“แยกย้ายกันได้แล้ว” อวิ๋นชิงกล่าว ไม่รู้กาลเทศะกันเลยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะอยากดูต่อ อยากตายกันหรือ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้าย
“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง ขอมือหน่อย” หลิวหลีกล่าวขึ้น แล้วไฟดวงหนึ่งก็โคจรหมุนวนอยู่ในร่างเหลยหยางอย่างรวดเร็ว ทำให้จักรพรรดิเทพเหลยหยางประหลาดใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะตรวจร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้เป็นแบบที่จักรพรรดิเทพแห่งวารีบอกไว้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
“เพลิงโลกันต์ ตอนเด็กๆน่าจะถูกเพลิงโลกันต์ทำร้าย แผลฝังเข้าไปถึงในกระดูก หากจะกำจัดคงต้องใช้พลังไม่น้อย” หลิวหลีดูอาการเสร็จจึงสรุปออกมา
สายตาของเหลยหยางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ กระทั่งช่วงเวลายังคาดเดาได้อย่างแม่นยำ
“หึ เรื่องนี้แค่ไปถามคนอื่นดูก็รู้แล้ว อย่ามาแกล้งพูดไปหน่อยเลย” เสียงของจิ่งซู่ขัดขึ้นจากด้านข้าง
“ข้าควรรู้สึกโชคดีบังเอิญว่าข้าไม่ได้โอ้อวดเรื่อยเปื่อย หากเป็นอย่างอื่นข้าคงจะทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่นี่คือไฟ ข้าก็เลยมั่นใจมากเป็นพิเศษ” หลิวหลีไม่สนใจเสียงที่พูดขัด แล้วก็พูดต่อ
เมื่อคำว่าเป็นพิเศษหลุดออกมา ทำให้อวิ๋นชิงถึงกับตกใจ นังหนู คำพูดนี้พูดเกินจริงไปหรือเปล่า แต่เมื่อพูดถึงไฟ คนที่พูดนี้เป็นว่าที่เทพอัคคีพูดเช่นนี้ไม่ผิดแม้แต่น้อย แต่คนรอบข้างเมื่อได้ยินก็เหมือนได้ยินเรื่องตลก
“ช่างน่าขันจริงๆ เจ้ายังไม่ใช่ประมุขเทพเลยด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าพูดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไฟ แม้แต่จักรพรรดิเทพเพลิงอัคคีเหยียนหั่วยังไม่กล้าพูดเช่นนี้” คนที่พูดขัดก็พูดไม่หยุด พยายามจะขัดหลิวหลีให้ได้
“น่ารำคาญ” เมื่อหลิวหลีพูดจบ ก็มีแสงออกจากมือหนานกงเวิ่นเทียนทันที ทำให้ปากของจิ่งซู่แข็งเป็นน้ำแข็ง น่ารำคาญขนาดนี้เป็นใบ้ไปก่อนก็แล้วกัน จักรพรรดิเทพเหลยหยางกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดที่ว่าจริงๆแล้วตัวเองมีทางรอหาย จนไม่ได้สังเกตว่าจิ่งซู่โดนกระทำเช่นไร อวิ๋นชิงส่งเสียงฮึมฮัม สามีภรรยาคู่นี้โหดร้ายจริงๆ ขนาดอยู่ต่อหน้าคนรักของอีกฝ่ายพวกเขายังกล้าทำเช่นนี้ เขาคงประเมินสามีภรรยาคู่นี้ต่ำเกินไปจริงๆ
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าตั้งใจจะรักษาข้าอย่างไร” จักรพรรดิเทพเหลยหยางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ
“มี 2 ทาง ทางแรก กินยาที่ข้าปรุงขึ้น ข้าจะใช้เพลิงเทพถอนพิษเพลิงในร่างกายท่าน ทางนี้ค่อนข้างจะอ่อนโยนมากกว่า ทางที่ 2 หากจักรพรรดิเทพเชื่อมั่นในตัวข้า ข้าจะใช้เพลิงเทพดูดซึม แต่เนื่องจากพิษเพลิงนี้ได้หลอมรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกระดูกของท่านแล้ว ความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นนั้น ข้าไม่พูดท่านก็คงจะเข้าใจดี ว่าอย่างไร จักรพรรดิเทพท่านตัดสินใจเลือกเถอะ” พอหลิวหลีคิดคิดๆดูแล้ว ก็เสนอทางเลือกออกมา 2 ทาง โดยทางเลือกที่ 2 ถือว่าบ้าบิ่นนัก อวิ๋นชิงถึงกับกลืนน้ำลาย นังหนูคนนี้จะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“2 ทางเลือกนี้ แค่แบ่งเป็นความเจ็บปวดระยะสั้นกับระยะยาวเท่านั้น ทางแรกมีเวลาให้พักแต่อีกทางต้องรับความเจ็บปวดทั้งหมดทันทีเพื่อถอนรากถอนโคน” จักรพรรดิเทพเหลยหยางคิดดูแล้วพูดขึ้น
“ใช่แล้ว” หลิวหลียืนยัน
“นังหนู เพลิงเทพของเจ้ามีอะไรพิเศษ ถึงได้กล้าคุยโวเช่นนี้” เหลยหยางรู้สึกประหลาดใจเล็ก ทำไมจึงได้พูดเช่นนี้
“เรื่องนี้น่ะหรือ เพราะเพลิงเทพหยินหยางอย่างไรล่ะ หยินหยางจะคอยปรับสมดุล สามารถรักษาสมดุลภายในร่างกายของท่านได้ เพลิงเทพอัสนีคราม เป็นธาตุอัสนีธาตุเดียวกับท่าน จะไม่ส่งผลเสียต่อภายในร่างกายของท่าน ส่วนเพลิงเทพนพเก้ามอดนภา ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ในอนาคตจะเป็นสิ่งที่สุดยอดมากแน่นอน” เพลิงเทพหลายสีปรากฏขึ้นบนมือของหลิวหลี
“เจ้าหมายความว่า เจ้าจะควบคุมเพลิงเทพทีเดียวพร้อมกัน 3 ขนิดหรือ” จักรพรรดิเทพเหลยหยางรู้สึกเหลือเชื่อ แม้แต่เหยียนหั่วยังทำไม่ได้ แต่นังหนูคนนี้กลับกล้าพูดเช่นนี้
“เจ้าค่ะ จักรพรรดิเทพโปรดวางใจ สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายดาย” หลิวหลีลองสาธิตให้ดู และแล้วความแข็งแกร่งของประสาทเทพของนางเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน
“พระเจ้า ประสาทเทพของเจ้าแบ่งออกมาได้กี่ดวงเนี่ย” อวิ๋นชิงถึงกับตกตะลึง จิ่งซู่ที่พูดไม่ได้ก็ตกใจไม่แพ้กัน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
“ขอบคุณที่ชม” หลิวหลีหน้าหนารับคำชม
“มิน่าเจ้าถึงได้ปรุงยาได้อย่างง่ายดาย” อวิ๋นชิงเข้าใจเคล็ดลับในการปรุงยาของหลิวหลีทันที สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักปรุงยาก็คือประสาทเทพ ความสามารถในการควบคุมประสาทเทพของนังหนูเก่งกาจขนาดนี้ สำหรับนางแล้วการปรุงยาไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“จักรพรรดิท่านเทพเชื่อมั่นในตัวข้าหรือไม่” หลิวหลีมองจักรพรรดิเทพเหลยหยาง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ได้ ข้าจะลองพนันดู ใช้วิธีที่ 2 แล้วกัน ถึงรักษาไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นอะไร” จักรพรรดิเทพเหลยหยางตัดสินใจ นังหนูคนนี้ไม่ได้คุยโว เขายังมีความรู้สึกว่าประสาทเทพของนังหนูคนนี้ไม่ได้แตกต่างจากเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าหลิวหลีจะสร้างผลเสียอะไร
“ขอบคุณจักรพรรดิเทพที่เชื่อมั่นในตัวข้า อวิ๋นชิง เจ้าหาที่เก็บขยะไว้ให้ดีๆ อย่าโยนออกไปให้เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แล้วก็อยากให้มารบกวนข้าด้วย” หลิวหลีกล่าว
“ได้” อวิ๋นชิงมุมปากกระตุกน้อยๆ คิดไม่ถึงว่าเขากลายเป็นคนที่ต้องจัดการกับขยะ จักรพรรดิเทพเหลยหยางก็ตอแยหลิวหลี จิ่งซู่ที่ถูกมองว่าเป็นขยะแววตาหม่นหมอง หมายความว่าจะทิ้งเขาแล้วใช่ไหม ตอนที่อวิ๋นชิงลงมือ เขาจึงไม่ดิ้นรน
“เฮ้อ เจ้าเนี่ยนะ จักรพรรดิเทพเหลยหยางดีกับเจ้าแค่ไหน ทุกคนต่างก็เห็นเหมือนกัน แต่เจ้ากลับให้ความสนใจกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ อีกทั้งถูกคนเยินยอจนลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร ท่าทางทั้งหมดที่เจ้ามีก็มาจากการเยินยอของคนอื่นทั้งนั้น คิดให้ดีเถอะว่าทำไมพวกเราถึงต้องมารวมตัวกันอยู่ที่บนภูเขาเทวาแห่งนี้กันแน่” อวิ๋นชิงพูดจบก็จากไป โดยไม่รู้ว่าจิ่งซู่จะรับฟังหรือไม่
“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง ได้โปรดถอดเสื้อออกด้วย ท่านพี่ หากอีกสักครู่จักรพรรดิเทพเหลยหยางทนไม่ไหว ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายเขาลงได้เลยไม่ต้องเกรงใจ อวิ๋นชิง เจ้าก็เหมือนกัน หากเห็นอะไรผิดสังเกต ก็ลงมือได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” หลิวหลีกำชับ จำเป็นต้องบอกว่า คำพูดนี้ทำให้อวิ๋นชิงรู้สึกกดดันน้อยๆ หมายความว่าให้เขาสามารถลงมือกับจักรพรรดิเทพได้เลย นอกจากนังหนูคนนี้ คงจะไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้คิดมากเหมือนอย่างอวิ๋นชิง ฮูหยินของเขาพูดอย่างไรก็ทำตามนั้น
จักรพรรดิเทพเหลยหยางถอดเสื้อออก หลิวหลีก็ไม่ได้รอช้า ดึงเพลิงเทพอัสนีครามภายในร่างกายออกมา จักรเทพเหลยหยางรู้สึกว่าทั้งร่ายกาย โดยเฉพาะบนใบหน้าเหมือนมีอะไรกำลังกัดกิน ทั้งเจ็บทั้งคัน โดยที่เขาหาต้นตอไม่เจอ
หลังจากนั้นหลิวหลีก็ปล่อยเพลิงเทพนพเก้ามอดนภาเข้าสู่ร่างเหลยหยาง ว่าที่เพลิงเทพอัน 1 ในใต้หล้าสามารถกดข่มเพลิงเทพอื่นๆได้ ถึงแม้พิษเพลิงที่อยู่ในกระดูกถึงเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงหวาดกลัวเพลิงเทพในระดับสูงกว่าอยู่ จึงพยายามหนีออกมาจากกระดูกของเหลยหยาง เขาพยายามอดทน พิษเพลิงที่ทะลักหลั่งในทันทีนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆด้วย แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเจ็บปวดตรงไหน
พอรู้สึกว่าใช้ได้แล้ว หลิวหลีก็ปล่อยเพลิงเทพหยินหยางเข้าสู่ในร่างกายของเหลยหยาง หยินหยางปรับสมดุล ทำให้ภายในร่ายกายของเขาไม่ปั่นป่วน แต่ความเจ็บปวดราวเกิดใหม่ในตอนสุดท้ายนั้น ก็ยังทำให้เขายากจะทนไหว เจ็บปวดมากจริงๆ หนานกงเวิ่นเทียนปล่อยพลังเหมันต์ออกไป ลงมืออย่างรวดเร็ว จนอวิ๋นชิงถึงกับกลืนน้ำลาย หากสู้ไม่ไหว เขาก็จะไปหลบอยู่หลังท่านพ่อตัวเอง แล้วก็ลงมือด้วยเช่นกัน แต่เขาก็รู้สึกนับถือจักรพรรดิเหลยหยาง พลังบำเพียรอยู่ในขั้นจักรพรรดิเทพแล้ว แต่ยังต้องเจ็บปวดจนเกินทนไหว เวรกรรมแท้ๆ
หลิวหลีค้นพบด้วยความประหลาดใจว่า พิษเพลิงถูกเพลิงเทพนพเก้ามอดนภาดูดซึมจนหมด อีกทั้งพลังบำเพ็ญเพียรของตัวเองก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นด้วย อืม ไม่รู้ว่ายังมีคนป่วยเช่นนี้แล้วต้องการนางหรือไม่
………………………………..