ตอนที่ 146 เห็นคนอื่นทำก็ทำตาม

พี่รองจ้าวได้ฟังคำพูดนี้ของแม่ แม้ว่าจะทราบดีว่าแม่หวังดีต่อเขาและพูดเรื่องจริง

แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าแม่ของเขาแอบดูถูกเขา

คำพูดของภรรยาที่เกี่ยวกับเจ้าหกพลันปรากฏขึ้นภายในใจ เจ้าหกเป็นคนไม่เอาถ่านแบบนั้นแต่ยังสร้างบ้านได้ ทำไมเขาจะสร้างไม่ได้?

เขาใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ เก็บหอมรอมริบจะกินจะใส่อะไรก็เสียดาย เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเลย!

“บ้านหลังนี้ผมอยากสร้างเอง ถ้าต้องใช้เงินถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน” พี่รองจ้าวเห็นว่าพ่อกับแม่ไม่สนับสนุน จึงพูดไม่กี่ประโยคก็เดินกลับไป

“ภรรยาของเจ้ารองคนนี้ใช้ได้เลยนะ คุณดูสิ ตอนนี้ก็ดันมาเป่าหูอีก ทำเอาเจ้ารองเกิดความเห็นต่างต่อเจ้าหกแล้ว!” คุณแม่จ้าวด่า

ปีที่แล้วตั้งแต่ลูกชายคนเล็กขนผักกลับมาหนึ่งคันรถ นางก็มองลูกสะใภ้ใหญ่ที่เคยเป็นคนดีเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป

เป็นเพราะรู้สึกได้ว่าหล่อนช่างใจแคบจริง ๆ บารมีก็ไม่ไหวเลย ไม่มีบารมีความเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านแม้แต่น้อย

ในบรรดาพี่น้องถ้ามีใครได้ดีกว่าหน่อยก็อิจฉา กลายเป็นโรคขี้อิจฉาไปแล้ว

อิฐแดงที่ลูกชายคนเล็กขนกลับมาเมื่อวาน พวกเขาทั้งสองคนย่อมทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว และวันนี้เขาก็มาหาจริง ๆ

สองสามีคู่นั้นก็คิดจะสร้างบ้านเหมือนกัน

คุณแม่จ้าวไม่ได้ต่อต้าน แต่นางแค่เป็นห่วงลูกชาย

เรื่องสร้างบ้านนี้เป็นเรื่องที่จะมาทำเล่น ๆ ได้เหรอ?

ถึงเวลานั้นถ้าไม่มีเงิน เจ้ารองก็ต้องไปจัดการอีก แบบนี้ลูกชายของนางก็เหนื่อยแย่สิ!

ภายในใจของคุณพ่อจ้าวก็รู้สึกเห็นต่างกับบ้านเจ้ารองเหมือนกัน แต่เขาแค่ขี้เกียจจะเข้าไปยุ่ง กล่าวว่า “เขาก็เป็นพ่อคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราเข้าไปยุ่งหรอก อยากจะสร้างบ้านก็สร้างไป ถ้ามีความสามารถสร้างบ้านชั้นเดียวได้ก็ดี”

หากพูดถึงก่อนหน้านี้พี่รองจ้าวยังลังเลเกี่ยวกับการสร้างบ้านอยู่บ้าง แต่หลังจากได้สนทนากับพ่อและแม่ในครั้งนี้ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะสร้างบ้านอย่างเด็ดเดี่ยว

ภรรยาพูดถูก คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็ต้องมีความทะเยอทะยาน มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ พัฒนาตัวเองเพื่อดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี เขาก็ต้องสู้ให้ได้!

พี่รองจ้าวจึงไปที่โรงงานอิฐเพื่อซื้ออิฐแบบค้างจ่าย ตอนเที่ยงก็ขนอิฐกลับมา อิฐก้อนสีแดงสดถูกวางไว้ภายในลาน สิ่งนี้ทำให้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้พี่สามจ้าวที่เพิ่งกลับมาหลังจากทำนาเสร็จถึงกับตกใจ

“เจ้าหกจะสร้างบ้าน พี่รองก็จะสร้างบ้านเหมือนกัน แต่ละคนไม่คิดจะใช้ชีวิตกันแล้วเหรอ?” พี่สามจ้าวพูดกับพี่สะใภ้สามจ้าวที่อยู่ในห้อง

หลังจากเริ่มปลูกพืช พี่สามจ้าวก็หยุดขายเต้าหู้ไป อย่างแรกคือไม่มีเวลา อีกอย่างคืออากาศร้อน เต้าหู้จะเสียได้ง่าย

เป็นเพราะไม่มีเงินเข้าบัญชี พี่สามจ้าวเองก็รู้สึกว่าทุกอย่างขัดหูขัดตาไปหมด จึงทำหน้าตึงทุกวี่ทุกวัน

คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อวานเจ้าหกจะขนอิฐกลับมา เป็นเพราะอิฐเหล่านั้นนี่เอง เมื่อคืนตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงจึงพลิกตัวกลับไปกลับมาเหมือนกับเจียนปิ่ง*ที่ถูกกลับด้านเพราะนอนไม่หลับ

*แป้งย่าง

แต่เจ้าหกขนอิฐกลับมาแล้วก็ให้ขนไป เขารู้ดีว่าเจ้าหกทำงานหาเงินได้ ถึงอย่างไรการขายเต้าหู้ของเขาก็ทำเงินได้นิดหน่อยเหมือนกัน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เจ้ารองเองก็ขนอิฐกลับมามากขนาดนี้เหมือนกัน เจ้าหกน่ะไม่เป็นไรหรอก เขายังทนได้ แต่เจ้ารองนั้นมีสิทธิ์อะไรกัน?!

“อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำให้คุณไม่ได้ใช้ชีวิตสักหน่อย คุณจะโกรธเพื่อ?” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างไม่ใส่ใจ

พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เมียแบบคุณนี่เหมือนกับไม่ใช่คนของบ้านนี้เลยนะ ยังมาพูดอีกว่าผมรีบร้อนอะไร พวกเขาต่างก็สร้างบ้านกันแล้วจะไม่ให้ฉันไม่รีบร้อนได้เหรอ? ถึงยังไงผมก็เป็นเถ้าแก่ร้านเต้าหู้เหมือนกัน!”

เถ้าแก่ร้านเต้าหู้เป็นชื่อที่คนซื้อเต้าหู้ของเขาเป็นคนตั้งให้ เขาชอบคำว่า ‘เถ้าแก่’ เป็นพิเศษเลย ไม่ว่าจะร้านใหญ่หรือเล็ก ถึงอย่างไรก็เป็นเถ้าแก่!

ตอนนี้เขาเป็นเถ้าแก่ขายเต้าหู้แต่ยังไม่สร้างบ้าน คนอื่นเขาสร้างบ้านไปแล้ว เขาจะมีความสุขเหรอ?

พี่สะใภ้สามจ้าวบุ้ยปากไม่ได้สนใจเขาอีก หล่อนไม่ได้เห็นความสำคัญของฉายาเถ้าแก่ร้านเต้าหู้นั่นด้วยซ้ำ

เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามีความสามารถก็ให้หล่อนและลูก ๆ ได้กินของดีสักหน่อยสิ

วัน ๆ กินแต่ผักดองเค็ม กินจนมีกรดเต็มท้องแล้ว!

พี่สามจ้าวไม่ได้รับคำตอบก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจมากขึ้น เมื่อคิด ๆ ดูแล้วจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านของพี่รองจ้าว

พี่รองจ้าวไม่อยู่ เขาจึงถามเรื่องนี้กับพี่สะใภ้รองจ้าว

“พี่สะใภ้รอง พี่รองขนอิฐกลับมาเยอะแยะขนาดนี้ใช้เงินเท่าไรเหรอครับ?” พี่สามจ้าวถามอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้พี่สะใภ้รองจ้าวอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีแค่สวรรค์ที่รู้ว่าหลังจากอิฐถูกขนกลับมาแล้วหล่อนรู้สึกดีขนาดไหน ต่อให้เป็นหนี้หล่อนก็ไม่ใส่ใจ!

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ยังไม่ได้จ่ายเงินเลย ซื้อมาแบบค้างจ่ายทั้งนั้นแหละ จ่ายหลังฤดูใบไม้ร่วง”

“ค้างจ่าย? นี่ก็ค้างจ่ายได้ด้วยเหรอ?” พี่สามจ้าวคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเช่นนี้ จึงชะงักไปครู่หนึ่ง

“ทำได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เหวินเทาก็ค้างจ่ายเหมือนกัน พี่รองของนายได้ยินเหวินเทาค้างจ่ายได้เขาก็เลยไปขนกลับมาหนึ่งคันรถ” พี่สะใภ้รองจ้าวเองก็พูดอย่างใจกว้าง “น้องสะใภ้หกบอกว่า หลังจากนี้ค่าแรงในการสร้างบ้านก็ต้องค้างจ่ายเหมือนกัน ผ่านไป 1-2 ปีก็ค่อยจ่าย”

“ค่าแรงก็ค้างจ่ายได้ด้วย?” พี่สามจ้าวงงเป็นไก่ตาแตก

“ได้สิ พี่รองของนายไปถามมาแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้าค่อยจ่ายก็ได้” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “อยู่ใกล้กันไม่กี่สิบลี้ยังจะหนีไปไหนได้ ก็เหมือนพระที่หนีไม่พ้นวัดนั่นแหละ จะให้ตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ทำไมเหรอ น้องสามีสาม นายเองก็อยากสร้างบ้านเหมือนกันเหรอ?”

“ผมก็แค่ถามดู ถาม ๆ ดูน่ะ” แม้ว่าพี่สามจ้าวจะได้ยินว่าค้างจ่ายได้จนเกิดอาการใจเต้น แต่เขาก็ยังต้องคิด ๆ ดูก่อน

การสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จะให้ตัดสินใจทันทีที่สมองคิดได้อย่างนั้นเหรอ พูดเป็นเล่น

พี่สะใภ้รองจ้าวมองออกว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อมีความคิดริเริ่มที่จะสร้างบ้านขึ้นมา เงินค่าแรงและวัสดุอะไรพวกนั้นแต่ละปีก็ต้องประหยัดอีกหน่อย ได้อยู่ในบ้านใหม่แล้วก็ต้องมีลานกว้างเพื่อเลี้ยงอะไรอีกหน่อยด้วย

“การใช้ชีวิตไม่ควรใช้ชีวิตแบบสุดโต่งเกินไป ก็ต้องยืดหยุ่นสักหน่อย เธอดูอย่างครอบครัวเหวินเทาสิ ตอนนี้ก็มีหนี้สินแล้ว รถที่ขับก็ไม่ใช่เล็ก ๆ แถมยังได้ดื่มเหล้าอีก ใช้ชีวิตดีกว่าใคร ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

คำพูดเหล่านี้ของหล่อนฟังดูเรียบง่ายมาก การเป็นหนี้เพื่อสร้างบ้านเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ภายในใจย่อมไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว การลากใครมาสักคนจึงช่วยแบ่งปันความวิตกกังวลนี้ได้

พี่สามจ้าวไม่ทราบถึงความคิดนี้ของพี่สะใภ้รองจ้าว แต่กลับเบ้ปากพูดว่า “เจ้าหกนั่น ต่อให้มีเหาจำนวนมากก็ไม่คันหรอก มีหนี้เยอะก็ไม่ได้กังวลอะไร จะสู้กับใครก็ได้แต่อย่าไปสู้กับคนแบบเขา”

ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็คิดว่าที่พี่สะใภ้รองจ้าวพูดก็มีเหตุผล

หลังจากกลับมาถึงห้องเขาก็นั่งครุ่นคิด ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะสร้างบ้านเช่นเดียวกัน!

“คุณจะสร้างบ้าน?” พี่สะใภ้สามจ้าวมองสามีด้วยความงุนงง

“ใช่ สร้างบ้าน!” ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พี่สามจ้าวก็ไม่สับสนอีกต่อไป เขาพูดด้วยความหยิ่งผยอง “ผมอยากจะสร้างบ้านแบบที่ดีที่สุด คุณทำหน้าอะไรของคุณ พวกเราจะสร้างบ้านกันแล้ว แม้แต่ดีใจคุณก็ไม่คิดจะดีใจสักหน่อยเลยเหรอ?”

เมื่อเห็นภรรยาไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอย่างที่คิดไว้ พี่สามจ้าวก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

พี่สะใภ้สามจ้าวไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลย หล่อนพูดเสียงเรียบหนึ่งประโยคว่า “กินยังกินได้ไม่ดีเลยยังคิดจะสร้างบ้าน เห็นคนอื่นทำก็ทำตามจริง ๆ ทำไมคุณถึงไม่หัดเรียนรู้จากน้องสามีหกที่เอาเนื้อกลับมาบ้านเยอะ ๆ บ้าง”

“คุณพูดอะไรของคุณ” พี่สามเริ่มมีน้ำโห “ผมไปลดการดื่มการกินของคุณตั้งแต่เมื่อไร? กินเหมือนกับเจ้าหกแบบนั้นต้องกินเท่าไรถึงจะพอ?”

“พอแล้ว ๆ คุณอยากสร้างก็สร้าง ถึงยังไงคนในบ้านก็ต้องฟังคุณอยู่แล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดจบแล้วก็ไปทำงานต่อ

สำหรับเรื่องการสร้างบ้าน พี่สะใภ้สามจ้าวไม่ได้รู้สึกสนใจเลย

สาเหตุก็ไม่ได้มีอย่างอื่น ยังคงเป็นคำพูดนั้น กินยังกินได้ไม่ดีเลยยังคิดจะสร้างบ้านอีก!

“ไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบคุณมาก่อนเลย ผู้หญิงบ้านอื่นต่างก็สนับสนุนสามีของตัวเองกันทั้งนั้น ดูคุณสิ วัน ๆ เอาแต่บ่นอยากจะกิน กินไม่ดีผมก็ยังไม่เคยเห็นคุณตายเพราะหิวเลย!” พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

จากนั้นเขาก็เดินมาถามจ้าวเหวินเทาเกี่ยวกับเรื่องสร้างบ้านต่อ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คิดจะสร้างบ้านกันนี่สร้างแบบดูฐานะตัวเองกันด้วยนะ ไม่ใช่เห็นบ้านหกสร้างบ้านสี่ห้องแล้วก็จะสร้างแบบสี่ห้องมั่ง

ไหหม่า(海馬)