บทที่ 386 ผู้หญิงสวมชุดคลุมสีแดง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ฝ่ามือสลายกระดูกเป็นวรยุทธที่โหดเหี้ยมวรยุทธหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ยุทธภพหลาย 1000 ปี เคยเกิดการนองเลือดเพราะฝ่ามือสลายกระดูกมาแล้ว หากรู้ว่าใครฝึกวิชาเปลี่ยนกระดูกจะถูกยอดฝีมือของทุกพรรคไล่ฆ่า จนกระทั่งผู้สืบทอดวิชานี้หายไปจึงค่อยๆ เงียบลง

ตงฟางเมิ่งบอกเย่เทียนเฉินว่าวิชาที่โหดเหี้ยมอย่างวิชาฝ่ามือสลายกระดูกนี้อยู่ในพรรคสุสานโบราณมาโดยตลอด แต่ตั้งแต่ยุคสมัยของผู้ก่อตั้งพรรคก็ถูกสั่งอย่างเข้มงวดว่าไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์คนใดฝึกฝนวิชานี้เป็นอันขาด ต้องปิดผนึกไว้ให้ดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่ชิวสุ่ยจะพบเข้าโดยบังเอิญ และฝึกเคล็ดวิชาโหดเหี้ยมนี้เป็นส่วนใหญ่ ในตอนแรกหลี่ชิวสุ่ยยังไม่กล้าเปิดเผย แต่สุดท้ายยิ่งฝึกวิชาฝ่ามือสลายกระดูกก็ยิ่งแข็งแกร่ง ตัวคนก็ยิ่งไม่อาจควบคุมความบ้าคลั่งบุ่มบ่ามได้ มีหลายครั้งที่ไปลงมือในยุทธภพ ฆ่าลูกศิษย์ของพรรคอื่นไปมาก ก่อความผิดไม่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ของเธอเป็นหัวหน้าพรรคสุสานโบราณคงถูกไล่ฆ่าไปทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว

“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด ฝ่ามือสลายกระดูกของศิษย์พี่ใหญ่คงฝึกไปถึงระดับเก้าแล้ว มิฉะนั้นคงไม่กล้ามาก่อเรื่องที่พรรคสุสานโบราณแน่!” ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้วพูด

“ทำไมถึงพูดแบบนี้?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถาม

“ในพรรคสุสานโบราณมีอาวุธลับกลไกอยู่มาก ต่อให้เป็นพวกเราที่เป็นลูกศิษย์ของพรรคก็ไม่กล้าเดินตามใจ ศิษย์พี่ใหญ่ก็เหมือนกัน เพียงแต่ฝ่ามือสลายกระดูกของเธอแข็งแกร่ง ถึงได้กล้าบุกเข้ามาหาคัมภีร์ดรุณีหยกอย่างโอหังไม่หวาดกลัว นายหาที่นี่พบก็นับเป็นโชคแล้ว!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“โชคอะไร นี่คือความสามารถ!” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นแล้วหัวเราะออกมา

แม้ปากจะพูดอย่างสบายอารมณ์ แต่ในใจของเย่เทียนเฉินกลับรู้สึกนับถือพรรควรยุทธโบราณเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกเคารพผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณเป็นอย่างมาก นี่เป็นผู้หญิงที่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ตนเองโชคดีจริงๆ ที่หาอุโมงค์น้ำแข็งได้โดยบังเอิญ หากบุกเข้าไปผิดทางอาจจะตายก็เป็นได้ จะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้

“ฉันขี้เกียจสนใจนายแล้ว อย่าพูดเลย ไม่แน่ว่าศิษย์พี่ใหญ่อาจจะหาพวกเราพบก็ได้!” ตงฟางเมิ่งกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วกระซิบ

เย่เทียนเฉินเองก็กรอกตาใส่ตงฟางเมิ่งครั้งหนึ่ง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เสียงเมื่อครู่นี้เหมือนกับปีศาจร้าย เรียกได้ว่าลอยมาตามอากาศ ทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ถึงการผันผวนของพลังภายในที่แข็งแกร่ง ท่าทางศิษย์พี่ใหญ่ของตงฟางเมิ่งที่ชื่อว่าหลี่ชิวสุ่ยคนนี้จะไม่ใช่คนคู่ต่อสู้ธรรมดาแล้ว ฝีมือแข็งแกร่งมาก เกรงว่าคงเก่งกว่าตงฟางเมิ่งเสียอีก โดยเฉพาะวิชาฝ่ามือสลายกระดูกซึ่งเป็นวรยุทธโหดเหี้ยมที่เธอฝึกจนถึงขั้นเก้า ผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้คงไม่ใช่แค่เพียงกลับมาสำรวจง่ายๆ แบบนั้นแน่นอน

“ศิษย์น้องเล็ก เธอคิดว่าเธอไม่ส่งเสียงแล้วฉันจะหาเธอไม่เจอรึไง? อย่าซ่อนอีกเลย ศิษย์พี่รู้ว่าเธอพาหนุ่มหน้าขาวกลับมาฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกด้วยกัน รสชาติของการเป็นผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง?” เสียงของหลี่ชิวสุ่ยที่ราวกับภูตผีดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นให้ความรู้สึกว่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่กลับมองไม่เห็นว่าตัวหลี่ชิวสุ่ยอยู่ที่ไหน

ในส่วนนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้รู้สึกแปลกใจ นี่เป็นเคล็ดวิชาที่สามารถส่งเสียงไปนับพันลี้ได้ และต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณก็สามารถทำได้ เพียงแค่รวบรวมพลังภายในอันแข็งแกร่งเอาไว้ที่บริเวณลำคอแล้วพูดออกมาก็สามารถส่งเสียงไปได้ไกลแล้ว ท่าทางหลี่ชิวสุ่ยจะเข้ามาในพัรรคสุสานโบราณแล้ว เพียงแต่หาตำแหน่งที่ตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉินอยู่ไม่พบ จึงใช้วิธีการนี้เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาส่งเสียงออกมา เมื่อเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งเอ่ยปากก็จะถูกยอดฝีมืออย่างหลี่ชิวสุ่ยพบตัว ตอนนั้นก็อันตรายจริงๆ แล้ว

การมาถึงของหลี่ชิวสุ่ยเป็นความอันตรายอย่างยิ่งยวดโดยไม่ต้องสงสัยเลย อย่างไรก็ตามนี่ก็เพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งขึ้นด้วย ทั้งสองไม่กล้าลำพองใจ เดิมที่ยังสามารถต่อปากต่อคำกันได้หลายประโยค แต่ตอนนี้ต่างก็หลับตาทุ่มสมาธิฝึกฝน ต่างฝ่ายต่างดึงพลังบริสุทธิ์ในร่างกายของอีกฝ่ายเข้ามา การผสานร่างกายพวกเขาทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ต้องผสานพลังและใช้ออกมา ขอเพียงอยู่ในสภาพนี้ต่อไปพวกเขาก็จะฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกสำเร็จ มิฉะนั้นอาจจะธาตุไฟเข้าแทรกจนตาย

ในตอนนี้เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายของตนถูกตงฟางเมิ่งดึงดูดไปอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็สัมผัสได้วถึงสถานการณ์ในร่างกายของตงฟางเมิ่งเล็กน้อย บาดแผลที่เกิดจาก “ดรุณีหยกเซียนโบยบิน” ก็เสมานแล้ว ขอเพียงดึงพลังภายในอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกที่แตกซ่านไปทั่วทั้งเลือดเนื้อและกระดูกกลับมาที่จุดตันเถียนได้ก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้เธอฝึกฝนเคล็ดวิชาคุมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้าย พลังภายในอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกในร่างกายของตงฟางเมิ่งก็ค่อยๆ กลับมาจากเลือดเนื้อและกระดูก มายังจุดตันเถียนของตงฟางเมิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังภายในในร่างกายของตงฟางเมิ่งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์กว่าเมื่อก่อนมาก

ส่วนเย่เทียนเฉินนั้น ดูเหมือนว่าการเพิ่มพูนความสามารถที่คัมภีร์ดรุณีหยกมีต่อเขาจะไม่ได้พิเศษอะไรนัก เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกก็คือ ดูเหมือนว่าพลังพิเศษในร่างกายของเขาจะค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปช้าๆ ดูดพลังภายในคัมภีร์ดรุณีหยกที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในร่างกายเข้าไป จุดนี้ทำให้เย่เทียนเฉินแปลกใจมาก เดิมทีเขาคิดว่าหากจะลอมรวมพลังภายในของพรรควรยุทธโบราณและพลังพิเศษในร่างกายเข้าด้วยกัน ต้องอยู่ในสภาพที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งและใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่มีพลังรุนแรงออกมาและต้องหน่วงไว้นานถึงจะยกระดับความสามารถได้

จะอย่างไรคัมภีร์ดรุณีหยกก็เป็นวิธีฝึกฝนพลังภายในที่ให้ประโยชน์กับเพศหญิงมากกว่า ดังนั้นการที่ต้องให้ผู้ชายมาร่วมฝึกฝนในส่วนสุดท้ายเพราะผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณไม่อยากให้ลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณเป็นเหมือนกับเธอที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวไปจนตาย ส่วนทางฝั่งผู้ชายก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขนาดนั้น หากพูดจริงๆ ก็เป็นเพียงแค่ได้เสพสุขคืนหนึ่งเท่านั้น

“เธอรีบฝึกขนาดนี้คงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

“หุบปาก ให้เวลาฉันอีกหน่อย ให้ฉันฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายสำเร็จก่อน เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไปขวางศิษย์พี่ใหญ่ไว้ จากนั้นจะฆ่านายซะ!” ตงฟางเมิ่งมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“เป็นไปไม่ได้น่า? เธอตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นแบบนี้เหรอ ฉันพาเธอมาที่นี่อย่างยากลำบาก ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอถึงจะฆ่าฉันเลยเหรอ? ศิษย์พี่หญิงของเธอก็โหดเหี้ยมขนาดนั้น เธอคิดจะขวางก็ขวางได้รึไง?” เย่เทียนเฉินอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง ไม่รู้จริงๆ ว่าตนช่วยตงฟางเมิ่งแบบนี้เพื่ออะไร ดรุณีหยกทั้งสองของพรรควรยุทธโบราณ สตรีที่งดงามราวเทพเซียน ชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่ง ตอนนี้ถูกเขาล่วงเกินไปหมดแล้ว ภายภาคหน้าตนจะถูกผู้หญิงสองคนนี้ไล่ฆ่ามาด้วยกันหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นก็เศร้ามาก ผู้หญิงสองคนที่งดงามราวกับนางเซียน ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่ฝีมือแข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส ไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปเทียบกับทหารหน่วยรบพิเศษหรือหน่วยสวาทในเมืองหลวงได้ พวกเธอเป็นยอดฝีมือของพรรควรยุทธโบราณทั้งนั้น

“ฉันจะ…”

เป็นครั้งแรกที่ตงฟางเมิ่งพองแก้มที่งดงามราวนางเซียนขึ้น ทำให้เย่เทียนเฉินมองจนตื่นตะลึง เพียงแต่น่าเสียดายที่คำพูดของตงฟางเมิ่งยังไม่ทันจบ บนกำแพงน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลังของเธอก็มีเงาของผู้หญิงที่ดูราวนางปีศาจปรากฏขึ้น ใช้ฝ่ามือซัดลงไป

ตู้ม!

กำแพงน้ำแข็งที่หนาเกือบ 10 เมตรถูกทลายในฝ่ามือเดียว ทำให้เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งตกตะลึง ตอนนี้เอง ฝ่ามือของผู้หญิงคนหนึ่งที่บอบบางแต่แฝงไปด้วยไอเย็นเสียดแทงกระดูกซัดเข้ามายังศีรษะของตงฟางเมิ่งโดยตรง

จะว่าเร็วก็เร็วจะว่าช้าก็ช้า เย่เทียนเฉินใช้มือซ้ายคว้ามือซ้ายของตงฟางเมิ่งเอาไว้และออกแรงดึงมาด้านหลัง ส่วนตงฟางเมิ่งก็โถมตัวมาด้านหน้า เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งเปลี่ยนตำแหน่งกัน ซัดมือขวาออกไป

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตงฟางเมิ่งยังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา เธอได้ยินเสียงระเบิดของกำแพงน้ำแข็งด้านหลังเท่านั้น เมื่อเธอหันไปพบว่ามีฝ่ามือบอบบางที่แฝงไปด้วยไอเย็นเสียดกระดูกพุ่งเข้ามาที่ศีรษะของเธอ ตงฟางเมิ่งที่หลบไม่ทันและโจมตีไม่ได้ ในใจก็รู้สึกตื่นตะลึง ความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่เพิ่มขึ้นมาก ฝ่ามือสลายกระดูกก็เชี่ยวชาญขึ้นเยอะ ฝ่ามือนี้เกรงว่าตนของถูกเข้าแน่นอน จะต้องกลายเป็นหนองและเลือดทั้งร่างแน่ ในตอนที่เธอคิดว่าตนเองจะต้องตายแน่แล้ว พลันรู้สึกว่ามือซ้ายของเย่เทียนเฉินจับมือซ้ายของเธอแน่น ยังไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยากลับมา ร่างกายทั้งร่างก็พุ่งไปยังเย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินก็พุ่งมาทางเธอ ซัดหมัดเฉียดผมเธอไป

ตู้ม!

ในอุโมงค์น้ำแข็งอทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยน้ำแข็งหมื่นปี รวมกับที่เป็นห้องที่ถูกปิดผนึก ดังนั้นหากมีการโจมตีปะทะกันเกิดขึ้นก็จะเกิดเสียงดังเป็นพิเศษ เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งต่างกระเด็นออกไป ตกลงบนพื้นอย่างแรง มือซ้ายของพวกเขาสองคนยังคงจับกันแน่น เนื่องจากส่วนสุดท้ายของการฝึกฝนวิชารคัมภีร์ดรุณีหยกยังไม่สมบูรณ์อย่างสิ้นเชิง เมื่อส่วนที่สัมผัสกันของร่างกายพวกเขาสองคนละออกจากกัน ทั้งสองก็จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนตาย

“หึ ศิษย์น้องเล็ก คิดไม่ถึงว่าเธอจะหาหนุ่มหน้าขาวที่พอมีฝีมืออยู่บ้างได้ ถึงกับกล้าต่อสู้กับฝ่ามือสลายกระดูกของฉันตรงๆ ไม่เลว!”

เมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะ เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งก็เงยหน้าขึ้นมองด้านหน้า พบว่าบนก้อนน้ำแข็งที่อยู่ตรงข้าม มีผู้หญิงในชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านบน ดวงตาทั้งสองมองมายังตงฟางเมิ่งและเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชาโหดเหี้ยม หากจะพูดถึงรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ก็นับว่างดงามมาก เพียงแต่แต่งหน้าหนา รวมกับที่บนร่างสวมชุดคลุมตัวใหญ่ที่ดูไม่ดี ดูไปแล้วจึงรู้สึกน่าเกลียดอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ามือขวาของเธอที่วาดอยู่กลางอากาศเบาๆ เห็นได้ชัดว่าอากาศกำลังถูกฉีกขาด น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ไม่อยู่แล้ว ผู้สืบทอดพรรคสุสานโบราณเหลือเพียงแค่ฉันกับคุณ ทำไมต้องฆ่ากันเองด้วย?” ตงฟางเมิ่งส่ายหน้า พูดออกมาด้วยความทอดถอนใจ

“งั้นเหรอ? ขอเพียงเธอมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียกออกมา ฉันก็จะไว้ชีวิตเธอ ไม่งั้นจะทำให้เลือดและหนองเบ่งบานในร่างของเธอกับเจ้าหนุ่มหน้าขาวคนนี้ไปด้วยกัน!” หลี่ชิวสุ่ยพูดอย่างเย็นชา

…………………..