เมื่อคนรอบข้างมองแวบแรก คิดว่ามันเป็นเพียงสร้อยข้อมือเล็กๆ

กู้ชูหน่วนเก็บซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจและยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ เจ้ามีถึงสิบหัว ซึ่งเป็นที่สังเกตและสะดุดสายตามากเกินไป รีบลงไปเดี๋ยวนี้นะ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำปากบูดบึ้ง และจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างน่าสงสาร

และไม่รู้ว่ามันขยับตัวท่าไหนทำให้หัวของมันหดตัวลงเรื่อยๆ จากเก้าหัวหดลงเหลือเจ็ดหัว ห้าหัว สามหัว และสุดท้ายก็หดลงเหลือเพียงหัวเดียวเท่านั้น

“……”

กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนต่างพากันพูดไม่ออก

นี่คืองูอะไรกันนะ?

ไม่เพียงแค่สามารถแปลงร่างได้ แต่มันยังสามารถหดหัวได้อีกด้วย

กู้ชูหน่วนถอนหายไป “เห็นแก่ที่เจ้าพยายามช่วยข้าค้นหาสมบัติล้ำค่า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าติดตามไปด้วยก็ได้ แต่เจ้าห้ามก่อเรื่องให้กับข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่ถ้ำสวินหลงซานที่นี่ เจ้ารู้หรือไม่?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขดตัวเป็นวงกลมที่มือของนาง และในปากก็ส่งเสียงแห่งความดีใจมีความสุขอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงขดตัวเป็นเกลียวที่ข้อมือของกู้ชูหน่วนและนอนหลับไป

เซี่ยวอวี่เซวียนบ่นพึมพำ “สิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นได้ทุกปี โดยเฉพาะในปีนี้ ข้าไม่อยากมีปัญหากับงูตัวใหญ่ตัวนี้และเห็นว่าข้าควรจะอยู่ห่างมันไว้จะดีเสียกว่า”

ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากที่นี่เพื่อตามล่าขุมทรัพย์ต่อไปนั้น กลับพบเจอเข้ากับท่านเจ๋ออ๋องและนักเรียนที่สำนักศึกษาหลวงจำนวนหนึ่ง

ท่านเจ๋ออ๋องมีใบหน้าที่มีความสุขและอารมณ์ดี เขาต้องการหาสมบัติล้ำค่ามากมายในถ้ำสวินหลงซานแห่งนี้

ในมือของพวกเขาต่างมีกล่องหีบหรือไม่ก็กระสอบป่าน มีเพียงนางและเซี่ยวอวี่เซวียนเท่านั้นที่ในมือว่างเปล่า

นักเรียนจำนวนนั้นต่างพากันหัวเราะคิกคัก

“ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงยังไม่ได้ล่าขุมทรัพย์เลยกระมัง คงทำได้เพียงขุดดอกไม้ต้นหญ้าก็เท่านั้นกระมัง?”

“ดูจากท่าทางของพวกเขาก็รู้แล้ว ถึงแม้ว่าในถ้ำสวินหลงซานจะมีขุมทรัพย์เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะมีทุกที่ หากต้องการล่าขุมทรัพย์ละก็ ยังต้องดูด้วยว่าเป็นใคร เช่นท่านเจ๋ออ๋อง เขาเป็นคนดวงดีมาก เพราะได้หาสมบัติเจอแล้วถึงสามชิ้นด้วยกัน และหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่าอันดับที่สองอีกต่างหาก”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่อยู่บนข้อมือของกู้ชูหน่วนขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นมันจึงโผล่หัวที่มีขนาดพอๆ กับตะเกียบออกมาจ้องมองนักเรียนเหล่านั้น และดูท่าราวกับจะกัดกินพวกเขาได้ทุกเมื่อ

กู้ชูหน่วนลูบหัวของมันเพื่อให้มันนอนหลับต่อไป

เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวขึ้น “ก็แต่สมบัติล้ำค่าอันดับที่สอง มีอะไรให้น่าโอ้อวดอย่างนั้นหรือ”

พวกเขาไม่เพียงแค่หาเกล็ดหิมะพันปีเจอเท่านั้น แต่พวกเขายังหาแกนผนึกแก้วเจ็ดสีซึ่งมีอายุนับหมื่นปีเจออีกด้วย อีกทั้งไม่ได้มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ของสองสิ่งนี้ไม่ว่าสิ่งไหนก็มีค่ามากกว่าอันดับสองเสียอีก

“พูดราวกับพวกเจ้าหาขุมทรัพย์สมบัติล้ำค่าอันดับสองเจอเป็นจำนวนมาก” หนึ่งในนักเรียนกลุ่มนั้นพูดเชิงเยาะเย้ย

นักเรียนอีกคนหนึ่งพูดประชดประชัน “พวกเขาหาขุมทรัพย์สมบัติล้ำค่าอันดับสองเจอตั้งมากมายแล้ว หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยยังคงขุดต้นไม้ใบหญ้าอยู่อีกไม่ใช่หรือ? ขุดไปไม่รู้กี่กระสอบแล้วด้วยสิ ฮ่าๆ……หรือในใจของพวกเขา ดอกหญ้าต่างๆ ก็คือขุมทรัพย์ล้ำค่า”

กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจและเบื่อหน่ายที่จะพูดอะไรกับคนเหล่านี้มากนัก

“ประเดี๋ยวเดียวก็มืดลงแล้ว เสี่ยวเซวียนเซวียนไปหาของป่ากินกันเถอะ วันนี้เรามาย่างสัตว์ป่ากินกัน”

เมื่อได้ยินเรื่องกิน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นทันที และไม่แม้แต่จะรู้สึกง่วงซึมเลยสักนิด

“ได้สิ” เซี่ยวอวี่เซวียนจ้องมองไปที่คนเหล่านั้นด้วยความไม่สบอารมณ์นัก โดยเฉพาะท่านเจ๋ออ๋องที่ไม่ปริปากพูดอะไร จากนั้นจึงหันหน้าเดินไปหาของป่า

กู้ชูหน่วนนั่งพิงต้นไม้ใหญ่และร้องเพลงเบาๆ นางเสริมขึ้นมาว่า “เรียกหลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยไปด้วยล่ะ หามาให้ได้เยอะๆ นะ วันนี้ข้ารู้สึกหิวมาก”

“รู้แล้ว”

เมื่อเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ ที่ทำงานหนักมาเป็นเวลานาน พวกเขาจึงหาที่สบายๆ เพื่อนั่งลงใกล้ๆ และวางแผนที่จะพักผ่อนสักครึ่งคืน

ครึ่งคืนที่พวกเขาเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนและหลิ่วเย่ว์ รวมไปถึงคนอื่นล่าหมูป่าตัวแล้วตัวเล่า และหามเข้าไปไม่หยุด เสียงก่อไฟและกลิ่นหอมก็ลอยมาคละคลุ้งไม่หยุด

จากการคาดการณ์ประเมินคร่าวๆ นั้น มีหมูอย่างน้อยสิบกว่าตัว และมีกระต่ายอย่างน้อยยี่สิบกว่าตัว

นี่……

พวกเขามีกันแค่สี่คนไม่ใช่หรือ?

เยอะมากมายเช่นนั้นจะกินหมดได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าหลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยออกไปล่าสัตว์อีกครั้งด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ทำให้พวกเขาเริ่มอยู่ไม่ติดเสียแล้ว