาก็จะรู้เองว่านี่คือหนทางเดียว หากเขาจริงใจต่อเจ้า บางทีก็อาจจะทำเช่นนี้”
สำหรับเซี่ยโหวเฉิน องค์หญิงอันหยางก็เป็นคนไม่สำคัญเท่านั้น อีกอย่างเซี่ยโหวเฉินก็เป็นพวกขุนนาง คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตคนอื่นปูทางให้ตัวเองมานานแล้ว ดังนั้นการเสียสละองค์หญิงอันหยาง สำหรับเขาไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร
จงรั่วปิงหน้าซีดขาว พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร ทางหนึ่งนางไม่หวังให้เซี่ยโหวเฉินทำเช่นนี้ เพราะเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่มีจิตใจดีงาม แต่อีกทางหนึ่งก็หวังว่าเขาจะทำ เพราะหากทำไปแล้ว ก็หมายความว่านางมีความสำคัญในใจเขา
ในใจนางขัดแย้ง และสับสนนัก
จงซานมองจงรั่วปิง ถาม “รู้สึกสับสนใช่ไหม”
“ใช่” จงรั่วปิงพยักหน้า ลุกขึ้นก้าวเท้าออกไป “ข้าจะไปถามเยี่ยเม่ย”