เมื่อหลินเฉี่ยนกลับมาถึงปักกิ่ง คนจากกองทัพก็ได้เข้ามาติดต่อเธอ

 

 

“สวัสดีครับ พี่สะใภ้ ผมเป็นนายทหารสื่อสารในสังกัดของหัวหน้า เฉินเหยียน ครับ”

 

 

“เฉินเหยียน บอกฉันมาว่าหลี่จิ่นอยู่ที่ไหนแล้วเขาเป็นยังไงบ้าง” เธอสนใจเพียงแค่เธอจะได้พบหลี่จิ่นเมื่อไร

 

 

“จริงๆ แล้ว มีคนช่วยชีวิตหัวหน้าไว้ได้สักพักแล้วล่ะครับ และหลายคนในกองทัพก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย แต่ที่ไม่มีใครติดต่อตระกูลหลี่ไปก็เพราะว่า…” เฉินเหยียนไม่ได้สูงมากหากแต่รูปร่างใหญ่โตแข็งแรง ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนที่ภักดีและซื่อสัตย์จนสามารถไว้วางใจได้

 

 

“ถ้ามีอะไรอยากพูดก็พูดมาเถอะคะ” หลินเฉี่ยนเตรียมใจสำหรับทุกอย่างไว้เพราะเธอได้คาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ในเมื่อพวกเขาช่วยเขาไว้ได้แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ติดต่อภรรยาของเขาให้รู้

 

 

“เป็นคุณหันที่ช่วยหัวหน้าเอาไว้ครับ ตอนนี้หัวหน้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลของตระกูลหันครับ พวกเขาจงใจปิดบังเรื่องนี้เอาไว้และห้ามไม่ให้ใครบอกคนอื่น ไม่มีใครรู้ว่าคุณหันวางแผนอะไรไว้อยู่ครับ”

 

 

“เธอต้องการจะแทนที่ฉันน่ะสิ” หลินเฉี่ยนเดา “นายรู้หรือเปล่าว่าเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน”

 

 

“รู้ครับ…”

 

 

“โอเค เดี๋ยวฉันจะกลับไปบ้านตระกูลหลี่แล้วหาทางออกเอง” แต่ก่อนหน้านั้นหลินเฉี่ยนจะไปหาถังหนิงก่อน

 

 

จู้ซิงมีเดียเป็นห่วงเธอไม่น้อย เธอจึงควรไปเพื่อคลายความกังวลของพวกเขา

 

 

ไม่นานหลินเฉี่ยนก็มาถึงไฮแอทรีเจนซี แม้ถังหนิงจะรู้แล้วว่าเธอกลับมาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นตัวเธอเป็นๆ ในที่สุดความกังวลของเธอก็จางหายไปได้เสียที

 

 

“เธอทำฉันกลัวแทบตายแน่ะ”

 

 

“ขอโทษค่ะพี่หนิง”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจเธอ” ถังหนิงสูดหายใจลึกก่อนเอ่ยถาม “ฉันได้ยินเรื่องของหลี่จิ่นแล้วนะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ”

 

 

“เขาอยู่กับตระกูลหันค่ะ”

 

 

“คุณหันคนเดียวกับคนที่แกล้งเป็นน้องสาวบุญธรรมของหลี่จิ่นและพยายามปั่นหัวเธอน่ะเหรอ” ถัง

 

 

หนิงย้อนนึกถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำ

 

 

“ค่ะ”

 

 

“เธอยึดตัวสามีของคนอื่นไว้ที่บ้านและไม่ยอมบอกคนอื่น พยายามจะทำอะไรกันแน่” ถังหนิงบ่นงึมงำ “ต่อให้เขาจะอยากแทนที่เธอ จะไม่โดนเยาะเย้ยเพราะทำเรื่องอย่างนี้และสร้างภาพลักษณ์ย่ำแย่ให้ตัวเองหรือยังไงกัน ทำงานในกองทัพก็น่าจะรู้ว่าอะไรจะตามมาจากการทำลายชีวิตแต่งงานของนายทหารสิ ยิ่งเธอท้องอยู่แบบนี้ด้วยแล้ว”

 

 

“ฉันจะกลับบ้านตระกูลหลี่ ไปปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ แล้วดูว่าเราจะพาตัวเขากลับมาได้ยังไงบ้างค่ะ”

 

 

ถังหนิงได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า “ในเมื่อตระกูลหันวางแผนจะยึดตัวเขาไว้ พวกเขาต้องมีข้ออ้างอยู่แล้วล่ะ ถ้าเธอบุ่มบ่ามไปโดยไม่รอบคอบ อาจจะส่งผลเสียกับตัวเธอเอา”

 

 

“แต่ยังไงฉันก็ต้องไปนะคะ เขาเป็นสามีฉัน” หลินเฉี่ยนขมวดคิ้วมุ่น “ฉันไม่สนใจนามสกุลของพวกเขาหรอกค่ะ และก็ไม่กลัวว่าจะพาตัวเองเข้าปากเสือปากมังกรด้วย ฉันแค่ต้องการพาตัวสามีของฉันกลับมาเท่านั้น”

 

 

ถังหนิงพยักนห้าและตบบ่าอีกฝ่าย “นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเธอ ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่ง ฉันจะปล่อยให้เธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วกัน แต่จำเอาไว้นะว่าจู้ซิงมีเดียจะคอยหนุนหลังเธออยู่เสมอ”

 

 

“ขอบคุณนะคะ พี่หนิง” ดวงตาหลินเฉี่ยนพลันแดงก่ำ “คุณเป็นคนเดียวที่อยู่กับฉันในวันที่ยากลำบากเลยค่ะ”

 

 

“อย่าพูดอะไรน้ำเน่าขนาดนั้นสิ รีบไปเอาตัวสามีของเธอกลับมาเร็วเข้า”

 

 

ด้วยการกระตุ้นของถังหนิง หลินเฉี่ยนก็รีบออกจากไฮแอทรีเจนซีก่อนกลับมาที่บ้านตระกูลหลี่ จากนั้นจึงอธิบายเรื่องทุกอย่างให้กับคุณนายและคุณพ่อหลี่

 

 

หลังได้ยินเรื่องราวทั้งหมด คุณพ่อหลี่ก็ตบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว “คนตระกูลนั้นมียางอายบ้างไหมเนี่ย ไม่ใช่แค่จิ่นเอ๋อร์แต่งงานแล้ว ต่อให้เขายังไม่ได้แต่งงานเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ลูกสาวเขายังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ ยังกล้ายึดตัวผู้ชายไว้ที่บ้านอีก ถ้าคนรู้เรื่องนี้เข้า หันเซียวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

 

 

“ตาแก่ เรื่องที่เมื่อก่อนหันเซียวคลั่งไคล้จิ่นเอ๋อร์ ตามหลักการแล้วเราก็ควรขอบคุณตระกูลหันที่ช่วยลูกชายของเราเอาไว้ แต่สิ่งที่พวกเขาทำมันหน้าไม่อายเกินไปแล้ว พวกเขาปิดบังอาการของเขาและที่อยู่ของเขาเป็นความลับจากพ่อแม่เนี่ยนะ”

 

 

“คุณนาย อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปเลย เฉี่ยนเฉี่ยนกับผมจะไปที่บ้านตระกูลหันบ่ายนี้เพื่อเอาตัวจิ่น

 

 

เอ๋อร์กลับมา…ผมคิดว่าตระกูลหันไม่มีสิทธิ์จะกีดกันผมจากลูกชายของผม”

 

 

“ใช่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะเฉี่ยนเฉี่ยน เราจะอยู่คอยช่วยหนูอยู่ตรงนี้เอง” คุณนายหลี่เกลียดผู้หญิงที่สร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่น และยังกล้ามาล่อลวงลูกชายของเธอต่อหน้าต่อตาเธออีก

 

 

ต่อให้เธอสับหันเซียวเป็นชิ้นๆ แค่ไหน ก็ยังไม่สาสมกับความรู้สึกของเธอ

 

 

หลินเฉี่ยนพยักหน้าขณะเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน เพราะเธอกำลังตั้งท้องอยู่จึงเหนื่อยง่ายกว่าปกติ

 

 

“ลูกจ๋า ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะต้องพาพ่อกลับมาให้ได้เลย

 

 

“ถึงเวลานั้นแล้ว อย่าดื้อนะคะ”

 

 

 

 

เมื่อคุณพ่อหลี่รู้ว่าลูกชายตัวเองอยู่ในความคุ้มครองของตระกูลหันและไม่มีใครบอกเขาสักคน เขาจึงบุกเข้าไปที่ฐานทัพในทันที เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงทำเช่นนี้

 

 

ตระกูลหันทำเช่นนี้ได้หน้าตาเฉยได้อย่างไรกัน

 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้ยินเรื่องจากคุณพ่อหลี่ พวกเขาถึงกับอึ้ง ทว่าได้แต่ตอบกลับ “ผู้อาวุโสหลี่ครับ ไม่ว่าพวกเขาจะทำผิดแค่ไหน แต่พวกเขาก็ช่วยชีวิตลูกชายของคุณเอาไว้นะครับ ต่อให้คุณไม่พอใจวิธีการของพวกเขา ก็น่าจะนึกถึงศักดิ์ศรีของทั้งสองตระกูลบ้าง”

 

 

“ทำไมผมต้องสนใจศักดิ์ศรีของใครด้วยในเมื่อผมยังไม่ได้ตัวลูกชายกลับมาเลยด้วยซ้ำ ผมจะกลับบ้านไปรับลูกสะใภ้ของผมเดี๋ยวนี้เลย…”

 

 

ทุกคนต่างรู้กันว่าการกระทำของตระกูลหันนั้นไร้เหตุผล ทว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ช่วยชีวิตหลี่จิ่นและเขาก็ยังไม่ได้สติ หากพวกเขาหุนหันส่งตัวเขาไป คงจะกระทบกระเทือนกับอาการบาดเจ็บของเขา ฝ่ายทหารจึงทำเป็นมองข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นไป น่าเสียดายที่ตระกูลหลี่รู้เรื่องเร็วกว่าที่คิดเอาไว้

 

 

คุณพ่อหลี่โกรธ แค่นึกถึงเขาก็หงุดหงิดใจขึ้นมาแล้ว

 

 

นายพลที่มีอำนาจกว้างขวางจากตระกูลหลี่ไม่สามารถกลับบ้านตัวเองได้เนี่ยนะ!

 

 

คุณพ่อหลี่ไม่อาจทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงไปโรงพยาบาลของตระกูลหลี่พร้อมกับหลินเฉี่ยนทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงก็พบว่าโรงพยาบาลธรรมดาๆ กลับมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา

 

 

ทว่าคุณพ่อหลี่ไม่กลัวเกรง บุกเข้าไปที่โต๊ะรับรองและเอ่ยกับนางพยาบาลที่นั่งอยู่ตรงนั้น “ฉันเป็นพ่อของหลี่จิ่น บอกหันเซียวให้มาพบฉันซะ”

 

 

นางพยาบาลสองคนมองหน้ากัน ไม่อาจต้านทานกับท่าทีน่ายำเกรงของคุณพ่อหลี่ได้ จึงติดต่อไปที่ฝ่ายแผนกผู้ป่วยในทันที

 

 

ไม่นานหันเซียวก็ออกมาทักทายคุณพ่อหลี่ “คุณลุงหลี่คะ คุณมาแล้ว”

 

 

“ถ้าฉันไม่มา ลูกชายของฉันคงได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลเธอแล้วมั้ง” คุณพ่อหลี่ถากถาง

 

 

“คุณลุงคะ ฉันคิดว่าน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยค่ะ ให้ฉันได้อธิบายหน่อยนะคะ” หันเซียวพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่คุณพ่อหลี่ไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ

 

 

“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะมีเหตุผลอะไรหรอกนะ หลี่จิ่นมีภรรยามีพ่อแม่ เขาไม่ควรอยู่ที่นี่”