บทที่ 383 กับตงฟางเมิ่ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงก็คือ ภายในอุโมงค์น้ำแข็งที่อยู่ใต้สุสานโบราณมากมายของพรรคสุสานโบราณ ท่ามกลางโลงศพน้ำแข็งที่ทำมาจากน้ำแข็งหมื่นปี คนที่ถูกบรรจุอยู่ในนั้นถึงกับเป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณและเจ้าสำนักฉวนเจินรุ่นที่สอง พวกเขาสองคนรักกันแต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ใน ยามแก่ชราก็ได้ร่วมพูดคุยถึงคุณธรรมและถกกันเรื่องวรยุทธ รู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายจึงคิดทำทุกวิถีทางเพื่อตายไปด้วยกันและถูกฝังร่วมกัน นี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจจริงๆ

ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าบุคคลทั้งสองที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับไท่ซานเป่ยโต้วจะถูกฝังอยู่ด้วยกัน หากไม่ใช่เพราะว่าพรรคสุสานโบราณในตอนนี้เหลือตงฟางเมิ่งเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว และเย่เทียนเฉินพาตงฟางเมิ่งมาที่พรรคสุสานโบราณ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่ เนื่องจากความลับของพรรคสุสานโบราณไม่ใช่อะไรที่พรรควรยุทธโบราณพรรคอื่นๆ จะบุกเข้ามาค้นหาได้ ต่อให้พรรคสุสานโบราณในตอนนี้จะเหลือตงฟางเมิ่งเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวก็ไม่กล้าบุกมา

เพียงแค่ดูจากการที่ตงฟางเมิ่งซึ่งยังฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สำเร็จแต่ก็สามารถต่อสู้กับชิงเฉิงเยว่ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นบุคคลผู้มีพรสวรรค์ทางด้านการฝึกวรยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปีได้จนเกือบจะลากชิงเฉิงเยว่ไปตายด้วยกันได้ เห็นได้ว่าวรยุทธของพรรคสุสานโบราณกว้างขวางลึกซึ้งมาก ไม่ใช่อะไรที่วรยุทธของพรรควรยุทธโบราณทั่วไปจะเทียบได้ ยิ่งไปกว่านั้นกลไกในพรรคสุสานโบราณก็รุนแรงมาก อาจารย์บรรพบุรุษที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพมาโดยตลอด กระทั่งเจ้าอาวาสของวัดเส้าหลินเมื่อ 1000 ปีก่อนก็ยังเคยชื่นชม กล่าวว่าผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมไม่อาจดูถูกได้

“ที่แท้ผู้หญิงยอดเยี่ยมคนนี้ก็ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวไปจนตาย จะอย่างไรในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ได้อยู่กับคนที่ตนรัก บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

เมื่อเย่เทียนเฉินได้เห็นความรักยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตนเองขึ้นมา ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก ผู้หญิงข้างกายเขามีไม่น้อย แต่ผู้หญิงที่รักเขาที่สุดเขากลับไม่ได้รักใคร่หวงแหนมากนัก เย่เทียนเฉินในตอนนั้น เอาแต่ต่อสู้ทั้งวัน เขาต้องปกป้องผู้คน ต้องทะลวงขอบเขตความสามารถของตน มีโอกาสได้อยู่กับผู้หญิงที่ตนรักที่สุดน้อยมาก ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็รู้สึกเสียใจจริงๆ แต่ในดาวสิ้นโลกซึ่งเป็นโลกที่มีความแปลกประหลาดทุกอย่าง เป็นโลกที่คนกิน คนไม่ใช่อะไรที่เขาเลือกได้ นั่นเป็นโลกที่ผู้มีความสามารถเป็นใหญ่ มีเพียงคุณต้องแข็งแกร่งมากพอถึงจะตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ได้

“ไม่มีเจตนาจะรุกราน!” ในขณะที่เย่เทียนเฉินพูดก็วางหยกพกในมือกลับไปในโลงศพน้ำแข็ง เขารู้สึกนับถือผู้หญิงที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคนนี้มาก ไม่อยากดูหมิ่นแม้แต่น้อย

เพียงแต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะอุ้มตงฟางเมิ่งแล้วหมุนตัวเดินจากไปเพื่อหาทางออก พลันนั้นในโลงศพน้ำแข็งเกิดหมอกเย็นขึ้นมา เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว รีบหลบอย่างรวดเร็ว คนทั้งสองที่อยู่ด้านในโลงศพน้ำแข็งเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก ต่อให้ตายไปแล้ว 1000 ปีร่างกายก็ยังไม่เน่าเปลื่อย ในขณะเดียวกันเย่เทียนเฉินก็ยังสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอันแข็งแกร่งในร่างกายของพวกเขาด้วย ยอดเยี่ยมหาได้ยากจริงๆ

แต่หลังจากที่ไอหมอกพุ่งออกมาก็ไม่ได้โจมตีเย่เทียนเฉิน แต่กลายเป็นตัวอักษรแถวหนึ่ง เย่เทียนเฉินอ่านตัวอักษรหลายตัวนั้น อดไม่ได้ที่จะชะงักไป

“ผู้ที่พบศพของพวกเราสองสามีภรรยา ให้โขกศีรษะสามครั้ง มิเช่นนั้นจะต้องถูกแช่แข็งตายอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง!”

เมื่อเย่เทียนเฉินอ่านคำเหล่านี้ออกมาก็ต้องชะงักไป ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ เขาเย่เทียนเฉินไม่เคยคุกเข่าให้ใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องโขกศีรษะเลย ในพจนานุกรมของเขา ลูกผู้ชายต้องยืนเผชิญหน้าความตาย แม้ตายก็ต้องยืน เมื่อเห็นตัวอักษรพวกนี้ในใจก็รู้สึกต่อต้าน แต่เมื่อครู่เขาเพิ่งจะถูกความรักของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณและเจ้าสำนักฉวนเจินรุ่นที่สองทำให้ซาบซึ้งใจ จึงคิดไปถึงคนรักในตอนที่ตนอยู่ดาวสิ้นโลก อารมณ์จึงผันผวนอยู่บ้าง อีกทั้งเดิมทีเย่เทียนเฉินก็นับถือผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณผู้นี้อยู่แล้ว จึงอุ้มตงฟางเมิ่งขึ้น คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วก้มหัวคารวะสามครั้ง

ครืน!

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะคารวะครั้งที่สาม ยังไม่ทันได้ยืนขึ้น ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงน้ำแข็งแตกออก จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าโลงศพน้ำแข็งค่อยๆ ถูกยกขึ้นด้านบน ใต้โลงศพน้ำแข็งมีของสิ่งหนึ่งที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ เมื่อเย่เทียนเฉินคารวะสามครั้งก็คล้ายกับว่าไปถูกกลไกอะไรบางอย่างเข้าพอดีจึงทำให้ของที่อยู่ใต้โลงศพน้ำแข็งถูกผลักขึ้นมาด้านบน มีตัวอักษรแน่นหนา ในตอนที่เย่เทียนเฉินเห็นตัวอักษรสี่ตัวสุดท้ายเขาก็ต้องเบิกตาขว้างด้วยความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองโดยสิ้นเชิง

“คัมภีร์ดรุณีหยก?”

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตกใจ จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า เคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกที่ตนเองตามหาอย่างยากลำบาก เดิมทีคิดว่าต่อให้ผ่านไป 10 วันก็คงยากที่จะหาพบ จะปรากฏขึ้นเช่นนี้ อยู่ภายใต้โลงศพน้ำแข็งที่ฝังร่างของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณไว้ จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่อาจไม่นับถือความร้ายกาจของผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณจริงๆ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงแข็งแกร่งผู้หนึ่ง ต่อให้ตายไปแล้วก็ยังซ่อนเคล็ดวิชาฝึกฝนที่สูงส่งที่สุดของพรรคตัวเองเอาไว้อย่างดี แม้จะมีคนมาพบที่นี่คงไม่ยอมโขกศีรษะอะไรแน่นอน คงเอาแต่ตามหาเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยก หากทำลายโลงน้ำแข็งนี้ไปและไปทำลายกลไกทิ้งก็จะไม่มีวันหาเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในอันลึกล้ำสูงส่งนี้พบไปตลอดชีวิต

หลังจากที่เย่เทียนเฉินอ่านบันทึกที่อยู่ในสลักน้ำแข็งอย่างละเอียดแล้ว พบว่านี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกที่สมบูรณ์ แต่เหมือนกับเป็นบทสรุปทั่วไปของคัมภีร์ดรุณีหยก และเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนส่วนสุดท้ายด้วย

ดูแล้วคงไม่ต่างจากที่จางอีเต๋อคาดเดาในวันนั้น ภายในพรรคสุสานโบราณ ไม่ใช่ว่าลูกศิษย์ทุกคนจะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียง มีเพียงลูกศิษย์ยอดเยี่ยมที่หัวหน้าพรรคในยุคนั้นถูกใจและรับเป็นศิษย์สายตรงเท่านั้น แต่โดยปกติศิษย์สายตรงของหัวหน้าพรรคสุสานโบราณจะมีเพียงผู้เดียว ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์สายตรงคนนี้จะได้รับการสืบทอดวรยุทธของหัวหน้าพรรคสุสานโบราณและได้รับการสืบทอดของคัมภีร์ดรุณีหยก

วันนั้นจางอีเต๋อใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพิเศษสำรวจความทรงจำของตงฟางเมิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลพิเศษอะไร แต่จากการคาดเดาของเขา หลังจากผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีหัวหน้าพรรคคนไหนที่ฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนสมบูรณ์ได้เลย มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือหัวหน้าพรรคเหล่านี้อาจจะไม่รู้วิธีการฝึกฝนขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก นี่จะเป็นเพราะเหตุใดก็ไม่มีใครรู้ ท่าทางส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกไม่เพียงแต่จะต้องให้ชายหญิงมาฝึกฝนร่วมกันง่ายๆ เช่นนั้น แจ่ยังต้องมีปัจจัยอื่นด้วย มิฉะนั้นหลาย 1000 ปีผ่านไป เหตุใดภายในพรรคสุสานโบราณจึงไม่มีใครฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกให้สมบูรณ์ได้

แต่นี่ก็เป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของพรรคสุสานโบราณแล้ว คัมภีร์ดรุณีหยกไม่ผิดไปจากชื่อเสียงนัก หัวหน้าพรรคในประวัติศาสตร์ของพรรคสุสานโบราณเหล่านั้น แม้จะฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ แต่ก็สามารถต่อสู้เพียงลำพังจนร้ายกาจขนาดนั้นได้

ตอนนี้เย่เทียนเฉินหาวิธีการฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกพบภายใต้ความบังเอิญและความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด เมื่อก่อนเขาไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจคำพูดที่อยู่ในคัมภีร์ดรุณีหยกเหล่านั้น แต่เย่เทียนเฉินมีส่วนที่เหนือผู้อื่นอยู่ นั่นก็คือเคล็ดวิชาพลังพิเศษของเขา ไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่ง แต่โดยปกติก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเอง ในเคล็ดวิชาเหล่านั้นมีเคล็ดวิชาหนึ่งที่เรียกว่า “หมื่นวิชา” อยู่ นั่นเป็นเคล็ดที่จะช่วยให้เลียนแบบเคล็ดวิชาทุกอย่างได้ พลังอำนาจไม่น้อยกว่ากันมาก ในตอนที่เขาฆ่าเฉินฮุยของพรรคท่องกระบี่เขาก็ใช้ฝ่ามือสะท้านฟ้าของชิงเฉิงเยว่ นั่นเป็นเพียงการเลียนแบบเท่านั้น แต่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้เฉินฮุยตายได้ เห็นได้ถึงพลังของมัน

วางตงฟางเมิ่งลงฝั่งตรงข้าม เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิแล้วจัดท่าให้ตงฟางเมิ่งนั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับตน มองตงฟางเมิ่งที่ยังคงสลบไสลแล้วพูดว่า “สิ่งที่ฉันควรทำก็ทำไปแล้ว ถือว่าทำสุดความสามารถแล้ว จะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ก็ต้องดูตัวตัวเองแล้ว!”

พูดจบเย่เทียนเฉินก็ยืดตัวขึ้น มือขวาทาบลงไปบริเวณหน้าอกของตงฟางเมิ่ง นี่เป็นวิธีที่จางอีเต๋อบอกเขามา เมื่อพบการฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณียกแล้วให้ใส่พลังต้นกำเนิดเข้าไปในตำแหน่งหัวใจของตงฟางเมิ่ง ทำเช่นนั้นก็จะทำให้เธอได้สติขึ้นมาโดยพลัน ในขณะเดียวกันก็ให้เริ่มฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกทันที บางทีอาจจะรักษาชีวิตตงฟางเมิ่งเอาไว้ได้

เย่เทียนเฉินนำพลังต้นกำเนิดของตนใส่เข้าไปในร่างกายของตงฟางเมิ่ง ในตอนนี้เองตงฟางเมิ่งก็ลืมตาตื่น ในตอนที่เธอเห็นว่ามือขวาของเย่เทียนเฉินวางอยู่บนหน้าอกของตนก็ต้องขมวดคิ้ว เตรียมจะลงเมืองกับเย่เทียนเฉินทันที

“รักษาชีวิตตัวเองให้ได้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ ฉันพยายามเต็มที่แล้ว ส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกอยู่นี่ เธอฝึกฝนเอาเองแล้วกัน ฉันไปก่อนล่ะ!” เย่เทียนเฉินพูดกับตงฟางเมิ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ตงฟางเมิ่งก็ขมวดคิ้ว เธอเองก็สัมผัสได้ว่าสภาพร่างกายของเธอไม่สู้ดี ลมปราณคัมภีร์ดรุณีหยกที่เธอฝึกฝนแตกซ่านไปทั่วทั้งเลือดเนื้อและกระดูก หากไม่รวบรวมมันเข้าด้วยกัน เธอจะต้องตัวระเบิดตายเพราะพลังภายในของตัวเองแน่นอน

ตอนนี้ตงฟางเมิ่งไม่ลังเลอีกต่อไป ใช้ดวงตางดงามจ้องไปที่เย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วจึงมองไปยังวิธีการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายบนสลักน้ำแข็งด้านข้าง เริ่มต้นฝึกฝน

ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินก็เตรียมที่จะเลื่อนมือขวาออก ทันใดนั้นร่างกายของตงฟางเมิ่งกลับเปล่งประกายอ่อนโยนออกมา ครอบคลุมเขาและตงฟางเมิ่งเอาไว้ด้วยกัน ตงฟางเมิ่งรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันพลังอันแปลกประหลาดสายหนึ่งก็ดึงดูดตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉินเข้าด้วยกัน ไม่ว่าพวกเขาสองคนจะดิ้นอย่างไรหรือต่อต้านอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เย่เทียนเฉินใช้พลังต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพลังอันแปลกประหลาดนั้นไปได้

ดิ้นรน โอบกอด จูบ จนสุดท้ายก็ไม่อาจต่อต้าน ทั้งสองอยู่ด้วยกัน จากตอนแรกที่ถูกบีบบังคับ สุดท้ายทั้งสองก็ถูกพลังกระตุ้นทำให้เกิดความปรารถนาอาบย้อม เกิดความรู้สึกรักใคร่ปราถนาอยู่ลึกลึก ทั้งสองรับรู้ได้ถึงความสุขเช่นนั้น

โดยเฉพาะเย่เทียนเฉินที่ไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานาน รู้สึกพึงพอใจมาก ส่วนตงฟางเมิ่งตอนแรกก็ขัดขืนและรู้สึกต่อต้าน ล้วนเป็นผู้ถูกกระทำ จนกระทั่งหลายชั่วโมงผ่านไป เย่เทียนเฉินยังคงมีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งกว่า จนกระทั่งมีความรู้สึกเล็กน้อย สุดท้ายก็กลายเป็นความปีติยินดี ทั้งสองมีความสุขประดุจได้ขึ้นสวรรค์

……………