Ch.185 – ให้ความร่วมมือ

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.185 – ให้ความร่วมมือ

 

หนูหลากสีเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ชนิดพิเศษ มันไม่ได้มาจากโลกต่างมิติ หากแต่ถือกำเนิดขึ้นจากพลังงานวิญญาณที่แข็งแกร่งของฟ้าดิน เป็นหนูกลายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่มักจะพบเจอได้ในพื้นที่ที่มีมลพิษระดับสูง

 

ซึ่งหากเทียบกับรูปแบบชีวิตประเภทเดียวกันจากต่างมิติอย่างหนูยักษ์กินพืชแล้ว ทั้งสองมิได้มีความแตกต่างกันมากมายอะไร เพียงแต่หนูหลากสีสามารถสะสมพิษไว้ในร่างกายได้ก็เท่านั้น

 

ซึ่งพิษนี่เอง ที่ทำให้เจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กลายเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัว

 

หลังยุคโลกาวินาศ สัตว์ร้ายตัวแรกที่สามารถก่อภัยคุกคามได้ถึงระดับ S ก็คือกองทัพหนูหลากสีนี่แหละ เพราะเวลาอยู่ร่วมกัน พวกมันคือแหล่งกำเนิดพิษปริมาณมหาศาล

 

นี่เปรียบได้กับศิลานรกติดปีก สามารถเดินเหินไปไหนมาไหน แพร่เชื้อได้ตามต้องการอย่างไรอย่างนั้น

 

และพิษของมัน มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

 

ตูม!

 

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงพลันลุกโชน เปลวเพลิงโถมเข้าโอบล้อมปกคลุม

 

สองรูนปะทะห้ำหั่นกันและกัน ไม่ว่าสารพิษจะรุนแรงแค่ไหน แต่มันก็ยังถือกำเนิดจากรูนไม้ ในขณะที่ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าสารพิษใด หากสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงลิ่วก็จะสลายไป

 

ฉินเฟิงปัจจุบัญถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ราวกับมนุษย์ไฟ

 

ช่วงเวลาต่อมา ร่างกายของเขาก็พลันวูบไหว

 

มีดกษัตริย์ครามในมือกวัดแกว่ง ตัดผ่านเข้าไปในอากาศ

 

ร่างของ 051 หายวับมิอาจมองเห็น เขาหลบเลี่ยงด้วยความเร็วที่ว่องไวเกินกว่าตาเปล่าจะทันตระหนักได้!

 

อย่างไรก็ตาม ความเร็วของฉินเฟิงก็ว่องไวไม่แพ้กัน ไม่ต้องกล่าวถึงเทคนิคอื่นๆที่เขายังไม่ได้งัดออกมาใช้

 

“โอบกอดทมิฬ!”

 

รังสีแสงสีดำกระจายไปทั่วบริเวณ สภาพแวดล้อมทั้งห้องทดลองพลันพร่ามัว 051 ตกใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะครอบครองความสามารถเช่นนี้

 

“แก๊สพิษ!”

 

051 ปลดปล่อยแก๊สพิษให้ฟุ้งไปทั่วบริเวณ บดบังวิสัยทัศน์อีกฝ่ายเช่นกัน ภายในห้องทดลอง นอกจากศพบนพื้น ที่เหลือทั้งหมดสามารถมองเห็นได้แค่เพียงหมอกสีดำและสีเขียว

 

ศาสตราจารย์หวางที่เฝ้าดูผ่านกล้วงวงจรปิด มิอาจมองเห็นถึงฉากต่อสู้ภายในได้ ความกังวลในหัวใจของเขายิ่งนานก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต

 

“ไม่ได้การแล้ว คงต้องอพยพ ตั้งแต่ที่ฐานทดลองแห่งนี้ถูกค้นพบ ฉันก็ใช้งานมันต่อไม่ได้แล้ว น่าเสียดายจริงๆ”

 

ฐานทดลองนี้ถูกจัดตั้งมาเป็นเวลา 5ปี นั่นคือสาเหตุที่มันสามารถขยายพื้นที่กว้างขวางได้มากถึงในปัจจุบัน ทั้งยังสามารถพัฒนาตัวทดลองชั้นเลิศอย่างหมายเลข 051 ขึ้นมาได้

 

โชคยังดี ที่เขาได้รับข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว ที่นี่ไม่เหลืออะไรให้ทำการวิจัยอีก

 

นอกจากนี้ ฐานทดลองแห่งนี้ก็มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยศาสตราจารย์หวาง ฉะนั้นการยอมละทิ้งมันไปเลยไม่รู้สึกเจ็บใจมากนัก ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะขอเข้าร่วมกับโครงการวิจัยอื่นๆที่น่าสนใจ

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ศาสตราจารย์หวางก็หยิบเอาดิสก์หน่วยความจำออกมา

 

ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ก้าวไกลไปอย่างมาก ความจุของดิสก์หน่วยความจำจึงมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ก็ลองคิดดูเอาเถอะ ว่าด้วยสิ่งนี้ สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ได้มากเท่าใด

 

ขณะเดียวกัน การต่อสู้ในห้องทดลอง ยิ่งนานก็ยิ่งเข้มข้น อบิลิตี้ของทั้งสองมีฤทธิ์กัดกร่อนเหมือนกัน ส่งผลให้ทั้งห้องเริ่มบิดเบี้ยวจนผิดรูป

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของทั้งสองคนในเวลานี้ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

051 หอบหายใจหนักหน่วง แม้ในด้านความว่องไวเขาจะมากพอ แต่ในด้านความอดทนทางกายภาพ ฉินเฟิงนั้นดีกว่า ท่ามกลางการต่อสู้อันเดือดพล่าน เลยเป็นฝ่าย 051 ที่กำลังเสียเปรียบ

 

ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสอง ยังคงมีช่องว่างความห่างชั้นอยู่!

 

ภายใต้หมอกสีดำเขียวที่ปกคลุมผสมปนเปกันอย่างหนาแน่น อุณหภูมิความร้อนค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น

 

051 ย่อมตระหนักถึงตำแหน่งของฉินเฟิง ทว่าฉินเฟิงปัจจุบันห่อหุ้มตนเองด้วยเปลวเพลิง ดังนั้นเลยไม่ได้รับบาดเจ็บจากพิษ

 

“ถุด!” 051 พ่นบางสิ่งออกจากปาก มันเป็นก้อนน้ำลายที่มีสีม่วงเข้มชวนให้คนที่พบเห็นรู้สึกใจหาย

 

ก้อนสีม่วงและเปลวเพลิงปะทะกัน เกิดระเบิดขึ้นทันที ก้อนสีม่วงสะท้อนกลับร่วงตกลงสู่พื้น พริบตานั้นมันกัดกร่อนจนพื้นเบื้องล่างกลายเป็นหลุมบ่อขนาดย่อม … หากที่ตกลงไปเป็นร่างของมนุษย์มิใช่พื้นปูน คงไม่ต้องบอกบรรยาย

 

จากนั้นสีหน้าของ 051 ก็แปรเปลี่ยนกลับกลาย เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าฉินเฟิงมิได้อยู่ที่เดิม

 

วินาทีต่อมา กลิ่นอายเย็นยะเยือกก็ฟุ้งมาจากทางด้านซ้าย ฉินเฟิงหลบไปอยู่ในซ่อนเงา โผล่มาอีกทีก็ประชิดตัวจนอีกฝ่ายยากจะปัดป้อง!

 

ตูม!

 

หนึ่งหมัดซัดออก ฉินเฟิงกระทุ้งเข้าใส่ท้องของ 051

 

อั๊ก!

 

051 เปล่งเสียงสำลักน่าสงสาร ทั้งคนทั้งร่างปลิวกระเด็นในสภาพม้วนกลับหลัง พละกำลังมหาศาลส่งเขากระแทกเข้าใส่กระจกแก้วของห้องที่เพิ่งก้าวออกมาถึงขั้นแหลกสลายลง

 

จริงๆแล้วกระจกห้องทดลองที่สูงจากพื้นจรดเพดานนี้มีความทนทานเป็นอย่างมาก ต่อให้ 051 เป็นคนตีมันเองอย่างสุดกำลัง ก็สร้างได้แค่รอยขีดข่วนเท่านั้น

 

เพราะมันคือกระจกสำหรับสังเกตการณ์ และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกัน 051 จากการหลบหนีโดยเฉพาะ คุณภาพของมันสมบูรณ์แบบไร้ที่เปรียบ หากมิใช่เพราะพละกำลังของฉินเฟิงมากเกินไป คงไม่มีทางสร้างความเสียหายดังกล่าวได้

 

ฉินเฟิงไม่ลังเลย เร่งโฉบไปข้างหน้า มีดกษัตริย์ครามในมือกวาดตัดออกไปเป็นแนวนอน

 

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

 

รังสีเปลวเพลิงสะท้อนกับใบมีด สาดแสงปกคลุม กวาดยาวออกไปเป็นแนวนอน ไม่คิดยินยอมให้ 051 ได้หลบเลี่ยง

 

051 กระดูกซี่โครงหักหลายท่อน ทั้งยังไม่มีเวลามากพอที่จะเชื่อมต่อมันก็ถูกโจมตีอีกระลอก จึงทำได้แค่เพียงย่อตัวลง ดีดไปอีกทางในสภาพแทบจะแนบลงกับพื้น

 

วู้มมมมมม!

 

รังสีเปลวเพลิงโฉบผ่านเหนือศีรษะของ051 กระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดานที่ยังเหลือ ถูกสะบั้นขาดครึ่งโดยคมมีดของฉินเฟิง เจ้าตัววาดแขนกลับ และปลดปล่อยลำแสงเปลวเพลิงไปอีกระลอก ยิงไล่ตามอีกฝ่ายที่เพิ่งลุกขึ้น และสับฝีเท้าหนีไป

 

ตูม!

 

อ๊ากกกกก!

 

051 ถูกระเบิดโจมตีใส่เต็มแผ่นหลังอย่างโหดเหี้ยม ร่างกายได้รับบาดเจ็บรุนแรงอีกครั้ง

 

ฉากนี้ มองดูคล้ายกับแมวกำลังไล่จับหนูก็มิปาน 051 ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง!

 

“ช้าก่อน! พวกเราพอจะหยุดคุยกันสักหน่อยจะได้ไหม!” 051 เปล่งเสียงตะโกน แต่ยังคงไม่หยุดฝีเท้า นั่นเพราะสัญชาตญาณของเขายังร้องเตือนภัยถึงอันตราย ฉะนั้นไม่กล้าหยุดจริงๆ เตรียมพร้อมหลบเลี่ยงการโจมตีจากฉินเฟิงตลอดเวลา

 

“อยากจะพูดอะไร”

 

ฉินเฟิงหยุดยืนอย่างเงียบๆไม่ใกล้ไม่ไกลจาก051 ในสมองนึกคิดและตัดสินใจว่า หากอีกฝ่ายมีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปแม้เพียงน้อย ฉินเฟิงจะระเบิดอำนาจสังหารลงให้ตายจบๆไปเลยในทันที

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หมายเลข 051 เองก็แข็งแกร่งไม่เลว เป็นหน้าไม้ที่หากไม่ระวังก็อาจถูกศรยิงสวนถึงตายได้ และฉินเฟิงไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น

 

“ทำไมนายถึงมาที่ฐานทดลองแห่งนี้? บางทีฉันอาจจะบอกข้อมูลที่นายอยากจะรู้เกี่ยวกับมันก็ได้นะ บางเรื่องฉันรู้มากกว่าศาสตราจารย์หวางซะอีก ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก นั่นก็เพราะฉันเป็นตัวทดลองที่อยู่มาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีเต็ม!”

 

“แต่ศาสตราจารย์หวางน่ะเพิ่งเข้าร่วมการทดลองเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง เขามารับช่วงต่อในงานวิจัยของตัวทดลองอย่างฉัน”

 

ดวงตาที่มืดมิดของฉินเฟิงบังเกิดประกายแสงสว่างวาบ เขาไม่คาดคิดเลยว่าฐานทดลองจะอยู่มายาวนานถึงขนาดนี้ และคำพูดของ 051 มันช่างชวนกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของฉินเฟิงซะจริง

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น

 

“ใครจะรู้ แกอาจจะเป็นคนในกลุ่มของพวกมันก็ได้” ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็น

 

“ฉันน่ะหรอ? ไม่ ไม่ใช่หรอก ถ้าฉันเป็นหนึ่งในกลุ่มของพวกมันจริง ฉันคงไม่ถูกจับมาขังแบบนี้!” 051 กล่าวหยัน

 

“งั้นก็ช่วยบอกอะไรที่มันชัดเจนกว่านี้หน่อย อย่างเช่นชื่อองค์กรนี้คืออะไร?” ฉินเฟิงเริ่มเค้นถาม

 

เวลานี้ 051 ไม่ตระหนักถึงอันตรายแล้ว เขาหยุดฝีเท้าลง เพราะยังไงซะ การทำแบบนี้ไปเรื่อยๆมันเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานร่างกาย แถมปัจจุบันซี่โครงของเขายังหักตั้ง 3 ซี่ ด้านหลังเองก็ถูกไฟเผา ทุกย่างก้าวเจ็บเจียนตายเหมือนตกนรก

 

“โค๊ดเนมขององค์กรคือ Z เป็นรูปแบบขององค์กรมืดที่ได้รับการเงินบริจาคก้อนใหญ่จากผู้สนับสนุนระดับสูงในทุกสารทิศ เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก!”

 

ฉินเฟิงพอได้ยินก็ตกใจ

 

ได้รับเงินบริจาค จากทุกสารทิศอย่างงั้นหรอ?

 

เขาเริ่มย้อนนึกไปถึงหลินเซิง แต่สำหรับหลินเซิงและ 051 ไม่ถือว่าเป็นระดับสูงอีกต่อไป ถ้าอย่างงั้น อย่างน้อยคนที่ให้การสนับสนุนองค์กร Z จะต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล D

 

“งั้นข้อต่อไป พวกเขากำลังศึกษาและทดลองอะไร แล้วสถานะของนายมันคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงแตกต่างไปจากพวกมนุษย์กลายพันธุ์แบบปกติ!” ฉินเฟิงถามต่อ

 

051 พยักหน้า “โดยปกติแล้วสิ่งที่พวกเขากำลังศึกษาคือทำอย่างไรให้คนธรรมดาสามารถปลุกอบิลิตี้หรือพลังวรยุทธโบราณได้ ซึ่งหากศึกษาแค่จากพลังงานจิตวิญญาณระหว่างฟ้าดินเพียงอย่างเดียว มันยากเกินไป”

 

“แต่ที่ทำการทดลอง ส่วนใหญ่คือสิ่งที่มีอยู่ในโลกอยู่แล้ว อย่างเช่นสัตว์กลายพันธุ์ นายเองก็เห็นใช่ไหม พวกแมว , หมี , หนู และอินทรี พวกมันเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไปในภูเขาฟูเฉิง ง่ายและสะดวกต่อการทดลอง!”

 

ฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงอาชญากรไวเปอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ทั้งยังพลังหมาป่าของเฉินหมิงในงานสวนล่า สัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายที่สุดรอบๆสถานชุมชนเฉิงเป่ย

 

051 ดูเหมือนจะพยายามสร้างความเชื่อใจให้แก่ฉินเฟิงมากขึ้น เขากล่าวต่อ “ไม่ว่าผู้ถูกทดสอบจะมีความแข็งแกร่งมากหรือน้อยขนาดไหนมาก่อน แต่หลังจากปลูกถ่ายยีนลงไปแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเป็นตัวกำหนดความเข้ากันได้ของยีน ในขณะที่คนอ่อนแอไม่สามารถรับพลังของยีนที่แข็งแกร่งมากจนเกินไปได้”