ตอนที่ 30 การประชุมระดมพล / ตอนที่ 31 เริ่มต้นการแก้แค้น

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 30 การประชุมระดมพล 

 

 

ชุยหังไม่มีทางเลือกจึงวิ่งเยาะๆ เข้าไปหา 

 

 

เขาสามารถสัมผัสได้ว่าโจ๊กข้าวกล้องที่อยู่ในกระเพาะกำลังเคลื่อนไหวมั่วไปหมด 

 

 

“พวกนายนี่เดินต่อเท้ากันมาหรือไง ตรงเวลาเป๊ะเลยนะ ฉันบอกว่าให้รวมพลตอนแปดโมง พวกนายยังอุตส่าห์ทนไม่ได้มาถึงตอนเจ็ดโมงห้าสิบแหนะ” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “เปล่าหรอก ก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” 

 

 

“ไม่ได้ตั้งใจ? ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น?” หลูจื้อถาม 

 

 

ชุยหังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบว่า: “ผมนอนตื่นสาย พวกเขารอผมมาด้วย” 

 

 

หลังจากที่หลูจื้อได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วถามต่อ: “นายคนเดียวนอนตื่นสาย พวกเขาทั้งหมดเลยต้องรอนาย นายนี่สุดยอดไปเลยนะเนี่ย ถ้าไม่มีนายพวกเขาจะหาสนามไม่เจอ?” 

 

 

เดิมทีชุยหังคิดอยากจะเอาความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้เพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าหลูจื้อจะเปลี่ยนไปมองมุมอื่นซะอย่างนั้น 

 

 

เขาพูดขึ้น: “ไม่ใช่ แต่พวกเราก็ไม่ได้มาสายสักหน่อย” 

 

 

ในเมื่อไม่ได้มาสาย อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลยแล้วกัน 

 

 

หลูจื้อพูด: “อืม ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อจัดการกับนาย แต่ว่าครั้งนี้ฉันจะจำไว้ ถ้าคราวหน้ายังมาแก้ตัวข้างๆ คูๆ อีกล่ะก็เผื่อแก้ตัวไม่หมดได้เสียเปรียบแน่” 

 

 

“อ้อ” ชุยหังตอบรับกลับไป 

 

 

จะว่าไปเมื่อวานตัวเองยังฝันเห็นเขาอยู่เลย ทำไมพอพลิกหน้ากลับมากลับแตกคอกันแบบนี้ 

 

 

พอคิดๆ ไปคนในความฝันจะไปเหมือนโลกแห่งความจริงได้ยังไงกัน 

 

 

“จัดระเบียบแถว” หลูจื้อตะโกนขึ้นมากะทันหัน 

 

 

ชุยหังตกอกตกใจจนตัวสั่นไปหมด 

 

 

หลูจื้อเหลือบมองมาทางเขาด้วยสายตาเคร่งขรึมครั้งหนึ่งโดยไม่พูดอะไร จากนั้นเดินไปยังด้านหน้าสุดของแถว 

 

 

“แถวที่อยู่ด้านขวาสุดนี้ให้แลแถวมองมาทางผม คนอื่นๆ ให้แลแถวมาทางแถวขวามือสุดแถวนี้” 

 

 

ไม่นานก็จัดระเบียบแถวเรียบร้อยแล้ว 

 

 

ชุยหังยืนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนแถวแต่ว่าไม่ได้อยู่คนแรกของด้านขวาสุด แต่เป็นคนที่สองจากทางซ้าย 

 

 

เวลาผ่านไปสักพักแล้ว ตอนนี้น่าจะผ่านแปดโมงไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ดูท่าทีแล้วในสนามก็ยังมีแค่คนพวกนั้นเท่านั้น ไม่ได้ดูมีอะไรเป็นพิเศษ 

 

 

“ซ้ายหัน พร้อม…หน้าเดิน” 

 

 

เสียงของครูฝึกอีกคนดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง ชุยหังทนไม่ไหวที่จะหันไปมองตาม จากนั้นถึงได้พบว่าตรงกลางบนอัฒจันทร์มีเก้าอี้จัดเรียงเป็นแถวเพิ่มขึ้นมา แล้วก็มีไมโครโฟนวางอยู่สองสามอัน 

 

 

กลุ่มห้องที่อยู่ทางด้านข้างสุดถูกครูฝึกคุมให้เดินไปทางนั้นแล้ว 

 

 

“ชุยหัง อย่ามองซ้ายมองขวา” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังแลบลิ้นออกมา แสดงเหมือนกับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ 

 

 

ผ่านไปห้องแล้วห้องเล่า ในที่สุดต่างก็พากันเคลื่อนย้ายมาอยู่บริเวณหน้าอัฒจันทร์แล้ว และเป็นเพราะพวกเขาอยู่ห้องสามดังนั้นจึงได้อยู่ตรงกับหน้าเวทีพอดี 

 

 

“ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว ฟังคำสั่งจากผม ซ้ายขวาหน้าหลังรักษาระยะห่างหนึ่งช่วงแขน กระจายออก” ไม่รู้ว่าหลูจื้อเดินไปอยู่ด้านหน้าสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นก็ตะโกนบอกนักศึกษาทุกห้องเรียน 

 

 

เสียงของเขาดังกังวานชัดเจน ดังสะท้อนไปมาทั่วทั้งสนาม 

 

 

หลังจากทุกห้องได้รับคำสั่งแล้วก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับอย่างรวดเร็วเริ่มกระจายแถวออกตามคำสั่ง 

 

 

“นั่งลง” หลูจื้อตะโกนออกมา 

 

 

นั่งลงบนพื้นแบบนี้? ชุยหังกำลังแอบคิดอยู่ในใจ 

 

 

แต่พอเห็นว่าทุกคนเริ่มนั่งลงกันหมดแล้วก็ดูเหมือนว่าจะต้องนั่งลงไปเท่านั้น 

 

 

“นั่งยืดหลังตรง มือทั้งสองข้างเอาวางไว้บนเข่าตัวเอง สายตามองตรงไปด้านหน้า” 

 

 

เรื่องพวกนี้พวกเขาไม่เคยฝึกมาก่อน แต่ว่าก็ไม่ได้เข้าใจยากอะไรไม่นานก็ทำเรียบร้อยกันหมด 

 

 

หลังจากนั้นถึงเห็นว่าบนอัฒจันทร์เริ่มมีคนทยอยปรากฏขึ้นมาแล้วสองสามคน 

 

 

คนอ้วนเยอะสุด ดูเหมือนว่าข้าวปลาอาหารของพวกผู้นำมหาวิทยาลัยนี้จะไม่เลวเลยนะเนี่ย 

 

 

คนที่ดึงดูดสายตาของชุยหังให้มองมากที่สุดคือนายทหารที่อยู่ด้านข้างของคนตรงกลาง สวมชุดทหารเต็มยศ ดูจากยศทหารก็รู้ว่าไม่ต่ำ น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกหลูจื้อแน่ๆ เขาดูโดดเด่นที่สุด ไม่ใช่อย่างอื่นแต่เป็นท้องโตๆ เหมือนตั้งครรภ์มาสิบเดือนอันนั้นต่างหาก 

 

 

ที่แท้อาหารของนายทหารดีกว่านี่เอง 

 

 

ชุยหังหันไปมองทางหลูจื้อ จากนั้นก็แอบคิดว่าใบหน้าหล่อเหลาแบบนี้ถ้าเกิดเอามาคู่กับท้องโตๆ แบบนั้นมันจะดูเป็นยังไงนะ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 31 เริ่มต้นการแก้แค้น 

 

 

ที่เรียกกันว่าการประชุมระดมพลนั้น อันที่จริงก็เป็นแค่พิธีการหนึ่งที่ให้คนที่นั่งอยู่บนนั้นเวียนกันกล่าวเกี่ยวกับงาน กล่าวขอบคุณเหล่ากองทัพที่ได้เชิญมา จากนั้นก็กล่าวเปิดการเริ่มฝึกทหารอย่างเป็นทางการ 

 

 

ตลอดงานจนกระทั่งยืนระเบียบ ชุยหังยังแอบคิดว่ายังดีที่เมื่อเช้าไม่ได้กลัวว่าจะมาสายแล้วรีบไปกินข้าวเช้าก่อนมา ไม่อย่างนั้นคงจะทนไม่ไหวแน่ๆ 

 

 

ยังดีที่เป็นตอนเช้า ถึงแม้ว่าแสงแดดจะแรงแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากถึงขนาดที่จะทนไม่ไหว 

 

 

หลูจื้อที่เดินไปเดินมาอยู่ตรงกลางกลุ่มคนที่นั่งอยู่นี้ ชุยหังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อทำเอาชุดทหารของเขาเปียกชื้นไปหมดแล้ว 

 

 

แต่ว่าสีหน้าของเขาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด 

 

 

เดิมทีนึกว่าการฝึกทหารของมหาวิทยาลัยจะแตกต่างไปจากเดิมๆ คิดไม่ถึงว่าจะยังใช้ขั้นตอนแบบเดิมๆ ต่างก็เริ่มจากการยืนระเบียบ หลังจากนั้นก็คงจะเป็นการเดินเตะเท้า จากนั้นก็เดินสวนสนามสินะ 

 

 

“อย่าโยกเยก” 

 

 

ชุยหังจำไม่ได้แล้วว่าครูฝึกหลูเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบๆ ตัวเขากี่รอบแล้ว ยิ่งทำให้เขาตึงเครียดเป็นพิเศษกลัวว่าเขาจะลงมือกับตัวเองกะทันหัน 

 

 

“ตอนนี้ยังเช้าอยู่คงจะไม่มีคนเป็นลมแดดหรอกนะ แต่ว่าวันนี้เป็นการฝึกวันแรกพวกนายยังใส่ชุดแขนยาวมาอยู่ ช่วงบ่ายพากันไปเปลี่ยนเป็นชุดแขนสั้นให้หมด ถ้ามีใครทนไม่ไหวให้ยกมือขึ้นก่อนแล้วค่อยตะโกนรายงาน อย่าขยับเองโดยพลการ” หลูจื้อเดินไปด้วยพูดไปด้วย 

 

 

แต่ถึงแม้อากาศจะร้อนมากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ถอดหมวกหม้อตาลที่อยู่บนหัวของตัวเองออกเลย 

 

 

ตอนนี้หลูจื้อเดินผ่านข้างตัวชุยหังเป็นครั้งที่N [1] แล้ว เขาก็นั่งยองๆ ลงพลางดันขาทั้งสองข้างของเขาให้ชิดๆ เข้าตรงกลางอีกหน่อย 

 

 

“ขาก็ไม่ได้โก่งสักหน่อยยืนให้ชิดๆ หน่อย” 

 

 

ชุยหังไม่ได้พูดอะไร ถ้าตอนนี้ขัดขืนไม่ทำตามล่ะก็นั่นคงเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแน่ๆ 

 

 

หลูจื้อเห็นว่าชุยหังดูเชื่อฟังและรู้สึกว่าไม่ได้ดูว่าจะแสดงท่าทียั่วยุกวนประสาทก็เดินจากไป 

 

 

ชุยหังแอบถอนหายใจออกมา แทบอยากจะตะโกนอมิตตาพุทธออกมาเลยจริงๆ ในที่สุดฝันร้ายก็ผ่านพ้นไปแล้ว 

 

 

แต่ว่าผ่านไปเพียงพักหนึ่งเขาก็กลับมาอีกแล้ว ถือหญ้ามาต้นหนึ่งพลางยิ้มกรุ้มกริ่มมองมาทางชุยหัง 

 

 

จากนั้นในตอนที่ชุยหังกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง เขาก็เอาหญ้าอันนั้นงอทำเป็นโค้งๆ พยายามเสียบเข้าไปในรูจมูกทั้งสองข้างของชุยหัง 

 

 

“อย่าหลบสิ” เมื่อเห็นว่าชุยหังเอียงหัวขัดขืน หลูจื้อก็พูดขึ้นมา 

 

 

สุดท้ายชุยหังก็ทำได้แค่ยืนนิ่งๆ อย่างเชื่อฟังอยู่ตรงนั้น และหลูจื้อกลับพยายามช่วยเขาสร้างผลงานอย่างสนุกสนานดีใจ 

 

 

“อืม ดูดีเลยนะ แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นโลหะคงจะดูดีกว่านี้” พูดจบเขาก็เดินส่ายหัวส่ายหน้ายกใหญ่จากไป ก่อนจะประกาศว่าให้นั่งพักอยู่กับที่สิบนาที 

 

 

นั่งพักอยู่กับที่ท่ามกลางแดดร้อนเผาเกรียมแบบนี้ด้วยนะ แต่ว่าก็แค่สามารถยืดแขนยืดขาได้เท่านั้นแหละ บางคนร่างกายแทบจะไม่ไหวแล้วซึ่งหลูจื้อค่อนข้างจะอนุโลมคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีเป็นพิเศษ ให้สามารถเข้าไปพักใต้เงาร่มไม้ได้ 

 

 

แต่ว่าใครจะไปยอมรับว่าสุขภาพของตัวเองแย่ล่ะ?  

 

 

ชุยหัง ต้องเป็นชุยหังแน่นอนอยู่แล้ว 

 

 

ตอนนั้นเองเพียงแค่ชุยหังพึ่งจะหันตัวก็ได้ยินหลูจื้อพูดขึ้น: “ชุยหังเพื่อนทั้งห้องไม่มีใครขยับเลยนะ ถ้านายไปเองไม่อายหรือไง นายดูที่ใต้ต้นไม้สิมีแต่พวกผู้หญิงจากการจัดการทางทะเล นายอยากจะไปสนทนาอะไรกับพวกเขาล่ะ” 

 

 

ชุยหังแอบด่าหลูจื้ออยู่ในใจเป็นรอบที่แปดร้อยหกสิบแล้วเห็นจะได้ ก็แค่เคยพูดเสียดสีไปแค่ไม่กี่ประโยคเองนะ เป็นลูกผู้ชายแท้ๆ ต้องอาฆาตกันขนาดนี้เลยหรอ 

 

 

พึ่งจะเริ่มการฝึกทหารนายก็แกล้งฉันซะขนาดนี้แบบนี้มันดีแล้วหรอ? 

 

 

ตอนนี้พวกรูมเมทของเขายังอดกลั้นขำไว้ไม่ได้ ชุยหังเริ่มรู้สึกว่าหน้าของตัวเองถูกครูฝึกประหลาดๆ คนนี้ทำให้ขายขี้หน้าไปหมดแล้ว 

 

 

ไม่ใช่ว่าครูฝึกทั่วไปมักจะไปเย้าแหย่พวกหญิงสาวหรอ นายไม่มีอะไรก็มาเย้าแหย่ฉัน คือคิดว่ากำลังหยอกน้องสาวนายอยู่หรือไง!  

 

 

หรือเป็นเพราะว่าห้องของพวกเขาไม่มีเด็กผู้หญิงก็เลยทำให้หลูจื้อวิปริตไปแล้ว 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ครั้งที่ N (第N次)หมายถึงหลายครั้งมาก จนนับไม่ได้แล้วว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่