“ได้เลย คิดว่าฉันกลัวเธอหรอ “ถังรั่วอิงที่ไม่ยอมพูดโต้ตอบกลับไป “ซูฉิง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ คนที่พี่เฉิงรักคือฉัน เมื่อแปดปีก่อน ฉันได้ช่วยเขาไว้ และนั่นก็แสดงว่าเขาเป็นของฉัน แปดปีมานี้ เขาตามหาฉันมาตลอด เขาไม่เคยลืมฉันเลย!”
ซูฉิงที่มองถังรั่วอิงที่ถูกตัวเองยั่วโมโห ก็ยกยิ้ม
ดีมาก ถังรั่วอิงติดเบ็ดเข้าแล้ว
แผนการครั้งนี้ เธอตั้งใจที่จะทำให้ถังรั่วอิงนั้นคิดว่าสูญเสียตำแหน่งคนที่อยู่ในใจของฮ่อหยุนเฉิงแล้ว
และเธอก็จะต้องรีบหมั้นกับฮ่อหยุนเฉิง ผู้หญิงคนนี้เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องร้อนรนเหมือนเจ้าเข้า และจะต้องคิดลงมือทำอะไรแน่
เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเผยพิรุธออกมา
เพียงแค่เธอเผยพิรุธออกมา ก็ไม่กลัวที่จะสืบหาความจริงไม่ได้!
“เหอะ “ซูฉิงถอนหายใจออกมา คิดจะพูดยั่วถังรั่วอิงมากกว่าเดิม
เธอมองถังรั่วอิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา “ที่จริงแล้ว ถังรั่วอิง เธอน่าจะถามตัวเองนะ ว่าเธอเป็นถังถังที่ฮ่อหยุนเฉิงพร่ำเพ้อหามาตลอดรึเปล่า”
แววตาที่แหลมคมของเธอ เหมือนกับมองความคิดของถังรั่วอิงออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ถังรั่วอิงได้ยินอย่างนั้นก็อดที่จะตกใจไม่ได้
ซูฉิงพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง
หรือว่า……ซูฉิงจะพบอะไรในตัวเธอหรอ
ไม่ ไม่หรอกมั้ง
ถังรั่วอิงที่นึกอยู่สักพัก หลายวันมานี้ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรนี่
แม้แต่ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่สงสัยเธอเลย
เป็นไปไม่ได้ว่าซูฉิงจะพบอะไรเข้า!
พอคิดมาถึงตอนนี้ ถังรั่วอิงก็ก้มหน้าลง ไม่มองหน้าซูฉิง แล้วก็ตอบอย่างรั้นๆ ว่า”แน่นอนสิ!”
ซูฉิงพูดเสียดสีอย่างเย็นชา “แต่ว่าเธอไม่เหมือนกับถังถังที่ฮ่อหยุนเฉิงพูดถึงเลยนะว่าเป็นคนที่น่ารักไร้เดียงสา เธอมีจิตใจร้ายกว่ามาก ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกับถังถังที่ฮ่อหยุนเฉิงพูดถึงเลย”
ถังรั่วอิงสะบัดผมที่ยาวของเธอมองไปรอบๆ พื้นที่ลานจอดรถ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอแย่งพี่เฉิงไป ฉันจะทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ซูฉิง อย่าคิดว่าเธอมีดีแค่คนเดียวนะ เธอก็แสดงละครต่อหน้าพี่เฉิงเหมือนดันใช่มั้ย”
“เหอะ”ถังรั่วอิงส่งเสียงเหอะ แล้วก็เอากระเป๋าที่ถืออยู่มาสะพายไหล่แล้วหันหลังเดินออกไป
ซูฉิงจ้องเบื้องหลังของถังรั่วอิงที่เดินจากไป อย่างกำลังคิดอะไรอยู่
เธอเชื่อว่า ตอนนี้ถังรั่วอิงได้เข้ามาติดร่างแหเธอที่เธอสร้างขึ้นไว้แล้ว
เพียงแต่ว่า……..
ซูฉิงมองทางที่ถังรั่วอิงเดินจากไป หรี่ตาลง เมื่อกี้เธอเหมือนจะเห็นรอยแผลเป็นลึกที่ข้อมือของถังรั่วอิง
ไม่รู้ทำไม เธอก็รู้สึกคุ้นตากับรอยแผลเป็นนั้นมาก……..
เมื่อก่อนเธอไม่ได้ทันสังเกต แต่ครั้งนี้เห็นแล้ว
ฟู่ !
ซูฉิงที่คิดถึงแต่เรื่องรอยแผลเป็นในหัวซ้ำไปซ้ำมา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ซูฉิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ลูบหัวตัวแล้วแล้วก็หลับตาลง
ในหัวก็เกิดภาพขึ้นมาเหมือนกับฉายหนังขึ้นมา
ที่เหมือนจะแปลกตาและคุ้นเคย
“นายรีบวิ่งสิ ไม่งั้นจะมีคนเห็นนายนะ!”เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนพูดกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เธอนั้นร้อนรนมาก แล้วก็มองไปรอบๆ
เด็กผู้ชายคนนั้นคุ้นตามาก ซูฉิงมักรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอที่ไหน แต่เด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ไปไหน เขาเหมือนจะดึงมือของใครสักคน แล้วบอกว่ากับเธอว่าเธอคนนั้นจะต้องไปกับเขาด้วย เขาถึงจะไป
เด็กผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกริษยามาก และในตอนนั้นเองคนร้ายก็เห็นพวกเขาแล้ว เดินเข้ามาตบหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นจนล้มไปกองกับพื้นที่มีเศษแก้วแตกกระจายอยู่
มือของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเศษแก้วที่แหลมคมบาด และเลือดก็ไหลออกมาเยอะมาก จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงดังออกมา
“ซูฉิง?”
ได้ยินเสียงของฮ่อหยุนเฉิงดังอยู่ข้างหู ซูฉิงถึงได้ดึงสติกลับมา
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองฮ่อหยุนเฉิง และใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้นก็เหมือนกับใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงมาก
และรอยตำแหน่งแผลเป็นของถังรั่วอิงก็เหมือนกับของเด็กผู้หญิงมาก
นี่มันเรื่องอะไรกัน ในหัวของเธอถึงได้เกิดภาพแปลกๆ ขึ้นมาได้
ซูฉิงก็ค่อยๆ เงียบ หรือว่าถังรั่วอิงจะเป็นถังถังจริงๆ
แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นก็เป็นฮ่อหยุนเฉิง?
แล้วเธอเป็นใคร?
ซูฉิงนวดขมับ อยากจะคิดให้ออกอีกนิด แต่ก็รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ภาพเมื่อกี้ก็ไม่เห็นแล้ว
หรือว่าช่วงนี้คิดอยากจะสืบหาความจริงมากเกินไป จนเกิดภาพลอนหรอ
ไม่น่าจะเป็นภาพหลอน
ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ที่เป็นภาพจริง เหมือนกับว่าเธอเป็นคนเผชิญด้วยตัวเองมาก่อนเลย
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง
“เธอเป็นอะไรไป “ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นซูฉิงไม่พูดอะไร ใบหน้าซีด หน้าผากมีเหงื่อไหลชุ่ม อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
เขารีบเดินเข้ามาหาแล้วก็จับเขาที่มือของซูฉิง ผลปรากฏรู้สึกว่ามือของเธอก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ซูฉิง เธอเป็นอะไรมั้ย”น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงถามอย่างร้อนใจ
“ฉัน………”ซูฉิงมองหน้าฮ่อหยุนเฉิง เหมือนจะพูดอะไรก็กลืนลงคอไม่พูด
เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
ซูฉิงซ่อนอารมณ์ความรู้สึกไว้แล้วยิ้มพูด”ไม่เป็นไร”
“จริงนะ”ฮ่อหยุนเฉิงถามอย่างไม่วางใจ “ถังรั่วอิงได้คุยอะไรกับเธอรึเปล่า”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ นายคิดว่าฉันอ่อนแอกว่าเธอรึไง”ซูฉิงเม้มปากพูด
ฮ่อหยุนเฉิงเห็นเธอพูดอย่างนั้น ก็ไม่ถามต่อ เขาจับมือของซูฉิงมาแล้วพูดอย่างเป็นห่วง “งั้นเธอก็กลับไปพักผ่อนเถอะ เรื่องของคุณปู่ เธอก็เหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว”
เห็นเขาพูดอย่างนั้น ซูฉิงก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา
เธอหาวออกมา”งั้นฉันจะกลับไปพักผ่อนก่อนแล้ว เรื่องคุณปู่ทางนี้นายก็ให้พ่อบ้านหลี่ดูแล นายก็ยังไม่หายดีนะ”
“เข้าใจแล้ว ” ฮ่อหยุนเฉิงหยุดพูด โน้มตัวลงเล็กน้อย ก้มลงมาพูดข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน”ภรรยาฉันในอนาคต!”
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็ทำให้ซูฉิงรู้สึกจั๊กจี้ หน้าเธอก็เห่อแดงระเรื่อขึ้นมา จ้องฮ่อหยุนเฉิง”ใครเป็นภรรยาในอนาคตของนายกัน พวกเรายังไม่ได้หมั้นกันเลยนะ!”
ฮ่อหยุนเฉิงหน้านิ่งขรึมแล้วพูดเสียงเรียบ “หรือว่าเธออยากให้งานหมั้นของเราล้มอีกครั้งหรอ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ทำหน้าเย็นชากะทันหัน ซูฉิงก็ไอกระแอมพูด”ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นายอย่างคิดเองเออเองสิ รีบกลับไปได้แล้ว!”
ฮ่อหยุนเฉิงเปิดประตูรถให้เธอแล้วให้ซูฉิงขึ้นรถ
ซูฉิงเข้าไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับ กำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย ทันใดนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็เข้ามาใกล้
“นายคิดจะทำอะไร”ซูฉิงมองอย่างระวังตัว
แววตาของฮ่อหยุนเฉิงที่มีไฟลุกโชน “เธอคิดว่าไงละ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”ซูฉิงจ้องตาเร่าร้อนของเขา ก็เลิกคิ้วขึ้น
เธอรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ว่า………
“ฉันยังจำได้นะว่าตอนที่โรงพยาบาลมีคนบอกกับฉันว่า เรื่องอย่างนั้นจะต้องทำในที่ส่วนตัว ฉันคิดว่าที่นี่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นที่ส่วนตัว ได้ข่าวว่าในรถนั้นตื่นเต้นมาก งั้นเราลองมาลองกันดีมั้ย” ฮ่อหยุนเฉิงมองไปรอบๆ รถ ริมฝีปากบางเซ็กซี่ก็พูดอย่างเจ้าเล่ห์
ซูฉิงก็หน้าแดงขึ้นมา
เธอคิดแค่ว่าจูบ แต่ผู้ชายคนนี้คิดไปถึงเรื่องอย่างว่าจนรถสั่นสะเทือน!