ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 262

ฮูหยินหลิงหลงกับหลิวซื่อคุกเข่าอยู่ที่พื้น ตัวสั่น ใบหน้าของหลิวซื่อซีดขาว สมองว่างเปล่า

เฉินเอ้อร์ได้ถูกลากลงไปแล้ว มหาเสนาบดีเซี่ยสั่งคนให้โบยเขาให้ถึงตาย

ส่วนเซี่ยหว่านเอ๋อถูกฮูถูกหยินผู้เฒ่าคุมขังไว้ตามกฎ

“ท่านหมอหลี่ บอกเรื่องที่ท่านรู้ทั้งหมดออกมา ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบาก” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ มองไปยังหมอหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ

หมอหลี่พูดตามความจริง “ฮูหยินผู้เฒ่า ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบหกปีที่แล้ว ข้าได้ตรวจชีพจรให้ฮูหยินหลิงหลง แต่ว่าในตอนนั้นนางให้ข้าใช้ยาขับเลือดกับนาง และให้เงินกับข้าสิบตำลึงเงิน เพื่อให้รักษาความลับให้นาง”

มหาเสนาบดีเซี่ยจ้องไปที่ฮูหยินหลิงหลงราวกับเป็นวิญญาณชั่วร้าย คำพูดของหมอหลี่ทำให้ความหวังอันริบหรี่ของเขามลายหายไป

สิบหกปีที่แล้ว แม้ว่านางจะทานยาขับเลือด แต่ว่าทารกในครรภ์ก็ไม่ได้หลุดออก เพราะว่าเวลาประจวบเหมาะพอดี

หลังจากที่นางเข้าจวนไป นางก็คลอดเด็กในเดือนเจ็ด หมอตำแยบอกว่านางคลอดก่อนกำหนด เขาจึงคิดว่ามันเป็นจริง

เมื่อลองคิดย้อนกลับไป เกรงว่านางคงจะติดสินบนหมอตำแยนั่นแล้ว

ใบหน้าแข็งกร้าวดั่งเหล็กของเขาผุดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เขากล่าวกับหมอหลี่ “นางขอให้ท่านสั่งยาขับเลือดให้? เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เด็กทั้งสองคนนี่ ก็ต้องเป็นลูกของข้า”

หมอหลี่มองเขาราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง!

เขาส่งหมอออกไป “หยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้หมอหลี่ หมอหลี่รับไปและตกตะลึง หนึ่งร้อยตำลึง?”

หมอหลี่กล่าว “นายท่านไม่ต้องไปส่งข้าหรอก ข้ารู้ว่าต้องพูดเช่นไร”

มหาเสนาบดีเซี่ยไม่กล่าวอะไร เพียงยิ้มเล็กน้อยส่งเขาออกไป

หลังจากที่ส่งหมอหลี่ออกไปแล้ว เขามองไปที่เซี่ยเอ้อเย่และพูดอย่างเย็นชาว่า “พาลูกสะใภ้ของเจ้ากลับไป จะจัดการอย่างไรก็เรื่องของท่าน”

เซี่ยเอ้อเย่ที่รอคำพูดเหล่านี้อยู่แล้ว ก็ดึงตัวหลิวซื่อด้วยมือข้างหนึ่งและพูดอย่างเคร่งเครียด “ไป!”

หลิวซื่อไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลย และถูกเขาลากออกนอกประตูไป

มหาเสนาบดีหันกลับมาจ้องมองที่ฮูหยินหลิงหลงด้วยแววตาที่ดุร้ายไม่เปลี่ยน จนฮูหยินหลิงหลงต้องกลืนน้ำลาย “ท่านก็ได้ยินที่หมอพูดแล้วนี่ ใช่ ข้าเคยอยู่กับเฉินเอ้อร์มาก่อน แต่ว่าลูกคนนั้นของข้าก็ไม่ได้คลอดออกมา เพราะได้ทานยาขับเลือดไปแล้ว”

ไม่มีความอบอุ่นอยู่ในน้ำเสียงของมหาเสนาบดีเซี่ยเลยสักนิด และดวงตาของเขายังคงน่ากลัวเช่นเดิม “เจ้าไสหัวออกไปก่อน จะได้ปลอบหว่านเอ๋อ อย่าทำให้นางตกใจ”

เฉินหลิงหลงกลัวเขามาก นางคลานออกมาข้างนอก ใจนางยังคงวิตกกังวลเป็นอย่างมากไม่เปลี่ยน เขาจะเชื่อหรือไม่นะ? เมื่อครู่นี้ที่ให้นางไปปลอบหว่านเอ๋อ งั้นก็แสดงว่าเขายังให้ความสำคัญกับหว่านเอ๋ออยู่

มหาเสนาบดีเซี่ยให้ป้าหลานยู่ออกไป เมื่อประตูปิดลง ก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนแม่ลูกที่อยู่ในห้องนั้น

เขาหยิบท่อยาสูบขึ้นมา เมื่อเติมยาเส้นเข้าไปแล้วก็ยื่นให้ฮูหยินผู้เฒ่า เขาจุดไฟให้ด้วยตัวเอง “ท่านแม่ สูบแล้วดูสักหน่อยเถิด”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองมายังเขา และถอนหายใจยาว นางสูบยาและท่อยาสูบนั้นก็กำลังเผาไหม้เป็นจุดสีแดงเหมือนกับเปลวไฟในตาของนาง

นางพ่นควันออกมาช้า ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เจ้าทำถูกแล้ว ตอนนี้เราไม่มีความหวังอะไรเหลืออีกแล้ว ไม่สำคัญว่าคนนอกจะคาดเดากันว่าอย่างไร แต่พวกเราจำเป็นต้องรับว่าเซี่ยหว่านเอ๋อเป็นลูกสาวของเจ้า ไม่เพียงแต่แค่นั้น แต่ยังต้องทำให้เซี่ยหว่านเอ๋อไม่สงสัยในสถานะของตัวเองด้วย ”

มหาเสนาบดีเซี่ยเดินลากขาไปนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูกลอนบนประตูไม้ กลอนนั้นที่ยาวราวกับว่ามันติดอยู่ที่หน้าอกเขา จนทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

เขาเริ่มหัวเราะและเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงหายใจที่ดังมาจากข่องอก “ในจวนแห่งนี้ มีเพียงเซี่ยจื่ออันเท่านั้นที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของข้า และข้าอยากจะฆ่านางมาโดยตลอด”

ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงสูบยาเส้น นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่ใบหน้าของนางแลดูมืดมนมาก

มหาเสนาบดีเซี่ยยิ้มและมองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเศร้า ๆ “ท่านแม่ คิดว่าข้าทำอะไรผิดหรือไม่? ข้าควรปฏิบัติต่อเซี่ยจื่ออัน…”

เขาพูดไม่ออก นี่อาจจะทำให้เขาดูเป็นคนประหลาด

ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเยาะ “หากครึ่งปีที่แล้ว ทุกอย่างก็อาจเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เซี่ยจื่ออันโกรธเกลียดเจ้ามาก นางจะดีกับเจ้าได้เช่นนั้นเหรอ? ไม่มีทาง นางจะแก้แค้นเจ้า เพราะนางเกลียดเจ้า”