Ch.183 – สังหารมนุษย์กลายพันธุ์

Provider : Muntra

 

 

ลง 3 ตอน 183 184 185

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.183 – สังหารมนุษย์กลายพันธุ์

 

“ถูกผสานยีนเข้ากับหมู? ที่ผ่านๆมาคงลำบากใจน่าดูเลยสินะเวลาแปลงร่าง” ฉินเฟิงเอ่ยเย้ยหยัน

 

“หุบปาก!” ได้ยินคำเหน็บแนมของฉินเฟิง อีกฝ่ายก็กลายเป็นโกรธเกรี้ยวทันที เขาจะไม่สนใจคำพูดเหล่านี้ได้อย่างไร? แต่การผสานยีนน่ะ ไม่ใช่หยิบแบบสุ่มๆมาแล้วจะสามารถทำได้ มันต้องมีการจับคู่ที่เข้ากันในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาได้แต่ทำใจยอมรับรูปลักษณ์ในปัจจุบัน

 

“คอยดูเถอะ แกเหยียดฉันได้แค่ตอนนี้แหละ เจ้าคนโง่เง่าไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของยีน หลังจากนี้ไป ฉันก็จะยิ่งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยยีนที่แกดูถูก แต่น่าเสียดาย ที่แกคงอยู่ไม่ถึงวันนั้น เพราะฉันจะเป็นคนฆ่าแกที่นี่ แล้วสุดท้ายศพแกก็จะถูกปู้ยี้ปู้ยำ มีค่าแค่ในฐานะเซลล์ที่ถูกขึ้นเขียงทดลอง!”

 

อันที่จริงหากฉินเฟิงยอมรับการฉีดยีนกลายพันธุ์ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เจ้าตัวจะต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน

 

และหากกรณีที่ว่าเกิดขึ้น โชคชะตาของเขาคงกลายเป็นไร้คู่เปรียบ ใครมาขวางคงถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ ตรงกันข้ามอาจเป็นฝ่ายอื่นเสนอตัวแก้แค้นให้เขาด้วยซ้ำ

 

เพราะนี่คือยุคที่ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพและประจบประแจง

 

อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่าฉินเฟิงต้องการได้รับยีนกลายพันธุ์หรือไม่ คำตอบคือ เขายอมตายซะดีกว่า!

 

เนื่องจากเมื่อยีนได้รับการดัดแปลงอย่างต่อเนื่อง รูปลักษณ์ของคนที่ถูกฉีดจะเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่นกลายเป็นมนุษย์หมูเหมือนศัตรูตรงหน้า ไหนจะสติปัญญาที่ลดหลั่นลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ตอนแรกเป็นสีแดงเลือด ปัจจุบันค่อยๆกลายเป็นสีดำ

 

เขาค่อยๆสูญเสียจิตสำนึก หลงเหลือเพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้

 

“โฮกกก!”

 

มนุษย์กลายพันธุ์หมูเกรี้ยวกราด หนึ่งหมัดซัดออก บังเกิดเสียงสนั่นดั่งฟ้าร้อง แรงกดดันจากทั้งร่างกายปะทุขึ้นอย่างกระทันหัน นำมาซึ่งพลังมหาศาล

 

เปรี้ยง!

 

ราวกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ส่งผลสะท้อนตามมา

 

ฉินเฟิงเอี้ยวหลบ ยกกำปั้นขึ้น ระเบิดมันสวนกลับใส่มนุษย์กลายพันธุ์

 

ตูม!

 

หมัดนี้กระทุ้งเข้าใส่ท้องมนุษย์กลายพันธุ์โดยตรง ภายใต้เสื้อผ้าที่ฉีกขาด สามารถมองเห็นระลอกคลื่นที่กระเพื่อมไหวบนผิวหนังได้อย่างชัดเจน แม้หนังของมนุษย์กลายพันธุ์หมูจะทนทาน แต่ปัจจุบันมันเริ่มฉีกขาวจนเห็นเนื้อสดๆ

 

ตูม!

 

อีกหนึ่งกำปั้นซัดออก!

 

ตูม ตูม ตูม!

 

มนุษย์กลายพันธุ์หมูที่ตอนแรกไม่แยแสสิ่งใด ปากที่เคยเปล่งเสียงคำรามดุร้าย บัดนี้เริ่มส่งเสียงกรีดร้อง มันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสบนผิวหนัง แต่ละหมัดช่างบาดลึก บดขยี้ลำไส้ตน ราวกับต้องการให้แหลกเป็นชิ้นๆ

 

ความเจ็บปวดนี้ทำให้มันกวัดแกว่งสองแขนอย่างบ้าคลั่ง พยายามต่อสู้ขัดขืน

 

ฉินเฟิงหลบเลี่ยงการโจมตีของมนุษย์กลายพันธุ์หมูอย่างราบรื่น ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังฉวยโอกาสรุก กดดันอีกฝ่ายอย่างหนัก กระทุ้งหมัดใส่ต่อเนื่อง บีบบังคับอีกฝ่ายล่าถอยจนแผ่นหลังติดผนัง

 

หมัดแล้วหมัดเล่าซัดเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ผลกระทบจากมันทำเอาผนังเริ่มเกิดรอยบุ๋มขนาดใหญ่

 

ฉินเฟิงคว้าผมของอีกฝ่าย ฉุดลากร่างกายอันใหญ่โตที่บัดนี้อยู่ในสภาพคล้ายกำลังถูกยัดเข้าไปในกระป๋อง ร่างที่มีน้ำหนักอย่างน้อย 400 จิน ราวกับเก็บตุ๊กตาพังๆในมือของเขา

 

โครม!

 

ฉินเฟิงสะบัดหน้าศัตรูกลับไปยังฝั่งกำแพง กดเอาศีรษะมนุษย์กลายพันธุ์หมูกระแทกเข้าใส่รอยบุ๋มนั่นอีกครั้ง ยื่นเท้าออกไป แล้วกระทืบซ้ำลงบนแผ่นหลังของศัตรู

 

กร๊อบ!

 

ได้ยินถึงเสียงกระดูกหักดังลั่น

 

มนุษย์กลายพันธุ์หมูเปล่งเสียงกรีดร้องน่าสงสาร

 

การต่อสู้ดำเนินไปไม่ถึง 5 นาที มนุษย์กลายพันธุ์หมูก็ถูกกำจัด กลายเป็นเศษเนื้อไปโดยฉินเฟิง

 

หากจะให้บอกบรรยายสักนิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของราชันย์เลเวล F คนนี้แล้วล่ะก็ คงจะเป็นคำว่า ‘อ่อนแอเกินไป!’ อย่างไรซะเขาก็เป็นแค่ราชันย์ปลอมๆ

 

ในขณะที่พลังรบของฉินเฟิง อยู่ในระดับราชันย์ที่แท้จริง เป็นราชันย์สัตว์ร้ายในร่างมนุษย์!

 

ศาสตราจารย์หวางที่กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ ระเบิดเสียงสบถด้วยความโกรธทันที

 

“ไอ้ตัวไร้สมอง แค่จับเขามาให้ฉันก็ยังทำไม่ได้ โง่สมกับยีนส์ที่ได้รับไปจริงๆ!”

 

ภายใต้เสียงสบถโวยวายของศาสตราจารย์หวาง นักสู้คนอื่นๆเริ่มฉีดยา รูปลักษณ์ปรับเปลี่ยนแตกต่างกันออกไป

 

ฉินเฟิงที่ยืนอยู่กลางระเบียงทางเดิน เฝ้ามองร่างกายของเหล่าศัตรูเกิดการเปลี่ยนแปลง ก้อนเนื้อขยุกขยิกไปมาราวกับปีศาจกำลังเต้นระบำ มนุษย์กลายพันธุ์หลากหลายสายพันธุ์ เผยโฉมออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

มีดกษัตริย์ครามถูกชักออก วาดสะบัดเข้าใส่มนุษย์กลายพันธุ์ที่ดูคล้ายสิงโตเบี้องหน้าเขา

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

ภายใต้เปลวเพลิงที่ลุกโชน มนุษย์กลายพันธุ์ไม่น้อยหน้า ตะปบกรงเล็บสวนกลับไปเช่นกัน ตลอดทั้งแขนของเขามีสภาพไม่แตกต่างไปจากขาหน้าสิงโต ขาหลังเองก็แข็งแกร่งมั่นคง ช่วยส่งแรงปะทะได้เป็นอย่างดี

 

ฉัวะ!

 

ยังไงก็ตาม ใบมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงน่ะคมมาก วินาทีที่ปะทะใส่กันและกัน มันก็สามารถสะบั้นทั้งกรงเล็บและอุ้งเท้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

“อ๊ากกกกก!”

 

มนุษย์กลายพันธุ์สิงโตคำรามโหยหวน เสียงแผดก้องจนเกือบจะก่อตัวเป็นระลอกคลื่นในอากาศ

 

‘คลื่นเสียงโจมตี!’

 

ท่าดังกล่าวนี้ ไม่เพียงเป็นท่าที่มุ่งโจมตีเข้าใส่พลังสมาธิ แต่ยังสามารถทะลุแก้วหู แล้วก่อผลกระทบให้คนที่รับฟังมันเต็มๆให้กลายเป็นอัมพาตได้

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเคยผจญกับเสียงอื๊ออ๊าในค่ายชั่วคราวมาแล้วหลายคืน ฉะนั้นย่อมล่วงรู้ถึงวิธีต้านทานท่าคลื่นเสียงโจมตีนี้เป็นอย่างดี

 

กำลังภายในถูกกระตุ้น ไหลเวียนไปตามร่างกาย ปกคลุมหูทั้งสอง พลังสมาธิเองก็ถูกกระตุ้นในทำนองเดียวกัน พุ่งแทงเข้าใส่สมองของสิงโตกลายพันธุ์สวนกลับไป

 

“โอ —”

 

การโจมตีด้วยคลื่นโซนิคบูมถูกขัดขวางลงอย่างกระทันหัน แม้อีกฝ่ายจะพยายามแหกปากตะโกนออกมาอีกครั้ง แต่เสียงที่เปล่งออกมา กลับหลงเหลือเพียงเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มนุษย์กลายพันธุ์สิงโตยกสองมือขึ้นกุมศีรษะ ร่วงล้มลงกับพื้น

 

แต่เจ้าตัวกลับพบว่าอุ้งเท้าอีกข้างก็ถูกตัดออกไปแล้วเช่นกัน สองคู่กรงเล็บอันแสนภาคภูมิถูกสะบั้นไม่มีหลงเหลือ โลหิตหลั่งริน กระฉุดเข้าใส่ใบหน้าของตัวเอง

 

ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า โฉบไปจัดการมนุษย์กลายพันธุ์อีกคนหนึ่ง สายตาสาดประกายเย็นเยียบ

 

“ท่าร่างภูติพราย!”

 

ฉินเฟิงก้าวฉีกวูบออกจากตำแหน่งเดิม เห็นแค่เพียงแสงสีขาวพุ่งทะลุผ่านตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ กระแทกเข้ากับผนังหนาเบื้องหลัง

 

วินาทีต่อมา ผนังบริเวณนั้นก็พลันปริร้าว แตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผลึกกระจัดกระจาย ระยิบระยับราวกับเพชร

 

“นั่นมันปืนสลายอานุภาค!” แววตาของฉินเฟิงกระพริบไหว

 

ปืนสลายอานุภาค คือการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปืนขนาดเล็ก หากกล่าวถึงอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพแล้วล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงไม่พ้นปืนพลังงาน และปืนสลายอานุภาคนี่แหละ กล่าวได้ว่าหากตัวตนในเลเวล E ถูกปืนสลายอานุภาคยิงเอาระหว่างการต่อสู้ เขาคนนั้นคงพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

เพราะนี่มันแทบจะเทียบเท่าได้เลยกับอาวุธปืนรูนสีเงิน!

 

มนุษย์กลายพันธุ์ที่กุมปืนสลายอานุภาค มีรูปลักษณ์ในส่วนของดวงตาและจมูกที่แตกต่างออกไป ระดับการกลายพันธุ์ของเขาไม่สูงมากนัก ทว่าครอบครองความสามารถในการมองเห็นระดับสูง — เป็นความสามารถของอินทรี

 

ด้วยการกลายพันธุ์นี้ ช่วยให้ระดับการมองเห็นของเขาเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งยังสามารถจำลองแนวโน้มของสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้เล็กน้อย เหมือนเวลาอินทรีล่าเหยื่อ แต่ฉินเฟิงกลับสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่าร่างของก้าวแห่งหมอก!

 

ฉะนั้นพลังสมาธิที่แข็งแกร่งกับสายตาอันแหลมคมเพียงสองอย่าง มันจะสามารถต่อกรกับสิ่งที่เรียกว่า ‘รูน’ ได้จริงๆน่ะหรือ?

 

ยุคสมัยนี้น่ะ การที่ผู้ใช้อบิลิตี้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นอาชีพอันดับหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล!

 

“โอบกอดทมิฬ!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกเร่งเร้า รูนมืดเริ่มถูกระดม ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

 

สายตาอินทรีที่แต่เดิมดีกว่าคนทั่วไปถึง 80 เท่า ภายใต้โอบกอดทมิฬที่ฟุ้งไปด้วยรูนมืด กลายเป็นไร้ค่าทันที

 

สิ่งที่ยังถือว่าโชคดีก็คือมนุษย์กลายพันธุ์อินทรียังคงเป็นมือปืน ดังนั้นเพียงเจ้าตัวควบรวมพลังสมาธิให้มั่น ก็สามารถระบุตำแหน่งของฉินเฟิงได้

 

“อยู่ตรงนั้น!” อินทรีตระหนักถึงตำแหน่งของฉินเฟิง แต่แล้ววินาทีต่อมา ขนทั้งร่างกายของเขาพลันลุกชูชัน

 

นั่นเพราะฉินเฟิงที่สมควรอยู่ห่างไปไกล กลับมาปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังเขาอย่างกระทันหัน!

 

“เป็นปืนที่ดีนี่นา”

 

ฉินเฟิงกล่าวเสียงกระซิบ ยามเมื่อเสียงตกลง มือข้างหนึ่งก็ฉกเข้าตะปบใส่ลำคอของมนุษย์กลายพันธุ์อินทรีทันที

 

กริ๊ก!

 

คอที่แสนบอบบางของอินทรีหักลงในคราวเดียว

 

ฉินเฟิงชิงอาวุธปืนจากอีกฝ่ายมาโดยตรง

 

ศพอินทรีร่วงกระแทกกับพื้นดังปุก ความมืดที่ท่วมทับทั้งโถงสลายไป สิงโตกลายพันธุ์ที่ถูกตัดสองมือโดยฉินเฟิง พยายามที่จะวิ่งหลบหนี

 

“ลำแสงแห่งความมืด!”

 

หากปลดปล่อยลำแสงเปลวเพลิงเกรงว่าจะไม่อาจสังหารศัตรูลงได้ในคราวเดียว ทว่าลำแสงแห่งความมืดนั้นแตกต่า่งออกไป

 

เส้นแสงสีดำตกลงกลางหลังของอีกฝ่าย พละกำลังทางกายภาพเริ่มถดถอย เซลล์เริ่มสิ้นอายุขัย บาดแผลที่กำลังฟื้นฟูก็เริ่มเน่าเปื่อย ราวกับระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดที่มีถูกทำลายลง

 

“โฮก … โฮ … ”

 

สิงโตกลายพันธุ์พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ฉินเฟิงยกปืนสลายอานุภาคขึ้น ยิงมันออกไป จบชีวิตของอีกฝ่ายลงโดยตรง

 

ในเวลานี้ ไม่มีใครสามารถหยุดฉินเฟิงได้อีกแล้ว!

 

บุคลากรในบนโถงทางเดินกลายเป็นตื่นตระหนก พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังว่องไวเป็นอย่างมาก มากจนพวกเขาไม่มีเวลาทันได้ซ่อนตัว พอคิดจะวิ่งไปข้างหน้า ก็ถูกดักเอาไว้เสียแล้ว ราวกับเป็ดที่ถูกต้อน ไม่มีหนทางที่จะหลบหนี

 

ฉากนองเลือดบังเกิดขึ้น โลหิตละเลงไปตลอดทั้งโถงทางเดิน

 

ฉินเฟิงราวกับปีศาจร้าย เก็บเกี่ยวชีวิตของผู้คน ไม่ปล่อยให้ใครหลบหนีไปได้แม้แต่คนเดียว