บทที่ 371 : ล้างบางเมืองจิงฉู (20) – นักกฏหมายสาว!

ยังไม่ถึงห้านาทีเต็มด้วยซ้ำไป บ้านสวยหลังใหญ่ทั้งหลังก็พังทลายครืนลงไปในพริบตา!

ฝุ่นจากเศษดินและปูนฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตาพร่ามัวมองและมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่บ้านทั้งหลังจะถล่มลงมา แต่เมื่อทุกคนลืมตาขึ้น บ้านทั้งหลังก็เหลือเพียงซากปรักหักพังแล้วเท่านั้น!

“โอ้แม่เจ้า! นี่หลิงหยุนสามารถทุบบ้านทั้งหลังทิ้งได้จริงๆด้วย?! มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

“ถึงคราวมัจจุราชถังต้องเป็นฝ่ายทุกข์ระทมบ้างสินะ! แถวนี้เป็นชานเมืองก็จริง แต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ต่ำๆก็ต้องห้าล้าน..”

“มันไม่ใช่แค่ตัวบ้านนะ.. ใหนจะของในบ้านอีกล่ะ ได้ข่าวว่ามันใช้เงินตกแต่งไปมากโขเชียวล่ะ..”

“ว่าแต่หลิงหยุนไปเอาเรี่ยวแรงมาจากใหนกัน ฉันนึกว่าจะใช้ระเบิดซะอีก? จากเสียงที่ได้ยิน.. คล้ายๆกับว่าเขาใช้ของแข็งทุบกับผนังตึก..”

ลูกน้องที่เตาฉีส่งมาช่วยหลิงหยุนนั้น เมื่อเห็นหลิงหยุนจัดการทุบทำลายบ้านของเถียนป๋อเตาเพียงคนเดียว และไม่มีเครื่องมือในการรื้อถอนแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ละคนก็ถึงกับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!

เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน ในใจต่างก็คิดว่าหลิงหยุนช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะบุกไปทำลายสำนักงานรื้อถอน นี่กลับมาทุบบ้านของเถียนป๋อเตาทิ้งอีกหลัง!

แม้แต่เหล่ากุ่ยที่ซ่อนตัวอยู่และคอยแอบดูอยู่ห่างๆ ยังถึงกับหน้าเหยเกด้วยความตกใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ

“นี่นายน้อยใช้มือเปล่าทำลายบ้านทั้งหลังได้จริงๆเหรอนี่.. นี่มันช่าง..”

เถียนป๋อเตาที่ถูกลูกน้องของเตาฉีคุมตัวไว้ในเวลานี้ ได้แต่จ้องมองบ้านที่เป็นเสมือนฮาเร็มของตนเองถูกหลิงหยุนทุบทิ้งต่อหน้าต่อตา จึงไม่ต้องพูดถึงว่าจะตกใจและทุกข์ใจแสนสาหัสเพียงใด!

ตอนนี้เถียนป๋อเตามีคดีฉาวโฉ่เรื่องผู้หญิง เขารู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรหน้าที่การงานของตัวเองคงต้องถึงคราววิบัติแล้วอย่างแน่นอน รวมถึงอำนาจบารมีและคอนเน็คชั่นต่างๆที่เคยมี ก็คงต้องเป็นอันสิ้นสุดลงไปด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้น เถียนป๋อเตาก็รู้ดีว่าบทลงโทษที่เขาจะได้รับก็คงไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านี้ คงจะมีเพียงแค่เรื่องของการสูญเสียตำแหน่งและอำนาจบารมีเท่านั้น

แต่ถึงแม้เขาต้องถูกให้ออกจากราชการ แต่ก็ยังมีเงินทอง มีบ้าน และยังคงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายๆไปวันๆ ส่วนเรื่องธุรกิจนั้น ก็ยังพอที่จะพึ่งพาเพื่อนฝูงได้บ้าง

แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับทำลายบ้านของเขาจนไม่เหลือซาก บ้านหลังนี้เขาใช้เงินลงทุนไปทั้งหมดเจ็ดล้าน แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกเสียใจได้อย่างไรกัน?!

ตอนนี้เถียนป๋อเตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!

เพราะหลิงหยุนมีเพียงแค่มือเปล่า ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกคนต่างก็เห็นกับตา แต่กลับสามารถทำให้บ้านหลังใหญ่แข็งแรงขนาดนี้ถล่มทลายลงได้เพียงในเวลาสั้นๆ เขาทำได้อย่างไรกัน?!

แล้วเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั่นเกิดจากอะไรกันแน่?!

เถียนป๋อเตาได้แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาที่แส่หาเรื่องเอง?! แม้แต่เตาฉีที่ว่าเก่งกาจก็ยังถูกหลิงหยุนจัดการจนอยู่หมัด ตอนนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าต่อตำรวจหลายนาย แต่หลิงหยุนยังกล้าทุบทำลายบ้านของเขาอย่างไม่แยแส และไม่มีความเกรงกลัว?!

เมื่อครู่เถียนป๋อเตาได้ยินเต็มสองหูว่า เตาฉีส่งลูกน้องมาช่วยหลิงหยุน เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายหลิงหยุน ไม่รู้ว่าหลิงหยุนไปทำยังไง เตาฉีถึงได้เปลี่ยนไปอยู่ข้างหลิงหยุนและยอมที่จะเป็นปฏิปักษ์กับเขา?

แล้วนี่หลิงหยุนทำอะไรกับเขากันแน่ ตอนนี้เขาถึงขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลย?!

เมื่อคิดได้เช่นนี้.. เถียนป๋อเตาก็ได้แต่รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาทันที เขาไม่น่าเข้าไปยุ่งกับหลิงหยุนอีก..

หลิงหยุนปัดฝุ่นที่มือและตามร่างกายออกจนหมด ก่อนจะเดินแสยะยิ้มเข้าไปหาเถียนป๋อเตา และก้มลงไปคุยกับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“คนแซ่เถียน.. วันที่แกพาคนไปรื้อบ้านของฉันทิ้ง คงจะนึกไม่ถึงล่ะสิว่าตัวเองจะมีวันนี้!”

“ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าห้ามมายุ่งกับครอบครัวของฉันอีก ความจริงหลังจากคืนนั้นฉันก็ไม่เคยคิดที่จะกลับไปหาเรื่องแกอีกเลย แต่เป็นแกเองที่จองล้างจองผลาญครอบครัวของฉันไม่เลิก ต้องโทษที่แกแส่หาเรื่องเอง!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออกพร้อมกับพูดยิ้มๆว่า “ยังมีอีสองหลังสินะ!”

ในเมื่อหลิงหยุนพูดไว้แล้วว่าเขาจะทุบทิ้งทั้งสามหลัง เขาก็ต้องทุบทิ้งทั้งสามหลังตามที่พูดไว้ โดยนิสัยของหลิงหยุนนั้น เขาเป็นคนที่เมื่อเดินหน้าทำสิ่งใดแล้ว จะไม่ล้มเลิกกลางคัน อีกทั้งเขาต้องการประกาศก้องให้คนทั้งเมืองจิงฉูได้รู้ว่า คนอย่างหลิงหยุน.. ไม่ใช่ว่าใครก็ไม่สามารถรังแกได้ง่ายๆ!

แต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ว่องไวเช่นกัน หนึ่งในนั้นรีบร้องห้ามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหลิงหยุนหันไปมองบ้านที่เหลืออีกสองหลัง

“หลิงหยุน.. คุณทำเรื่องผิดกฎหมาย! ทางเราคงต้องจับกุมคุณไว้ก่อน กรุณาตามเราไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำด้วย!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พูดออกมานั้น ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถปกปิดสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวได้ในระหว่างที่พูดกับหลิงหยุน

หลิงหยุนหันไปมองอย่างสนอกสนใจ แต่จู่ๆก็อ้าปากหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นว่า

“ผิดกฏหมายงั้นเหรอ?! ถ้างั้นคุณตำรวจก็ช่วยตอบคำถามของผมหน่อยสิ.. บ้านของผมถูกเถียนป๋อเตาและบริษัทรับเหมารื้อถอนโดยที่ทางผมเองก็ไม่ได้ยินยอม  พวกเขาทำผิดกฏหมายหรือไม่? แล้วถ้าผิด.. ทำไมตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางเฉยไม่จับกุมตัวพวกเขาล่ะ?”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น..”

คำถามของหลิงหยุนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นถึงกับอึ้งไป และไม่สามารถโต้แย้งได้

นั่นเพราะคำพูดของหลิงหยุนล้วนถูกต้องทุกประการ ในวันพฤหัสบดี.. เถียนป๋อเตานำคนไปรื้อบ้านหลิงหยุนจริง พวกเขาต่างก็รู้แก่ใจดี แต่ก็แสร้งทำหูหนวกตาบอดในเวลานั้น และทำราวกับว่าสิ่งที่เถียนป๋อเตาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..

ดังนั้น.. เมื่อถูกหลิงหยุนตั้งคำถามตรงๆต่อหน้าผู้คนมากมาย ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเช่นกัน?!

“เอ่อ.. เรื่องนั้น.. เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเร่งเพื่อให้งานรื้อถอนเสร็จเร็ว อีกอย่างก็เหลือแค่ชุมชนของคุณอีกชุมชนเดียว แต่ถ้าคุณคิดว่าเกิดปัญหาและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องจัดการด้วยวิธีที่ถูกกฎหมาย สังคมของเราเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข..”

ผู้กำกับคิดหาคำตอบอยู่นาน แต่ก็คิดหาเหตุผลที่ดีไม่ได้ จึงต้องตอบกลับไปเช่นนั้น

หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับโต้กลับไปว่า “เพื่อให้ภารกิจเสร็จสิ้นโดยเร็วงั้นเหรอ? แต่เคยคิดบ้างไม๊ว่าหลังจากนั้นครอบครัวของผมทั้งสามชีวิตจะไปอยู่ที่ใหน? พวกเขาไม่เคยถามเราด้วยซ้ำไป แล้วใหนล่ะสัญญาและข้อตกลง? ถ้ามีก็ไปเอาออกมาให้ผมดูหน่อย..”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น..” คำโต้แย้งของหลิงหยุนทุกคำ ผู้กำกับไม่สามารถตอบโต้กลับได้ จึงได้แต่อึกๆอักๆ

ตอนนี้ผู้คนที่ติดตามหลิงหยุนมาที่นี่ ต่างก็แสดงออกว่าอยู่ข้างหลิงหยุน และสนับสนุนการกระทำของเขา ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่รัฐและทีมรื้อถอน ต่างก็รุมรังแกหลิงหยุนและครอบครัวอย่างไม่เป็นธรรม และไม่มีความยุติธรรมเลยแม้แต่น้อยนิด!

“เอ่อ.. เรื่องนั้น.. แต่ถึงแม้พวกเขาจะทำไม่ถูกก็จริง คุณก็ต้องใช้วิธีที่ถูกกฏหมายแก้ปัญหา อย่างเช่นไปแจ้งความ..”

ผู้กำกับเริ่มรู้สึกเสียหน้ามากขึ้นทุกที แต่ตอนนี้หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงของเมืองจิงฉูกำลังเดินทางมาที่นี่ หน้าที่ของเขาในเวลานี้คือต้องดึงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด..

หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าผู้กำกับกำลังพยายามที่จะยื้อเวลา แต่เขาไม่ได้สนใจ วันนี้ต่อไปให้เป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ เขาก็จะลากลงมาให้ได้!

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “เอาล่ะ.. ขอบคุณมากที่แนะนำให้ผมไปแจ้งความเอาผิดตามกฏหมาย แต่ตอนนี้ผมทุบบ้านของเขาทิ้งไปแล้ว เขาก็ต้องไปแจ้งความเอาผิดผมได้เหมือนกัน แล้วคุณมาบอกผมตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?!”

“จริงด้วย.. รื้อเลย..! รื้อเลย! รื้อเลย!” ผู้คนต่างพากันส่งเสียงเชียร์หลิงหยุน

“ตอนที่พวกเขารื้อทำลายบ้านผม กฎหมายกลับใช้ไม่ได้! แต่พอผมทุบบ้านของเขาทิ้งบ้าง กฎหมายก็ใช้ได้ขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ากฎหมายจะบังคับใช้กับเฉพาะคนบางกลุ่มสินะ..?!”

พูดจบหลิงหยุนก็ยิ้มให้กับผู้กำกับพร้อมกับยกมือชี้ที่หน้าอกตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า..

“เพราะเป็นผม.. คุณถึงไม่กล้าจับกุมตัวสินะ! นี่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ผมว่าคุณคงจะใช้กำลังลากตัวพวกเขาขึ้นรถตำรวจแล้วพาไปที่สถานีแล้วล่ะ..”

“คุณจะมาเสียเวลายกข้อกฏหมายคุยกับพวกเขาอย่างนี้รึ? หรือคุณจะยอมพูดคุยกับชาวบ้านอย่างสงสันติงั้นหรือ? และถ้าผมไปทุบบ้านของคุณตอนนี้ คุณจะยังยืนพูดกับผมแบบที่พูดอยู่นี้ไม๊?”

หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้หน้าผู้กำกับ และชี้กราดไปที่หน้าตำรวจทุกนายที่อยู่บริเวณนั้น แล้วพูดต่อว่า

“พวกคุณตอบผมมาสิ.. ถ้าผมไปทุบบ้านพวกคุณในตอนนี้ พวกคุณจะใช้กำลังกับผมไม๊? หรือพวกคุณยังจะจับเข่าคุยกับผมอย่างสงบสันติ?!”

ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าเป็นใครก็คงทนนิ่งเฉยไม่ได้ หากจู่ๆก็มีคนเข้าไปทุบทำลายบ้านของตัวเอง

แต่ก็มีเสียงตำรวจนายหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาตอบเสียงเบา “แต่บ้านของคุณเก่าซอมซ่อแบบนั้น จะมาทุบบ้านหลังใหญ่โตของคนอื่นแทนได้ยังไงกัน..”

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับโกรธจนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมากึกก้อง..

“นี่น่ะเหรอที่พวกคุณอ้างกฏหมาย? บ้านเก่าๆซ่อมซ่อแล้วยังไง? แต่มันก็คือทรัพย์สินของครอบครัวผม! มันคือทรัพย์สินของครอบครัวผม..!! การที่คุณตำรวจตอบแบบนี้ก็หมายความว่า ถ้าผมมีบ้านหลังใหญ่โตสวยงามกว่าบ้านของคุณ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ทุบบ้านของคุณได้สินะ.. คุณหมายความแบบนี้ใช่ไม๊?”

“พูดได้ดี!”

น้ำเสียงหวานแต่ดังชัดถ้อยชัดคำ ลอยมาจากด้านหลังฝูงชนที่พากันยืนเงียบ หลิงหยุนหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบร่างบอบบางกะทัดรัดของหญิงสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อรัดรูปสีเบจ และกางเกงเซ็กซี่กำลังเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา

หญิงสาวผู้นี้ไม่เพียงมีน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย แต่กลับเป็นสาวน้อยที่มีรูปร่างหน้าตาเซ็กซี่ร้อนแรง หน้าอกใหญ่โตทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลง จนน่ากลัวว่าเสื้อสีเบจตัวเล็กจะไม่สามารถปกปิดไว้ได้ และมองเห็นเป็นร่องลึก

เอวของเธอเล็กคอดและก้นกลมกลึง สัดส่วนระหว่างตะโพกกับเอวนั้นก็สมส่วนน่ามอง ท่อนขาเรียวยาวและสวมรองเท้าส้นสูง ทำให้หญิงสาวผู้นี้สูงจนเกือบเท่าหลิงหยุน

ใบหน้าของเธอนั้นขาวใสบริสุทธิ์ราวกับดอกบัวสีขาวบนเขาเทียนซัน ดวงตากลมโตนั้นทั้งดูมีเสน่ห์และเอาเรื่อง ส่วนริมฝีปากนั้นค่อนข้างอวบอิ่ม ช่างเข้ากับใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางอย่างที่สุด เรียกได้ว่าเย้ายวนและมีเสน่ห์อย่างมาก ไม่ว่าผู้ชายคนใดได้เห็นก็ต้องมองจนเหลียวหลัง

กลิ่นหอมแปลกลอยเข้ากระทบจมูกของหลิงหยุน ทำให้เขารู้สึผ่อนคลายอย่างมาก แต่ก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้..

‘หลงหวู่งั้นรึ?!’

หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าเมื่อหลงหวู่ลบรองพื้นที่หนาเตอะออก เธอจะกลายเป็นหญิงสาวที่สวยงามได้ถึงเพียงนี้ ความสวยของเธอไม่ได้ด้อยกว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาหรือเฉิงเม่ยเฟิงเลย โดยเฉพาะรูปร่างนั้น.. เรียกได้ว่าทั้งสวยและเซ็กซี่กว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเสียอีก

หลิงหยุนตกใจสุดขีด! เพราะหลงหวู่ที่ไร้รองพื้นและแต่งหน้าบางๆนั้น กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เมื่อหลงหวู่เห็นท่าทีที่นิ่งอึ้งไปของหลิงหยุน ในใจก็รู้สึกภูมิอกภูมิใจที่สามารถทำให้หลิงหยุนตกตะลึงได้

แต่เธอกลับไม่หยุดพูดกับหลิงหยุน หลงหวู่เดินเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างหลิงหยุนกับผู้กำกับ และหันไปยิ้มให้กับผู้กำกับและพูดขึ้นว่า

“สวัสดีค่ะ.. ฉันเป็นทนายของหลิงหยุน ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย คุยกับฉันโดยตรงได้ค่ะ!”