บทที่ 513 สูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง / บทที่ 514 ห้ามใช้กำลัง Ink Stone_Romance
บทที่ 513 สูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง
หลิวอิ่งคำรามเสียงต่ำ ออกแรงลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกันนี้ ซ่งจิ้งก็ไม่กล้าหยุดพัก ทั้งสองเข้าโจมตีพร้อมกัน
แม้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ดี หากถอยตอนนี้ ด้วยฝีมือการต่อสู้ที่น่ากลัวถึงขีดสุดของเยี่ยหวันหวั่นตอนนี้ พวกเขาจะถูกปลิดชีวิตทันที แต่ถ้าหากสู้ละก็…
อาจจะตายช้าลงอีกสักนิด…
ทั่วทั้งบาร์ คนที่หนีก็หนี คนที่ซ่อนก็ซ่อน ที่เหลือยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ทุกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว อึ้งมองหญิงสาวเล่นงานคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว…
ผู้ชายสองคนนั้นแทบจะกลายเป็นมนุษย์เลือดอยู่รอมร่อ โดยเฉพาะคนที่ดูจะเก่งกว่าหน่อยคนนั้น…
ในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าดังเป็นระเบียบก็ลอยมาจากทางประตู
ตอนที่สืออีและสวี่อี้นำคนมาถึง เห็นเพียงที่บาร์มีเสียงกรีดร้องดังระงม บอดี้การ์ดนอนเกลื่อนพื้น
ซ่งจิ้งนอนลมหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ร่างของหลิวอิ่งซึ่งเต็มไปด้วยเลือดถูกร่างบางเตะลอยออกไป นอนหมอบกับพื้นไม่ขยับ…
ใครกัน! ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ซ่งจิ้งกับหลิวอิ่งบาดเจ็บได้ขนาดนี้?
เงาร่างนั้นว่องไวมาก มีจิตสังหารน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด ร่างนั้นกำลังมุ่งตรงไปหมายจะโจมตีหลิวอิ่งผู้หมดแรงจะต่อสู้แล้ว…
“หลิวอิ่ง!”
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของสืออีเปลี่ยนไปทันที ไม่ทันได้คิดอะไรมาก รีบทะยานเข้าไปขัดขวางการโจมตีสุดท้ายของคนคนนั้น
บอดี้การ์ดลับด้านหลังสืออีเห็นหลิวอิ่งกับซ่งจิ้งถูกทำร้ายจนมีสภาพนี้ ก็พลันรู้สึกเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ พุ่งตัวตามเข้าไปด้วย
“แกเป็นใคร?”
แขนของสืออีแทบถูกกระแทกจนชา สายตามองยังเงาร่างบางอย่างดุดัน
ผลคือวินาทีถัดมา หลังจากเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจนแล้ว สืออีพลันนิ่งอึ้ง “คุณ…คุณหนูหวันหวั่น…ทะ…ทำไมถึง…”
ไม่รอให้สืออีได้สติ หัวไหล่พลันรู้สึกเจ็บรุนแรงอีกครั้ง เขาทำได้เพียงรีบรับมือการกระหน่ำโจมตีของอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกัน สวี่อี้ที่อยู่ไม่ไกลก็เห็นชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงที่กำลังสู้กับสืออีอยู่คือใคร
“คุณหนูหวันหวั่น นี่…”
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมถึงเป็นคุณหนูหวันหวั่นไปได้?
“คุณหนูหวันหวั่น!” สวี่อี้ร้องเรียกอย่างร้อนใจ ทว่าอีกฝ่ายราวกับไม่ได้ยินเสียงเขา ตรงกันข้าม กลิ่นอายกระหายเลือดยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
บอดี้การ์ดลับที่สืออีนำมาด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเยี่ยหวันหวั่น แทบทุกคนตกตะลึง แต่ละคนไม่กล้าเข้าไป กลัวว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บเข้า
ทว่าพวกเขารู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาไร้เดียงสาเกินไป
สืออีล้มลงพื้นอย่างแรงข้างเท้าของสวี่อี้ ข้างหน้ามีดาวลอยเต็มไปหมด
“สืออี! เป็นยังไงบ้าง!” สวี่อี้รีบพยุงเขาขึ้นมา
สวี่อี้กุมหน้าอก “นะ…นี่…มันยังไงกันแน่…”
ซ่งจิ้งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวอธิบายอย่างอ่อนแรง “ไม่รู้ว่า…คุณหนูหวันหวั่นกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…ตอนแรกแค่ทำร้ายพวกที่เฉินซื่อเจี๋ยพามา…แต่จู่ๆ ก็เริ่มโจมตีผมกับหลิวอิ่งด้วย…”
ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกันอยู่นั้น บอดี้การ์ดลับที่สืออีพามาเหล่านั้นใกล้จะรับมือไว้ไม่ไหวแล้ว
สืออีกับสวี่อี้เห็นว่าบอดี้การ์ดลับจำนวนมากขนาดนั้นยังหยุดเธอไว้ไม่ได้ ร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นกำลังเดินมาทางพวกเขาทีละก้าวๆ…
“ขวับ…” เยี่ยหวันหวั่นโจมตีสืออีต่อ
เหมือนว่าหากใครมีฝีมือการต่อสู้ที่ดี ก็จะยิ่งกระตุ้นจิตสังหารของเธอได้มากขึ้น
หลิวอิ่งไม่มีแรงจะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารจึงหันไปทางสืออีที่โผล่เข้ามาทันที
………………………………………………
บทที่ 514 ห้ามใช้กำลัง
สืออีเองก็ค้นพบจุดนี้อย่างสิ้นหวังและหวาดกลัวแล้วเช่นกัน
จะอย่างไรเขาก็ทำใจเชื่อไม่ได้ จู่ๆ ผู้หญิงที่งามหยดย้อยขนาดนั้นกลับเปลี่ยนเป็นเทพนักฆ่า น่ากลัวได้ถึงระดับนี้
ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนเดินทางในประเทศ B ซึ่งทั้งหมดเป็นแค่การแสดง
สีหน้าของทุกคนราวกับกำลังฝันไป ไม่อาจเชื่อได้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงน่ารักขี้อ้อนของเจ้านายพวกเขา
ก่อนที่การโจมตีถึงชีวิตของเยี่ยหวันหวั่นจะถึงตัว สวี่อี้รีบเข้าไปขวางหน้าสืออี “คุณหนูหวันหวั่น! อย่าครับ!”
เท้าของเยี่ยหวันหวั่นชะงัก สายตาว่างเปล่าจ้องมองสวี่อี้ หยุดการโจมตีชั่วคราว
สวี่อี้แอบโล่งใจ “คุณ…”
จากนั้น ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ถูกถีบกระเด็นออกไป
สวี่อี้ตกลงพื้นอย่างแรงไม่ไกลจากหลิวอิ่ง
“สวี่อี้! ไอ้บ้าเอ๊ย…” มองเห็นแววตาเย็นเยือกของหญิงสาวจับจ้องอยู่ที่ตน พลางเดินบีบเข้ามาทีละก้าวๆ สืออีเหน็บหนาวไปหมด เหมือนกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หญิงสาวไม่ต้องการอาวุธใด แขนขาของเธอ ร่างกายของเธอ คืออาวุธขั้นสุดยอดแล้ว
ฝ่ามือที่เปรียบดั่งมีดแหลมพุ่งเข้ามา สืออีฝืนกัดฟัน ทำได้แค่เข้าไปสู้กับเธออีกยก และขวางการโจมตีที่คร่าชีวิตได้นั้นไว้ตรงๆ
ทั้งสองต่อสู้ติดพันกันอยู่ตรงจุดหนึ่ง…
พูดให้ถูกต้องคือ เยี่ยหวันหวั่นโจมตีสืออีอยู่ฝ่ายเดียว สืออีทำได้เพียงป้องกันตัว
พละกำลังที่ระเบิดออกมาก่อนตายไม่อาจยื้อไว้ได้นาน สืออีเริ่มเผยช่องโหว่อย่างต่อเนื่อง ตั้งรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ทว่า จิตสังหารของเยี่ยหวันหวั่นกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีที่คร่าชีวิตได้มุ่งไปยังตำแหน่งหัวใจของเขา…
สืออียืนโงนเงนอยู่ที่เดิม หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง…
“คุณหนูหวันหวั่น!” สวี่อี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลตะโกนลั่นด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย
“สืออี!” สีหน้าซ่งจิ้งและหลิวอิ่งก็เปลี่ยนไป
เวลานี้เอง พลันมีเสียงดังแหวกอากาศมาจากฝั่งทแยงมุม ความกดดันมหาศาลปะทะกับจิตสังหารบนตัวหญิงสาว
ราวกับเวลาหยุดลงในพริบตานี้
ความรู้สึกเจ็บปวดเพราะกระดูกหักที่สืออีจินตนาการไว้ไม่เกิดขึ้น
เขาลืมตาขึ้นด้วยเหงื่อผุดชื้น เห็นร่างสูงโปร่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ยืนย้อนแสงอยู่ตรงนั้น มือจับข้อมือของหญิงสาวไว้แน่น ขัดขวางการโจมตีถึงชีวิตนั้นไว้
ทั่วร่างของซือเยี่ยหานคล้ายห่อหุ้มด้วยลมเหมันต์อันหนาวเหน็บ กวาดมองลูกน้องที่นอนอยู่เต็มพื้นด้วยสายตาทะมึน แล้ววนกลับมามองหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าเย็นชาถึงขีดสุด
“คุณ…คุณชายเก้า…” พวกสวี่อี้หันไปมองซือเยี่ยหานทันที
ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นมองข้อมือตัวเองที่ถูกจับอย่างค่อนข้างเชื่องช้า จากนั้นมองตามมือเย็นๆ ข้างนั้นจนเห็นชายหนุ่มตรงหน้า ในนัยน์ตาว่างเปล่ามืดมิดสะท้อนเงาร่างของชายหนุ่ม
เธอเหมือนจะไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกจับกุมเอาไว้ จึงขมวดคิ้วอย่างอันตรายโดยพลัน
พวกสวี่อี้เห็นแล้วหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม “คุณชายเก้า! ระวังนะครับ! คุณหนูหวันหวั่นดูแปลกๆ ไป…”
ซือเยี่ยหานจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังแผ่ความร้ายกาจทั่วร่าง ก้นบึ้งนัยน์ตาเหมือนมีพายุที่ก้นทะเลลึกกำลังก่อตัว ราวกับกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดกดความโกรธในอกที่แทบระเบิดเอาไว้ ภายใต้สายตาที่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ ของเธอ เขาพลันออกแรงตรงข้อมือ วินาทีถัดมาก็รัดร่างกายแบบบางของหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดตัวเอง แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำอย่างเย็นชา “ฉันเคยเตือนเธอแล้วใช่ไหมว่าห้ามใช้กำลัง!”
……………………………………………………