บทที่ 133 ดูฉันขโมยประตู

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 133 ดูฉันขโมยประตู
ขณะที่เฉียวจื่อซานกับไห่เฉิงกำลังสนทนากัน บนเวทีก็มีชายหนุ่มรูปงามที่ชนะติดต่อกันมาแล้ว 13 ครั้ง และกำลังจะคว้าอันดับหนึ่งในการสอบปีใหม่

ชายคนนี้โบกมือให้คนดู เขาดึงดูดเสียงปรบมือดังทันที แววตาของเขาแหลมคม เมื่อเขามองไปยังที่นั่งผู้ชมยังมีความหมายเร้าใจอย่างเห็นได้ชัด

เฉียวจื่อกับซานไห่เฉิงมองหน้ากัน ส่ายหัวด้วยความจนใจ กี่ครั้งแล้วที่พวกเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแค่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่คิดอย่างนั้นแล้ว

…………

เมื่อฟางหนิงตอบกลับอีเมลตกลงที่จะเข้าร่วมการแข่งขันท้าชิงครั้งนี้ อีกฝ่ายก็ส่งกฎการแข่งขันโดยละเอียดรวมถึงสถานที่และเวลาของการแข่งขันมาให้ทันที

หลังจากที่ฟางหนิงอ่านมันแล้ว ก็พบว่ายังไม่ใกล้วันแข่งจึงไม่รีบร้อน

หลังจากถูกระบบรบเร้าเมื่อตอนนั้น เขาก็หยิบ “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” ไปฝึกฝน

พออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ฟางหนิงลองคำนวณดูก็พบว่าเขากำลังเรียนรู้วิชาสามเล่ม

“การเปลี่ยนร่างมังกร” “คัมภีร์โพธิ์” และ “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” ล้วนเป็นความลับสุดยอด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีความสามารถเรียนรู้แก่นแท้เหมือนระบบที่ใช้แค่ประสบการณ์

ตอนนี้ฟางหนิงยังเรียนไม่ถึงแก่นสักวิชา กลับกันเขากำลังพัฒนาไปสู่แนวโน้มแย่ที่สุดของ “เรียนเกินกำลังตัวเอง”…

เขาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าเขาก้าวเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญ สุดท้ายเขาต้องฝึกไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเจตจำนงของเขาไม่แน่วแน่ อ่านหนังสือเล่มนี้ดี เล่มนั้นก็ดี อยากเรียนทั้งคู่ อีกอย่างคนอื่นพูดอะไรก็เรียนตาม…

เขาเรียน “การเปลี่ยนร่างมังกร” ได้แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ประโยชน์มากที่สุดคือการหลบซ่อนตัวตน ส่วน “คัมภีร์โพธิ์” จริงๆ แล้วค่อนข้างยากไปสักหน่อย และต่างจาก “การเปลี่ยนร่างมังกร” ตรงที่แม้ว่าจะมีระบบสอนและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง มีฉบับสมบูรณ์อยู่ตรงหน้า แต่มันยังคงยากมากที่ฟางหนิงจะเรียนเข้าใจ

เมื่อเทียบกับหนังสืออีกสองเล่มแล้ว “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” จะช่วยเพิ่มการสำรองสล็อตพลังปราณ เมื่อเรียนรู้แล้วจะเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบทันที

ตอนนี้สุนัขเหลืองเซวียปาเรียนไปแล้วบางส่วน มันมีหนึ่งสล็อตพลังปราณ ใช้เก็บปราณแท้ส่วนเกินที่ระบบทำฟาร์มมาได้

เมื่อสล็อตพลังปราณของระบบหมดเกลี้ยง ส่วนที่สำรองไว้ก็จะเติมเข้ามาอัตโนมัติ หมายความว่าสล็อตพลังปราณของระบบตอนนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 18 เป็น 19

มันได้ผลดีก็จริง แต่น่าเสียดายที่ฟางหนิงเคยอ่านเจอว่า “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล”กุญแจสำคัญก็คือหากต้องการเรียนพื้นฐานก็ต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์

ไม่มีทาง ทั้งคนทั้งสุนัขจิตใจไม่สงบ ปกติแล้วมักจะดูสารพัดคลิปที่อธิบายไม่ได้

ตอนนี้หลังจากที่ฟางหนิงตั้งใจแล้ว ไม่นานเขาก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ความยากที่เขาต้องเอาชนะนั้นใหญ่กว่าเจ้าหมาดำมาก วิดีโอที่เจ้าหมาดำดูนั้นเทียบไม่ได้กับตัวเขาเองเลย…

วันแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว เจิ้งต้าวซื้อยาคุณภาพสูงจากตลาดภายในของสำนักสัจธรรมตามที่ฟางหนิงสั่ง หากระบบบาดเจ็บอีกครั้งระหว่างการแข่งขันก็นำไปกลั่นยาใช้ได้

เพราะครั้งที่แล้วชื่อที่ขายสมุนไพรเกินจริงถูกเปิดเผย บรรดาผู้แสวงหากำไรจากสำนักสัจธรรมในที่สุดก็ให้ราคาจริง ครั้งนี้พวกเขาจ่ายไปห้าร้อยล้านแล้ว แต่ปริมาณยาสมุนไพรที่ซื้อได้มากกว่าครั้งที่แล้วสิบเท่า

ครั้งที่แล้วเงิน 230 ล้านซื้อได้แค่ยาใส่กระเป๋าเดินทางหนึ่งใบเท่านั้น ครั้งนี้ 500 ล้านซื้อยาได้เท่ากับกระเป๋าเดินทางสิบใบ

เห็นได้ว่าถ้าไม่เข้าใจธุรกิจใดก็ตามมันจะถูกหลอกได้ง่ายทันที โชคดีที่ระบบนั้นแข็งแกร่งมาก มันมองเห็นระดับของจริงได้ถึงได้ทวงคืนความสูญเสียเช่นนี้

หลังจากที่ฟางหนิงมองหนังสือแล้วเขาก็ถอนหายใจ ระบบทำเงินได้จำนวนมาก แต่ถลุงเงินเก่งยิ่งกว่า โดยเฉพาะความต้องการที่สูง ทุกอย่างต้องดีที่สุด ไม่ใช่แค่พอผ่านไปได้ ไม่น่าแปลกใจที่มันมักจะตระหนี่อยู่เสมอ

การเดินทางครั้งนี้ฟางหนิงให้เจิ้งต้าวกับสุนัขสองตัวอยู่บ้าน

เขาเตรียมการเรื่องสำคัญที่สุดก่อนออกเดินทาง นั่นคือเขาสั่งให้หมาดำไป๋หลี่ทำพิธี “อัญเชิญมังกรแห่งจิตวิญญาณ” ทุกแปดโมงเช้า เมื่อทำพิธีเสร็จ ตอนสองทุ่มก็ให้เริ่มต้นใหม่ ทำวนไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะกลับมา…

เจ้าหมาดำไป๋หลี่ตอนแรกฟังดูแล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เมื่อได้ยินท่านเทพมังกรขาวกำชับจริงจังอย่างนี้ มันก็รู้สึกราวกับแบกรับภาระหน้าที่หนักอึ้งไว้บนบ่า มันให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ลืม ท่านเทพสั่งอะไรมันก็ทำตามทุกอย่าง

หลังจากฟางหนิงย้ำแล้วย้ำอีกและเรียกเจิ้งต้าวมากำชับให้ดูแล ในที่สุดเขาก็เรียก “ฟลายอิ้ง” เพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง

หลังจากที่เซวียเฟิงควบคุมความเร็วแล้ว ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายที่เป็นเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก

ตลอดทางเซวียเฟิงไม่ได้ถามอะไรที่ไม่จำเป็น นั่นทำให้ฟางหนิงพอใจมาก

หากแต่เมื่อเซวียเฟิงกลับไปแล้ว ฟางหนิงที่เดินสำรวจรอบเกาะอยู่ครู่หนึ่งกลับรู้สึกแปลกใจ

ที่นี่เหมือนเกาะทั่วไปในมหาสมุทรเขตร้อน เกาะราบเรียบมากมาย มองมุมกว้างแล้วเต็มไปด้วยหาดทราย มีเพียงต้นมะพร้าวที่เติบโตบนหาดทราย เมื่อมองดูแล้วเวิ้งว้างไร้ผู้คน

พวกเขาแจ้งว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นที่นี่ แต่ทำไมถึงไม่มีแม้แต่พนักงานต้อนรับ จะทำยังไงดี

ฟางหนิงดูที่อยู่ในอีเมลและขอให้ระบบยืนยันซ้ำ ก็พบว่าละติจูดและลองจิจูดถูกต้อง

ฟางหนิงไม่เสียเวลาเปลืองสมอง เมื่อถามนักโทษแอนเดอร์สันโดยตรงก็เข้าใจเหตุผลทันที

ที่แท้เวทีการแข่งขันผู้วิเศษแห่งโลกมืดไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่อยู่ในอีกมิติหนึ่งต่างหาก

แม้ว่าที่นั่นจะไม่มีอะไรเติบโตจึงไม่อาจถือเป็นมรดกได้แต่ก็มีค่ามากเช่นกัน อย่างน้อยก็ทำให้ผู้วิเศษได้แสดงฝีมือเต็มที่ โดยไม่ก่อให้เกิดแรงสะเทือนต่อโลกแห่งความเป็นจริง

เรื่องแรกที่ผู้มาเข้าแข่งขันที่นี่ทุกคนต้องทำก็คือหาทางเข้าไปอีกมิติหนึ่ง

เพราะแอนเดอร์สันช่วยโกงไว้ ระบบควบคุมร่างกายอัศวิน A จึงตรงเข้าไปชายหาดแห่งหนึ่งแล้วเตะต้นมะพร้าวเต็มแรง

ต้นมะพร้าวไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ขณะที่อัศวิน A กำลังจะเตะเต็มแรงอีกครั้ง ก็มีเสียงดังขึ้นจากในต้นไม้ทันที

“อย่าเตะสิ มันเจ็บจะตาย แกเป็นผู้ท้าชิงที่สุดยอดจริงๆ หาทางเข้าสนามแข่งขันปีนี้ได้ง่ายมาก เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมากทีเดียว ดูท่าเดี๋ยวจะต้องเปลี่ยนวิธีซ่อนแล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นก็ต้องลองเปลี่ยนร่างเป็นปู…”

หลังจากสิ้นเสียง ต้นไม้ต้นนั้นก็หายวับไป ประตูโค้งขาวมัวปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งเดิมของต้นมะพร้าว

ระบบแจ้งเตือน ‘ระบบค้นพบทางเข้าไปยังมิติอื่น’

ด้วยผลจาก “การอัญเชิญมังกรแห่งจิตวิญญาณ” โดยมีหมาดำคอบทำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ฟางหนิงจึงรู้สึกโล่งใจมาก เขาไม่บ่นอะไรอีก พาอัศวิน A เดินตรงไปที่ซุ้มประตู

หลังจากเดินผ่านประตูโค้งแล้ว ฟางหนิงก็เห็นว่าภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไป ทางเดินสว่างจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า ประตูดำสนิทบานหนึ่งขวางทาง ป้าย “ทางเดินท้าชิง” แขวนอยู่

ตอนนี้เสียงใหม่ดังขึ้นอีกครั้ง “ยินดีต้อนรับท่าน ผู้ท้าชิงระดับอาวุโส ตราบใดที่คุณใช้วิธีใดก็ตามเปิดประตูได้ก็จะมีคุณสมบัติเดินออกจากทางเดินท้าชิงเข้าสู่สนามแข่งขันระดับอาวุโส และรับรางวัลพื้นฐานอย่างหนึ่ง”

ให้ตายเถอะ เล่นแบบนี้อีกแล้ว ฟางหนิงรู้สึกจนใจ ผู้ที่จะปราบเจ้าของตำแหน่งราชาอันดับมืดได้ ยังต้องเล่นเกมทดสอบแบบนี้อีกเหรอ

บางทีพวกเขาอาจกลัวจะมีใครแอบอ้าง แต่กลับไม่กลัวว่าเขาจะไม่พอใจเลยสินะ

ฟางหนิงโบกมือไปมาในพื้นที่ของระบบ “ระบบ ลุยแทนหน่อย ทุบประตูนี้ให้เป็นเสี่ยงๆ แสดงให้พวกที่ซ่อนอยู่ได้ดู!”

เวลานี้กลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดตามที่ฟางหนิงเรียกกำลังกระซิบกระซาบกัน

คนหนึ่งเป็นชายชราผิวขาว อีกคนเป็นชายชราผิวดำ และยังมีชายหนุ่มผิวเหลืองนั่งอยู่ที่หน้าจอกล้องวงจรปิด มองดูอยู่จากเสินโจว

ชายชราผิวขาว “คนที่ยืนหน้าประตูคืออัศวินจากเสินโจวชื่ออัศวิน A เป็นผู้สังหารแอนเดอร์สัน ราชาจากการแข่งครั้งที่แล้ว”

ชายชราผิวดำ “เขาเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ ได้ยินมาว่าเขาแปลงร่างเป็นมังกรได้ เขาจะกลายเป็นมังกรเพลิงเผาประตูไหม

“ประตูใหญ่บานนี้ทำจากหินออบซิเดียน ประกอบกับมีการป้องกันเวทมนตร์หลายอย่าง แถมหัวของผู้แข็งแกร่งที่หาได้ยากยังถูกผนึกไว้เป็นผู้พิทักษ์ พลังโจมตีไม่ถึงระดับหนึ่งยังไม่เพียงพอจะทำลายได้ ตอนที่แอนเดอร์สันมาก็ตัดความคิดทางจิตติดต่อกันห้าครั้งถึงจะเปิดประตูได้”

ชายชราผิวขาว “บ๊อบ เรามาพนันกันไหมว่าอัศวิน A คนนี้จะใช้กี่กระบวนท่าเปิดประตู”

ชายชราผิวดำ “ฉันพนันได้เลยเขาต้องใช้อย่างน้อยสิบกระบวนท่า เขาน่าจะใช้พลังพิเศษถึงฆ่าแอนเดอร์สันได้ แม้ว่าแอนเดอร์สันจะมีความสามารถแข็งแกร่ง แต่เขาเป็นราชาครั้งก่อน ซึ่งนั่นเป็นเกมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

“หลังจากดาวตกเพลิงเดือนกรกฎาคม หลายคนได้ปลุกพลังพิเศษในตัวเอง ผู้แข็งแกร่งบางคนได้ปลุกพลังพิเศษที่พิเศษกว่าใคร ถ้าอัศวิน A คนนี้ได้ปลุกพลังพิเศษบางประเภทที่ไม่กลัวการตัดความคิดทางจิต การฆ่าเขาก็ง่ายเหมือนแค่ดีดนิ้ว พลังที่แท้จริงจะแข็งแกร่งขนาดไหน”

ชายชราผิวขาว “แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น แกโง่เหรอ ไม่รู้รึไงว่าแอนเดอร์สันก็ได้ปลุกพลังพิเศษจิตใจด้วย เขาดูดซับพลังพิเศษจิตใจของคนอื่นเพื่อเสริมความแกร่งพลังวิญญาณ อีกฝ่ายฆ่าแอนเดอร์สันในสภาพนี้ได้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขามีพลังแข็งแกร่ง แน่นอนว่าเก่งที่สุดในโลก พนันได้เลยว่าอย่างมากสุดสามกระบวนท่าก็เปิดประตูได้แล้ว”

ตลอดเวลาที่พวกเขาพูดคุยกัน ชายหนุ่มผิวเหลืองไม่พูดจาอะไรเลย เขาเพียงแค่จ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของอัศวิน A

เวลานี้ หลังจากอัศวิน A เดินเข้าทางเดินท้าชิงแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนำอาหารออกมาจานหนึ่งแล้วเดินไปที่ประตู

พวกเขาทุกคนงุนงงมาก อีกฝ่ายจะทำอะไร หรือว่าต้องกินอิ่มก่อนถึงค่อยพังประตู

แต่วินาทีต่อมาพวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อประตูออบซิเดียนเปิดออกในชั่วอึดใจ

ประตูบานหนึ่งปรากฏใบหน้าขาว เครื่องหน้าคมชัดราวกับแกะสลักจากหินอ่อน จมูกโด่งเป็นสัน เปลือกตานั้นปิดลง เผยอารมณ์พึงพอใจ

“กลิ่นหอมจัง ถึงจะถูกปิดผนึกที่ประตูนี้ และไม่อาจกินอาหารได้อีกต่อไป แต่เพียงแค่ได้กลิ่นก็เพียงพอแล้ว เชิญเข้ามาเถอะ ผู้ท้าชิงระดับอาวุโส ขอบคุณมากที่ท่านมีน้ำใจ ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่งให้…”

คนในห้องกล้องวงจรปิดเข้าใจว่าจบลงตรงนี้แล้ว แต่พวกเขากลับคิดผิด

ทว่าเรื่องราวยังไม่จบลงตรงนี้ ต่อจากนั้นพวกเขาก็เห็นภาพที่น่าตกตะลึงพรึงเพริด

อัศวิน A ฟังใบหน้านั้นพูด แต่ไม่ได้เดินผ่านประตูทันที เขากางสองมือจับประตูทั้งสองบานแล้วกระชากเต็มแรง… จากนั้นประตูสองบานที่ทำจากหินออบซิเดียนร่วงหล่นจากกำแพงสองด้านของทางเดิน หายไปจากสายตาพร้อมกัน

หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว อัศวิน A ก็เดินผ่านทางเดินช้าๆ อย่างภาคภูมิใจ ร่างของเขาหายไปในพริบตา

นี่มันอะไรกัน อัศวิน A “ขโมยประตู” เหรอ

คนในห้องกล้องวงจรปิดหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างพูดไม่ออก

………………………………………………………….