บทที่ 125 การต่อสู้ในเขาวงกตมีอะไรผิดปกติหรือ

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 125 การต่อสู้ในเขาวงกตมีอะไรผิดปกติหรือ?
บทที่ 125 การต่อสู้ในเขาวงกตมีอะไรผิดปกติหรือ?

“โรเบิร์ต!” เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง เวอร์เธอร์ก็รีบวิ่งไปทันที

เขาดึงการ์ด [โทรลล์] ออกมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะร่ายด้วยคาถาอัญเชิญปกติ และโทรลล์ที่สูงเกือบสี่เมตรก็ตกลงมาบนพื้นซึ่งถูกโอบล้อมด้วยแสงจ้าภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สัตว์ร้ายลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพอดีกับที่ขวานศึกทุบลงมา!

โรเบิร์ตซึ่งถูกโทรลล์ขวางไว้ เกือบจะฉี่ราดตัวเองด้วยความตกใจ ขาของเขาสั่นเทาและแข็งทื่ออยู่กับที่

เวอร์เธอร์คว้าแขนเพื่อนสนิทแล้วรีบออกตัววิ่งทันที

“มอออ!”

มิโนทอร์ซึ่งสูงกว่าโทรลล์สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะคำรามกู่ร้องในทันใด กล้ามแขนของมันปูดขึ้นเป็นมัด ๆ จากนั้นใช้แรงตั้งแต่ส่วนหลังจนถึงส่วนเอว แล้วทุบขวานศึกลงไปอีกครั้ง!

ฉัวะ!

พลังเวทมนตร์ของโทรลล์พุ่งออกมาราวกับโลหิตสูบฉีด แต่แล้วขวานศึกก็ฟันเข้าที่ไหล่ซ้ายของโทรลล์ ตัดแขนซ้ายทั้งหมดของมันไป!

เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตไม่กล้ามองย้อนกลับไป เสียงกรีดร้องของโทรลล์ยังคงดังตามมา มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมอนสเตอร์ตัวนั้นเลย!

ผ่านไปครู่หนึ่ง เวอร์เธอร์รู้สึกว่าการ์ด [โทรลล์] ในมือสั่นเล็กน้อย และดวงดาวเล็ก ๆ ก็กลับมารวมตัวกัน เป็นภาพของโทรลล์บนการ์ดอีกครั้ง

ทว่าตอนนี้ บนการ์ดกลับมีสีซีดจาง ราวกับต้องใช้เวลานานมากในการฟื้นฟู

เวอร์เธอร์รู้ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เขาอดไม่ได้ที่จะถือ [ความรักต้องห้าม] ไว้ในมือ

เด็กชายเคยลอบใช้มันแล้วหลังจากเข้ามาที่ทางลับ ซึ่งปรากฏว่าผลของ [ความรักต้องห้าม] ยังคงอยู่ และหมอกร่างคนตัวเล็กก็ยังตอบรับการเรียกหาของเขา รวมไปถึงยังสามารถนำทางเขาได้

เพียงแต่ว่าหมอกร่างคนตัวเล็กเคยทรยศเขามาก่อน ดังนั้นเวอร์เธอร์จึงไม่กล้าเดินตามคำแนะนำของมันอีก

แต่ตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมิโนทอร์ที่น่าสะพรึงกลัว เวอร์เธอร์ก็ทำได้เพียงพึ่งพา [ความรักต้องห้าม] ที่เคยทรยศเขาเท่านั้น

แต่นี่ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไร้พลังอย่างมาก

สามทุ่มครึ่ง

แม้ว่าดาร์กจะมาทีหลัง แต่เขากลับวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังได้เร็วกว่าเอ็มม่า

เด็กชายค้นพบมานานแล้วว่าเขามีพรสวรรค์ในการวาดภาพ และเมื่อใช้ร่วมกับนิ้วมือที่นิ่งของเขา ดาร์กก็สามารถคัดลอกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

หลังจากวาดภาพแล้ว ดาร์กเริ่มสังเกตจิตรกรรมฝาผนังอย่างระมัดระวังตั้งแต่ต้นจนจบ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องราวที่เก่าแก่มาก มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังของชาวอียิปต์

ในภาพวาดแรก คนยากจนที่เนื้อตัวมอมแมมกำลังขุดแร่จำนวนมากจากเหมือง

ในภาพวาดที่สอง ช่างตีเหล็กที่เปลือยครึ่งตัวกำลังหลอมแร่เป็นอิฐสี่เหลี่ยมขนาดมาตรฐาน

ในภาพวาดที่สาม พ่อค้าในชุดสามัญกำลังขายอิฐสี่เหลี่ยมให้กับขุนนาง

ในภาพวาดที่สี่ ขุนนางที่สวมเสื้อผ้าหรูหรากำลังใช้อิฐสี่เหลี่ยมสร้างหอคอยเหนือแท่นบูชา

ในภาพวาดที่ห้า มนุษย์หลายพันคนกำลังสวดวิงวอนใต้แท่นบูชาเพื่อรอการมาถึงของบางตัวตน

ในภาพวาดที่หก สัตว์ร้ายยักษ์ปรากฏกายขึ้นและโผล่ออกมาจากหลุมดำบนท้องฟ้าระหว่างการสังเวย

ในภาพวาดที่เจ็ด สัตว์ร้ายคำรามลั่น ก่อนจะกลืนกินเครื่องสังเวยและมนุษย์ทั้งหมด

ในภาพวาดที่แปด โลหิตและซากศพมนุษย์กองทับถมกันอยู่บนพื้นอย่างแปลกประหลาด

มีภาพวาดทั้งหมดแปดภาพ

ดาร์กพยายามอย่างหนักกับการวาดภาพที่แปด และในที่สุดเขาก็คัดลอกรายละเอียดทั้งหมดเสร็จจนได้

เขารู้สึกว่าสิ่งที่ภาพวาดเหล่านี้ต้องการถ่ายทอดออกมานั้นแปลกมาก แต่มันก็ควรค่าแก่การศึกษามากเช่นกัน

ในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังจะหายไปหรือไม่ ทางที่ดีคือควรคัดลอกไว้ก่อน

“ดาร์ก ดาร์ก!” ไดแอนนาซึ่งเริ่มเดินเตร่ไปรอบ ๆ หลังจากค้นหาจิตรกรรมฝาผนังอันอื่นอย่างไร้ผล จู่ ๆ ก็วิ่งกลับมา

ดาร์กหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย

ไดแอนนาหอบหายใจ “นายได้ยินเสียงกระทิงคำรามไหม? มันฟังดูดุร้ายมาก แบบดุร้ายมาก ๆ”

ดาร์กอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ยิน แต่แล้วก็มีเสียงคำรามของวัวกระทิงดังขึ้น

“มอออ!”

เสียงคำรามนั้นยิ่งกว่ารุนแรง เพราะมันสะเทือนขวัญสุด ๆ!

ดาร์กหยิบการ์ดคัดสรรออกมาโดยไม่รู้ตัว และจากนั้นก็รู้ทันทีว่าเสียงคำรามมันดังมาจากที่ไกล ๆ

‘มีคนปล่อยสปิริตออกมาหรือเปล่า?’

‘หรือว่ามีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมาในทางลับนี้?’

ความคิดทั้งสองแวบเข้ามาในหัวของเขา

ดาร์กเก็บสมุดบันทึกไว้ในกระเป๋าสะพายข้างทันที ก่อนจะชำเลืองมองไปยังเอ็มม่าที่ยังคงวาดรูปอยู่ เขาเอ่ยเตือนเธอว่า “ได้เวลาไปกันแล้ว!”

เอ็มม่าเหลือบมองเขา แล้ววาดต่อด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อดาร์กกำลังจะห้ามปรามเธออีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นว่าจิตรกรรมฝาผนังด้านซ้ายสุดเริ่มจางลงแล้ว ทันทีทันใด เขาฉุกคิดบางอย่างได้และพูดทันทีว่า “เธอวาดทั้งหมดไม่ทันหรอก ได้เวลาไปแล้ว เดี๋ยวฉันให้เธอยืมสมุดตอนที่พวกเรากลับไป”

แต่เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เอ็มม่าก็กัดฟันและยิ่งจดจ่อมากขึ้น

“มอ!”

จู่ ๆ เสียงคำรามก็ดังใกล้ขึ้นมา

สีหน้าของดาร์กเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจับไหล่ของเอ็มม่าและพูดอย่างเคร่งขรึม “มันอาจจะเป็นมอนสเตอร์นะ อย่าเอาแต่ใจสิ”

เอ็มม่าชะงักไป

คราวนี้เธอรีบเก็บปากกาใส่กระเป๋าของเธอ

ดาร์กถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดเสียงดังทันที “ไปกันเถอะ ไปที่ที่มีคนเยอะ ๆ และไปหาพวกรุ่นพี่ให้เร็วที่สุด…”

ไดแอนนาและโรสเชื่อฟังมากในขณะนี้ ทั้งสี่ออกจากทางเดินอย่างรวดเร็ว และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็หายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

แต่เมื่อทั้งสี่ไปถึงหัวมุม พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหอบดังมาจากผนัง

ดาร์กตั้งใจฟังและในชั่วพริบตา เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของโรเบิร์ตและเสียงคำรามของเวอร์เธอร์ รวมไปถึงเสียงของหนักกระทบพื้น

เขารู้ทันทีว่ามอนสเตอร์กระทิงกำลังไล่ตามเวอร์เธอร์และโรเบิร์ต!

ความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของดาร์ก

การที่เพิ่งจะประสบอันตรายจากเทพธิดามา ทำให้เขาไม่อยากตกอยู่ในอันตรายอีกเลย

อย่างไรก็ตาม เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในปีเดียวกัน

ขณะที่เขากำลังลังเลกับเรื่องนี้ เอ็มม่าก็จำเสียงของคนสองคนนั้นได้ ก่อนจะอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “เวอร์เธอร์กับโรเบิร์ตนี่!”

แล้วเสียงตกใจของโรเบิร์ตก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง “เอ็มม่านี่นา! เรารอดแล้ว…”

แต่ในวินาทีต่อมา เสียงของเวอร์เธอร์ก็ดังกลบเสียงของโรเบิร์ต “อย่ามาทางนี่ เอ็มม่า! หนีไป”

แต่เพราะคำว่า ‘หนี’ นี่เองที่ทำให้เอ็มม่าตัดสินใจได้

เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ บริเวณ และรีบวิ่งไปที่ทางแยกซึ่งเป็นทางที่นำไปสู่อีกด้านของกำแพงทันที!

ทว่ากลับมีใครบางคนเร็วกว่าเธอ

ดาร์กก้มหน้าลง ริมฝีปากของเขาขยับอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เขาแซงหน้าเอ็มม่า นางฟ้าตกสวรรค์ผู้ทรงเสน่ห์ก็ปรากฏตัวขึ้นในแสงสว่าง และเคลื่อนที่ไปอยู่เคียงข้างกับเขา

“เดอะเลดี้ ฝากเธอด้วย”

“ไม่มีปัญหา!”

ผ้าคลุมสีดำพลันสยายออกมาจากไหล่ซ้าย เดอะเลดี้เผยรอยยิ้มดุจวิญญาณร้าย

อาภรณ์ขาดวิ่นกระพือราวกับปีก

กรงเล็บยักษ์ที่มือซ้ายเผยประกายคมกริบอันน่ากลัวออกมา

ออร่าแห่งความมืดก็เล็ดลอดออกมาอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน

มันยากที่จะเชื่อได้ว่า ตัวตนอันทรงพลังระดับนี้กลับสามารถอัญเชิญออกมาได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที!

สีหน้าของเอ็มม่าอึ้งค้างไปทันที และเธอก็หยุดเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว

ไดแอนนากับโรสวิ่งผ่านเธอไปตามลำดับ และไล่ตามดาร์กโดยไม่ลังเล

ราชันแห่งเขาวงกตที่เพิ่งเกิดใหม่ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการไล่ตามเจ้าหนูตัวน้อยสองตัว จะนำไปสู่การถูกพิพากษาจากนางฟ้าตกสวรรค์

ดาร์ก เดม่อนเลี้ยวไปที่ทางแยก และเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็เห็นมิโนทอร์ถือขวานศึกอยู่!

“คลื่นความมืด!”

เดอะเลดี้ยกแขนขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างพลังงานรูปหัวใจดวงโตไว้ตรงหน้าอกของเธอ

พลังแห่งความมืดควบแน่นอย่างรวดเร็ว และถูกปลดปล่อยออกไปเป็นสสารมืดคล้ายค้างคาวนับไม่ถ้วน

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเวอร์เธอร์และโรเบิร์ต ฝูงค้างคาวพุ่งผ่านเหนือหัวของพวกเขา และมุ่งตรงไปยังใบหน้าของมิโนทอร์

มิโนทอร์ผู้ดุร้ายกรีดร้องและเหวี่ยงขวานศึกไปมาอย่างบ้าคลั่ง จิตใจของมันเริ่มสับสน

เดอะเลดี้บินขึ้นไปบนอากาศ กรงเล็บปีศาจในมือซ้ายหดตัวก่อนจะเปลี่ยนเป็น ‘หอกแห่งความมืด’ พุ่งทะลวงผ่านช่องว่างของขวานศึก!

ชั่วพริบตาเดียวหลังจากนั้น เดอะเลดี้ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังมิโนทอร์ด้วยท่าทางคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น หอกในมือซ้ายของเธอกลับมาเป็นกรงเล็บ และเสื้อคลุมก็ตกลงไปที่ข้างหลังเธออย่างเงียบ ๆ

ตู้ม!

หน้าอกและหน้าท้องของมิโนทอร์ปรากฏรูเลือดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตรทันที

การเคลื่อนไหวของมันหยุดกะทันหัน และแววตาแห่งชีวิตทั้งสองข้างก็เริ่มเลือนหายไป

มันล้มลงกับพื้นในที่สุด

เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตมองดูมิโนทอร์ซึ่งถูกฆ่าตายในทันทีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะรอดแล้วก็ตาม

โรเบิร์ตทรุดตัวลงกับพื้น และเหงื่อก็ไหลออกมาท่วมตัว

ขณะที่เวอร์เธอร์ยืนตัวสั่นไม่หาย

“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ดาร์กเดินเข้ามาถามพวกเขาอย่างเป็นกันเอง

แต่สมองของทั้งคู่ดูจะทำงานหนักเกินไป พวกเขาจึงนิ่งค้างและไม่ตอบสนองใด ๆ อีกต่อไปแล้ว

ดาร์กเลิกสนใจแล้วเดินตรงไปยังร่างของมิโนทอร์

“มันไม่ได้กลายเป็นอนุภาคแสง… นี่มันเป็นมอนสเตอร์ของจริงเหรอ?”

ศพของมิโนทอร์นอนอยู่บนพื้นอย่างเงียบ ๆ โดยมีขวานยักษ์วางอยู่ข้าง ๆ ด้วย

ราชันแห่งเขาวงกตตนนี้อ่อนแอกว่าที่ดาร์กจินตนาการไว้มาก

เมื่อหวนคิดว่าเมื่อครู่นี้เขาเอาแต่ระวังตัว ดาร์กก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก

เดอะเลดี้กลับมาที่ด้านข้างของเขา แล้วเอนตัวเข้ามากระซิบข้างหูว่า “นายท่าน ความลับของท่านถูกเปิดเผยซะแล้ว”