พอกลับถึงห้องพัก กลุ่มคนในห้องก็กรูเข้ามาล้อมวงไว้ทันทีพลางมองมาที่ชุยหัง ราวกับสวนสัตว์จัดงานแสดงโชว์ลิงแมนดริลยังไงอย่างนั้น 

 

 

“พวกนายทำไมมองฉันแบบนั้น” ชุยหังถาม 

 

 

“ไม่ทำไม ก็แค่มองคนที่กำลังเป็นชู้กับครูฝึก ตกลงว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่” จ้าวหลินพูด 

 

 

“เหล่าต้า ผมคิดมาตลอดว่าพี่เป็นคนซื่อตรง คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะพูดจาสกปรกแบบนี้” ชุยหังพูด 

 

 

จ้าวหลินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า: “เชรด มันเป็นเพราะในใจนายมีเลศนัยถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของฉันมันฟังดูสกปรก อันที่จริงฉันพูดตามปกติเลยนะ” 

 

 

“ได้ พวกนายทุกคนเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา มีฉันคนเดียวที่เป็นน้ำเน่าสกปรกตามโรงงานราคาถูก…” ชุยหังพูดอย่างยอมแพ้ 

 

 

“อย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วพวกเราจะปล่อยนายไปนะ รีบบอกมาเร็วว่านายกับครูฝึกรู้จักกันได้ยังไง เขาเป็นพี่ชายของนายหรือเปล่า” ถังเฉิงถาม 

 

 

ชุยหังจนปัญญาแล้ว พี่ชายของเขา พี่ชายที่ไหนจะทำกับน้องแบบนี้ 

 

 

ชุยหังพูดต่อ: “ช่างมันเถอะ ถ้าฉันมีพี่ชายแบบนี้คงจะต่อสายโทรหาพ่อกับแม่ทันทีให้พวกเขาจัดการสั่งสอนเขาซะ” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นสรุปพวกนายนี่มันยังไงกันแน่ ทำไมเวลาครูฝึกหลูเห็นนายก็รีบพุ่งเข้าใส่เหมือนแมลงวันมองเห็นขี้เลยล่ะ” ถังเฉิงใช้คำเปรียบเทียบที่ดูเห็นภาพแต่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด 

 

 

ทุกคนพากันหัวเราะดังลั่นพลางร้องอุทานชื่นชมการเปรียบเทียบของเขากันใหญ่ 

 

 

“ทำไมนายไม่พูดแบบผึ้งมองเห็นดอกไม้อะไรแบบนั้นล่ะ” ชุยหังถามอย่างไม่พอใจ 

 

 

แม้ว่าพวกเขาจะเปรียบเทียบหลูจื่อเป็นแมลงวันเขาก็ไม่ขัดอะไรหรอก แต่นี่มาเปรียบเทียบว่าตัวเขาเป็นขี้แบบนี้ ดูจิตใจไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่เลย 

 

 

“ครูฝึกหลูเป็นชายสมชายชาตรีขนาดนั้น ฉันยังตำหนิเขาซะขนาดนั้น แล้วขาเล็กๆ สั้นๆ อย่างนายจะมีสิทธิ์เลือกอะไรเล่า…” ถังเฉิงพูด 

 

 

“พอแล้ว ทุกคนไม่ต้องพูดแล้วให้เหลาอู่พูดบ้างว่าสรุปแล้วเขารู้จักกับครูฝึกได้ยังไง” จ้าวหลินพูด 

 

 

ชุยหังมองรูมเมทร่วมห้องที่อยู่ข้างๆ กายของตัวเองก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ปิดประตู” 

 

 

“ได้ ปิดประตู” ถังเฉิงรีบวิ่งไปปิดประตูห้องทันที 

 

 

“หลังจากฉันเล่าไปแล้วพวกนายทุกคนต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไรทั้งนั้น ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาดได้ยินหรือยัง ไม่อย่างนั้นฉันจะขอสาปแช่งให้พวกนายลิ้นเน่าไปเลย” ชุยหังพูด 

 

 

“เชรด เหลาอู่นายนี่มันเหมือนแม่มดจริงๆ เลยนะ จำเป็นต้องโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรอ” จ้าวหลินพูดขึ้น 

 

 

ชุยหังพูด: “ฉันก็แค่กันไว้ดีกว่าแก้เตือนพวกนายไว้ก่อน เพื่อพวกนายจะได้ไม่กลายเป็นพวกลิ้นยาวทีหลัง” 

 

 

“พอแล้วน่า พวกเราไม่พูดหรอกนายรีบๆ เล่ามาเร็วๆ” วังเฉียงก็เริ่มสนใจมากขึ้นแล้ว 

 

 

ชุยหังไม่มีทางเลือกถึงได้ยอมเล่าเรื่องที่ตัวเองเข้ามารอรายงานตัวก่อนล่วงหน้าแล้วบังเอิญไปเจอรถพวกสิบแปดมงกุฎเข้า พอลงจากรถได้ก็วิ่งไปขวางทางรถทหารคันหนึ่งเอาไว้ถึงหนีเอาตัวรอดมาได้ แต่ว่าเพราะท่าทีของไอ้ทหารคนนั้นที่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก่อนจะด่าเขาไปฉาดหนึ่ง และที่บังเอิญมากยิ่งกว่านั้นคือทหารคนนั้นคือหลูจื้อ 

 

 

หลังจากที่ทุกคนฟังจบสีหน้าที่แสดงออกมาก็เป็นประมาณว่าโลกใบนี้มันแคบเกินไปแล้ว 

 

 

ไม่รู้เหมือนกันว่านี่ชุยหังโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันแน่ ในวันก่อนเปิดเทอมบังเอิญไปเจอกับครูฝึกเข้า แถมยังด่าเขาฉอดๆ อย่างมั่นอกมั่นใจอีกด้วย 

 

 

พูดได้แค่ว่า อันที่จริงโอกาสมันวางอยู่ตรงหน้าของชุยหังแล้ว แต่ชุยหังกลับไม่รักษามันแถมยังใช้เท้าเขี่ยมันทิ้งไปด้วยซ้ำ ก่อนจะแอบตะโกนในใจว่า: “กลับเข้าท้องแม่แกไปเลยไป” 

 

 

จบการแสดง 

 

 

ห้าคนที่เหลือมองมาทางชุยหังก่อนจะพากันหัวเราะออกมาทุกคน 

 

 

“เหลาอู่ นี่นายคิดจะล้อให้พวกเราขำตายใช่ไหม นายรอดูเถอะ ไม่กี่วันนี้นายได้เห็นดีแน่ๆ” 

 

 

“ทำไมหรอ หรือว่าคนเป็นทหารมันจะแค้นฝังใจหรอ” ชุยหังพูด 

 

 

จ้าวหลินพูด: “แค้นใจไม่แค้นใจมันเกี่ยวอะไรกับเป็นทหารหรือไม่เป็น มีความแค้นไม่ชำระไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาก็แค่มาเป็นครูฝึกแค่ครึ่งเดือนเอง หลังจากครึ่งเดือนผ่านไปพอกลับเข้ากองทัพไปแล้วอยากจะหานายก็ไม่มีทางได้เจอแล้ว จะจัดการอะไรนายได้ล่ะ”