บทที่ 1300 – ปลดปล่อยทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณ

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อตะลึงเมื่อเห็นชิงสุ่ย ก่อนจะถามอย่างสงสัย “มาห้องข้าทำไม? กลับไปห้องเจ้าสิ”

 

ชิงสุ่ยเองก็ตะลึงเช่นกัน “เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า แล้วแปลกรึไงที่ข้าจะมาหาเจ้า?”

 

ในตอนที่เขาพูดจบ ชิงสุ่ยเดินเข้าไปหาเธอและคว้ามือเธอไปนั่งที่เก้าอี้

 

“เจ้าห้ามทำอะไรเด็ดขาด..” อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดเบาๆ

 

ชิงสุ่ยจึงพูดหยอกเธอ “ผู้หญิงที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์อย่างเจ้าก็มีความคิดอย่างว่าในหัวเช่นกันรึ ข้าแค่มาพูดคุยกับเจ้าก็เท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะมาทำอะไรล่ะ?”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อ หยิกแก้มชิงสุ่ย ไม่ใช่เพราะเธอโกรธ แต่เธอก็รู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดติดลามกของเขา

 

ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเขินอาย บรรยายกาศรอบตัวเธอช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน ชิงสุ่ยขว้ามือเธอให้ขยับมานั่งใกล้เขา “ถ้าเจ้าไม่สมยอม ข้าก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก แต่เจ้าบอกว่าเจ้าอยากเป็นคนดูแลข้านี่นา..ดังนั้นเจ้าก็ควรเข้าหาข้าสิ”

 

“นี่เจ้ากำลังพูดอะไร อยากเจ็บตัวรึ?”อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดอย่างเขินอาย

 

“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้”

 

“เจี้ยนเก้อ พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางเมื่อไร?”ชิงสุ่ยเปลี่ยนเรื่อง เขารู้สึกใจหายเมื่อคิดว่าเธอกำลังจะออกเดินทาง

 

เขารู้ดีว่าหญิงสาวในรูปโฉมงามย่อมมีเส้นทางของตน ดังนั้นเขาจะไม่หยุดพวกเธอ เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงไหน แต่เขาแน่ใจจะต้องเป็นพลังที่มหาศาลมากแน่ๆ

 

พรุ่งนี้เช้า ข้าจะรีบไปรีบกลับ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม ถ้าข้าจะกลับมาแต่งงานกับเจ้าหลังจากกลับมา?” อีเย่ เจี้ยนเก้อ พูดอย่างอ่อนโยน

 

ตั้งแต่เรื่องของสันเขาราชันย์ราชสีห์จบลง เธอตั้งใจจะแต่งงานกับชิงสุ่ย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสดีเสียที ชิงสุ่ยก็ไม่เร่งรัดเธอ และเธอก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ยอยู่แล้ว

 

“แน่นอน แล้วตอนนั้นเจ้าคงยอมเข้าหาข้าก่อนสินะ..เจ้าต้องอยู่เหนือตัวข้าล่ะ ก็เจ้าเป็นคนดูแลข้านี่”ชิงสุ่ยขยิบตาและเลียริมฝีปากตน

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดอะไรไม่ออก เธอดีดหน้าผากของเขาแล้วยิ้ม “ที่รัก ทำไมเราไม่ไปพูดเรื่องนี้กันบนเตียงต่อล่ะ?”ชิงสุ่ยลุกขึ้น

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อเองก็ยืนขึ้นและผายมือออก

 

ชิงสุ่ยอุ้มเธอไปที่เตียง แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะคงตัว แต่พวกเขาก็ยังคงมีความใคร่ต่อกัน

 

ชิงสุ่ยกอดรัดร่างของหญิงสาวบนเตียง เขาบรรจงจูบเธอ ในขณะที่อีกฝ่ายหลับตาพริ้ม

 

สัมผัสนุ่มนวลนั้นทำให้ชิงสุ่ยจิตใจล่องลอย เขาดูดดื่มริมฝีปากเธอ และพยายามเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในปากหญิงสาว ชิงสุ่ยจูบดวงตา จมูก..แก้มและกลับมาที่ริมฝีปากของอีเย่ เจี้ยนเก้อ

 

เธอพยายามปิดปากเพื่อไม่ให้ลิ้นของชิงสุ่ยรุกล้ำเข้าไป ชิงสุ่ยรีบใช้มือปลดผ้าของเธอ และเขาก็พบว่าหญิงสาวสวมแค่ชุดนอนโดยที่ไม่ใส่อะไรไว้เลยข้างใน

 

ชิงสุ่ยลูบไล้หน้าอกของเธอด้วยสองมือ ก่อนชิงสุ่ยจะรู้สึกมีอารมณ์เมื่อหญิงสาวยอมเปิดปากให้ลิ้นของเขาชอนไชเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เขาใช้ลิ้นสำรวจทั่วทั้งปากของเธอ

 

มือของชิงสุ่ยลูบไล้ไปอย่างช้าๆ จน อีเย่ เจี้ยนเก้อยอมปล่อยตัวตามอารมณ์ เธอกอดคอชิงสุ่ย ก่อนจะจูบตอบชิงสุ่ย อารมณ์แห่งความสุขสมนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดใดได้

 

ชิงสุ่ยจูบเธอจนเธอหายใจไม่ทัน เขาจึงยอมผละออก ใบหน้างามแดงระเรื่อ บรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไป กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดจนชิงสุ่ยแทบอดใจไม่ไหว

 

“ชิงสุ่ย จำไว้..ห้ามทำเกินเลยกว่านี้ แล้วข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการในครั้งหน้าที่ข้ากลับมา”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อ มองหน้าชิงสุ่ยขณะพูดกับเขา

 

“จำสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้น ข้าไม่ยอมแน่ วันนี้ข้าจะไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่มีสิ่งอื่นที่พวกเราพอจะทำได้..”

 

ทันทีที่ชิงสุ่ยพูดจบ ชิงสุ่ยจูบรอบคอของเธอและถอดเสื้อผ้าของเธอออก เรือนร่างที่งดงามราวกับหยกซึ่งแกะสลักโดยพระเจ้านั้นเผยให้ชิงสุ่ยเห็น เขามองเรือนร่างไร้ที่ติของเธอ หน้าอกของหญิงสาวสวยได้รูป แม้ร่างของเธอจะนอนอยู่แต่หน้าอกของเธอก็เป็นทรง จุดปทุมถันของหญิงสาวดึงดูดสายตาของชิงสุ่ยเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยก้มหน้าลงก่อนจะลิ้มรสยอดปทุมถันนั้น ……..

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อแอ่นตัวเธอเข้าหาชิงสุ่ยช้าๆ…

 

หน้าท้องแบนเรียบ และเอวบาง ก้นกลม ร่างกายของเธอยอดเยี่ยมมาก

 

ชิงสุ่ยมองเธอไม่กระพริบตา เขาเริ่มลูบไล้ไหลของหญิงสาวทีละนิด ทีละนิด..ราวกับมือของชิงสุ่ยมีเวทมนตร์ บริเวณที่ถูงสัมผัสสั่นสะท้าน นี่เป็นทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณ หญิงสาวจึงรู้สึกผ่อนคลายและคล้อยตามเขา แน่นอนว่าทุกสัมผัสย่อมส่งผลต่ออารมณ์ใคร่ด้วย..

 

หญิงสาวอย่าง อีเย่ เจี้ยนเก้อ ก็ไม่อาจต้านทางได้ เธอกัดฟันแน่นเพราะไม่อยากส่งเสียง แม้จะรู้สึกอิ่มเอมใจมากเพียงใด ตอนนี้ความรู้สึกในหัวของเธอกำลังยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว

 

มือของชิงสุ่ยค่อยๆ ลูบไล้เนินอกที่นุ่มนวลก่อนจะเลื่อนไปยังสะโพกแล้วเลื่อนมาที่หน้าท้อง หลังจากนั้นก็เลื่อนไปที่ขาของเธอ มือซุกซนของชิงสุ่ยเลื่อนไปที่เท้าเล็ก ๆ ของเธอ แล้วค่อย ๆ บรรจงกดลงไป

 

ชิงสุ่ยรู้สึกชื่นชม อีเย่ เจี้ยนเก้อที่สามารถอดกลั้นโดยไม่ส่งเสียง อย่างไรก็ตามเสียงก็เล็ดลอดมาจากเธอ และแม้ชิงสุ่ยจะไม่ได้มีรสนิยมเรื่องเท้า อีกทั้งในโลกก่อนหน้า เขาก็ไม่ค่อยชอบพวกที่มีรสนิยมเช่นนั้นอีกด้วย แต่ตอนนี้เขากำลังลูบไล้ขาของอีเย่ เจี้ยนเก้อราวกับเป็นหยกล้ำค่า เท้าเรียวสวยและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

 

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีหญิงสาวที่มีเรียวขางามเช่นนี้ จนเขารู้สึกอยากจูบเท้าเธอ

 

เมื่อปลายลิ้นของชิงสุ่ยเลียช่วงขาของหญิงสาว เขาค่อยๆ เลื่อนหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อครางออกมาเบาๆ มีคนบอกว่าช่วงขานั้นเป็นจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกายอีกทั้งยังมีจุดลมปราณจำนวนมาก

 

“ชิงสุ่ย อย่าทำแบบนั้น มันสกปรก”เธอพูด ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแรง เธอไม่เหลือแรงจะต้านทานชิงสุ่ยอีกแล้ว

 

“ทุกส่วนของเจ้าบริสุทธิ์ทั้งหมด!”

 

……

 

แม้ชิงสุ่ยจะไม่ได้ทำเลยเถิด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าของทั้งคู่ หลังจากเขาใช้มือหยอกล้อเรือนร่างของหญิงสาวนานเกือบสองชั่วโมง เขาก็ปลดปล่อยน้ำนมสีขาวขุ่นออกมาบนร่างของเธอ เพราะไม่เคยเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หญิงสาวจึงตกใจมากทีเดียว

 

ชิงสุ่ยกอดอีเย่ เจี้ยนเก้อและอาบน้ำให้กันและกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็นอนบนเตียงเดียวกันจนเช้าตรู่

 

ครอบครัวพี่ชายของอีเย่ เจี้ยนเก้อก็อาศัยอยู่ที่นี้ ตระกูลชิงจึงกลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง แต่ถ้านับจากจำนวนคนทั้งหมด จำนวนผู้ฝึกตนก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย

 

“เจี้ยนเก้อ เจ้าปรารถนาสิ่งใดไหม ?”ชิงสุ่ยถาม

 

“ในอดีต ข้าแค่อยากสู้เพื่อขอความยุติธรรมให้ตระกูลอีเย่จากสันเขาราชันย์ราชสีห์ แต่ตอนนี้ข้าไม่มีสิ่งที่ต้องการแล้ว”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อซบตัวลงไปในอ้อมกอดชิงสุ่ย ท่าทางของเธอทำให้ชายทุกคนชอบใจ ราวกับชายหนุ่มได้รับพรที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เป็นโชคดียิ่งกว่าสิ่งใด

 

เธอเป็นผู้หญิงเรียบง่ายที่ไม่ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แต่เพราะเรื่องราวในอดีตทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไป พ่อแม่ของเธอยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อเธอและพี่ชาย ทั้งยังบอกให้พวกเขาใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องแก้แค้น

 

แต่เมื่อพ่อแม่ของเธอตายด้วยฝีมือของศัตรู ก็ไม่มีทางที่เธอจะอยู่ร่วมกับศัตรูภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ความทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว ในอดีต..โลกของเธอจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยบอกว่าเขาจะช่วยเธอ ตอนนั้นเขายังอ่อนแอมากๆ และเขาก็ตระหนักถึงสัญญาที่ตัวเองให้ไว้กับหญิงสาวว่าจะช่วยแก้แค้นภายในเวลา 20 ปี

 

และเธอก็เริ่มรู้ตัวว่าเธอได้หลงรักชายหนุ่มคนนี้ เหตุผลอาจจะมาจากพวกเขาได้แบ่งปันความรู้สึกต่อกัน เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยพูดกับใครเกี่ยวกับเรื่องของศัตรูหรือเรื่องของตัวเอง นอกเสียจากชิงสุ่ย

 

เธอมองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตอนนี้เขาดูเป็นชายชาตรีที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เธอเอื้อมมือไปจับริมฝีปากเขา แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ก็เหมือนเรียกร้องริมฝีปากของชิงสุ่ย เขาจูบเธอจนริมฝีปากของเธอบวมเล็กน้อย แต่เธอกลับรู้สึกมีความสุขเหมือนได้รับสิ่งล้ำค่าและยิ่งภูมิใจในชายคนนี้

 

“ข้าจะออกเดินทางไปรับพลังและจะพาสัตว์อสูรผลึกไปด้วย เจ้าถามข้าใช่ไหม ว่าข้าอยากได้อะไร? เจ้าได้ อยู่กับข้าเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ข้าหวังต่อจากนี้คืออยากให้เจ้าอยู่กับข้าตลอดไป” อีเย่ เจี้ยนเก้อมองชิงสุ่ยและส่งยิ้มบางๆ ให้เขา

 

“ไม่ว่านี่จะเป็นความต้องการของเจ้ารึไม่ ข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ถ้าเจ้าคิดจะหนีไปจากข้า ข้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ เจ้าคือนางฟ้าจากตำหนักจันทรา ข้าไม่สนว่าตัวข้าจะคู่ควรกับเจ้ารึไหม เพราะข้าจะทำให้เจ้าอยู่กับข้าไปชั่วชีวิต ..เจ้าจะว่าข้าเห็นแก่ตัวก็ได้นะ”ชิงสุ่ยกอดเธอไว้แน่น

 

“สำหรับความรัก เรื่องของความเหมาะสมระหว่างคนสองคนนั้นไม่มีหรอก ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้นล่ะ?”Iอีเย่ เจี้ยนเก้อ ถาม

 

“ข้ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเจ้า ..คงมีชายหลานคนคิดเช่นนี้ …”

 

“งั้นเหรอ? เจ้ายังรู้สึกด้อยกว่าข้าอีกไหม หลังจากที่เจ้าทำเรื่องแบบนี้กับข้า?”

 

“ข้าคิดจริงๆ ว่าข้าด้อยกว่าเจ้า! ได้โปรดมอบพลังให้ข้าด้วย”ชิงสุ่ยร้องขออย่างอ่อนโยน

 

“ก็ได้ งั้นให้ข้าทำอย่างไรดีล่ะ?” อีเย่ เจี้ยนเก้อถาม

 

“เจ้าบอกว่าส่วนนี้ของข้าแข็งแกร่งใช่ไหม ข้าอยากให้เจ้าพูดอีก ข้าชอบ”ขณะที่พูด ชิงสุ่ยก็คว้ามือเธอไปวางบนส่วนล่างของร่างกายตน

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อรีบซุกหน้าเข้าไปบนแผงอกของชิงสุ่ยทันที

 

……

 

วันที่สอง  อีเย่ เจี้ยนเก้อออกเดินทาง โดยชิงสุ่ยไม่จำเป็นต้องไปส่งเธอ ก่อนหญิงสาวจะค่อย ๆ หายไปพร้อมกับสัตว์อสูรผลึก หลังจากเธอโบกมือให้ทุกคน เธอก็หายไปจากน่านฟ้าของตระกูลชิง

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าการเดินทางของเธอครั้งนี้จะใช้เวลานานเท่าไร ..ท้ายที่สุดเขาก็ได้แค่พยายามไล่ความคิดนี้ออกไป

 

ติ๊ชิงเดินมาข้างกายชิงสุ่ย “พี่เจี้ยนเก้อ เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าหวังว่านางจะกลับมาโดยไว”

 

“ใช่..แล้วก็..พี่สาวของเจ้า นางคิดถึงเจ้ามาก”

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปเจอนางได้ไหม?”ติ๊ชิงถาม หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

“นางอยู่ในช่วงเก็บตัว ดังนั้นเจ้าฝึกฝนตนอยู่ที่นี้ดีกว่า แล้วในอนาคตถ้าพวกเจ้าอยากเจอกัน พวกเจ้าก็เจอกันได้ทันทีเลย”

 

“จริงเหรอ?”

 

“แน่นอน..จริงสิ คืนนี้ข้าจะไปช่วยเพิ่มพลังให้เจ้าที่ห้อง..” ชิงสุ่ยยิ้มและบอก

 

ดวงตาของติ๊ ชิงดูทรงเสน่ห์ เธอพยักหน้ารับเบาๆ ชิงสุ่ยรู้สึกไม่อยากจากที่นี้ไปไหนเลย ไม่แปลกใจที่มีคนกล่าวไว้ว่าการตกอยู่ในอ้อมแขนของหญิงงามจะนำพาบุรุษไปสู่หลุมศพ! แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้กลับมาที่นี้นานแล้ว เขาจึงอยากใช้เวลาให้เต็มที่ เพราะอย่างไรซะเหล่าภรรยาของเขาก็คือมีความรู้สึกเหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป

 

ระหว่างวัน ชิงสุ่ยช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกในร่างกายของเด็ก ๆ อีกครั้ง ชิง หมินได้รับการดูแลอย่างดี เด็กๆ ทุกคนมีพรสวรรค์ที่ได้รับมา ต่างจากเขาในอดีต ดังนั้นรุ่นที่สามของตระกูลชิงจึงรู้สึกอิจฉารุ่นที่สี่อยู่ไม่น้อย พื้นฐานที่พวกเขาเคยร่ำเรียนในตอนเด็ก ๆ นั้นต่างกับเด็ก ๆ รุ่นที่สี่อย่างลิบลับ