Ch.188 – กลับสู่เฟิงหลี

Provider : Muntra

 

วันนี้ลง 2 ตอน 188 189

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.188 – กลับสู่เฟิงหลี

 

นี่คือข้อมูลที่ศาสตราจารย์หวางพกติดตัวออกมาจากฐานทดลอง

 

มองไปยังดิสก์หน่วยความจำ แววตาของฉินเฟิงพลันทอประกาย แนบมันลงด้านข้างอุปกรณ์สื่อสารอย่างระมัดระวัง

 

จากนั้น ข้อมูลมากมายก็ถูกปล่อยออกมา

 

มีหลายส่วนที่ฉินเฟิงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ และไม่อยากจะมองมันเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลมันเยอะเกินไป เขาเลยจำกัดการค้นหาแค่ที่ต้องการ

 

แม้พลังสมาธิของฉินเฟิงจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเห็นข้อมูลที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ ก็เกิดอาการปวดหัวแทบแตกเป็นเหมือนกัน

 

ทว่าหลังจากเห็นข้อมูลหนึ่งซึ่งไม่ยากจนเกินไป เป็นรายชื่อของผู้ให้การสนับสนุนห้องทดลองของเมืองฟูเฉิง สีหน้าของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยน

 

เห็นได้ชัดว่าภายในเมืองฟูเฉิง ฐานทดลองแห่งนี้มิได้เป็นความลับแต่อย่างใด

 

ไม่ว่าคนในรายชื่อเหล่านี้จะสมัครใจ หรือไม่เต็มใจก็ตาม แต่ฝ่ายไหนก็ล้วนหันมาสนับสนุนฐานการทดลอง สิ่งนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกว่า ฐานทดลองขององค์กรมืด ได้แทรกซึมเข้าไปในส่วนลึก หรือที่เรียกกันว่ากระดูกสันหลังของสถานชุมชนเสียแล้ว

 

มันราวกับโรคระบาดที่ไม่มีวันสามารถรักษาหาย เป็นปรสิตคอยกัดแทะสถานชุมชนให้เน่าฟอนเฟะลง

 

‘จากนี้ไป คงจะเป็นการดีกว่าถ้าฉันไม่ไปเหยียบฟูเฉิงสักพัก เพราะเหตุการณ์ใหญ่ครั้งต่อไปไม่มีเรื่องจำเป็นให้กลับเข้าไป’ ฉินเฟิงขบคิด ในสมองอดบ่นอย่างช่วยไม่ได้ ‘ไอ้องค์กร Z นี่มันอะไรกันแน่นะ ทำไมยิ่งค้นหาก็เหมือนยิ่งดำลึกลงสู่หุบเหวอันไร้ที่สิ้นสุด’

 

ในชีวิตก่อน ฉินเฟิงเคยปะทะกับองค์กรมืดมากมาย ทั้งหมดล้วนมีความสามารถในการทดลองที่เทียบเคียงกันได้ แต่เขากลับไม่เคยได้ยินชื่อขององค์กร Z มาก่อนเลย

 

แต่สิ่งนี้ยังช่วยยืนยันถึงความลึกลับของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

 

ยังไงก็ตาม ความลึกลับที่เปรียบดั่งปริศนาอันดำมืดนี้ ฉินเฟิงยังคงตัดสินใจค้นหามันต่อไป

 

เขาต้องการเรียกร้องหาคำอธิบายให้แก่ชีวิตก่อนหน้าของตนเอง

 

และตอนนี้ ยังมีอีกหนึ่งคนที่อยากล้างแค้นเหมือนฉินเฟิงพ่วงเข้ามา แถมยังเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งไม่เลวเลย ฉะนั้นเขาเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว คงสามารถขุดรากถอนโคนองค์กร Z ขึ้นมาได้

 

รถศึกสุดหรูเดินทางต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่า 2 วัน ในที่สุดก็มาถึงสถานชุมชนเฟิงหลี

 

เพียงเดือนเดียว สถานชุมชนเฟิงหลีเปลี่ยนแปลงไปมาก โครงสร้างส่วนใหญ่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง และการกลับมาของฉินเฟิง ทำให้ทุกคนตื่นเต้น

 

“ลูกพี่ ทางฟูเฉิงมอบโลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล E ให้คุณจริงๆด้วย!” วังเฉินเห็นสัญลักษณ์บนอกของฉินเฟิงและไป๋หลีก็อุทานออกมา

 

แม้เขาจะทราบว่าฉินเฟิงสามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล E แต่การได้รับตราสัญลักษณ์ มันจะแตกต่างออกไป เพราะนี่หมายถึง ทางการได้ยอมรับว่าเจ้าของๆมันแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอายุของฉินเฟิง ปัจจุบันเขาอายุเท่าไหร่กัน? แค่16ปีเท่านั้นเอง!

 

แต่ความแข็งแกร่งที่ครอบครองกลับน่าสยองเกล้าถึงเพียงนี้!

 

“ก็นะ แต่ขอบอกเลยว่า ของอย่างอื่นที่ฟูเฉิงมอบให้ก็ไม่เลวเหมือนกัน!” ฉินเฟิงกล่าว แต่เขาไม่ได้บอกวังเฉินและคนอื่นๆว่าคืออะไร

 

“ใครก็ได้ ช่วยไปซื้อยาย้อมผมกับคอนแทคเลนส์มาให้หน่อย เปลี่ยนโฉมสหายคนนี้ของฉันดูเหมือนคนธรรมดาที” ฉินเฟิงชี้ไปทางหลิงหวูยี่

 

“รับทราบค่ะท่านผู้ว่าการ ฉันจะจัดการทันที!” แชงนาในฐานะเลขาของฉินเฟิงขานรับอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะเดินจากไป เธอยังโค้งคำนับให้ฉินเฟิงเล็กน้อย ในแววตาทอประกายสำนึกคุณและจงรักภักดี

 

“ท่านผู้ว่าการ หนึ่งในคนที่ท่านพากลับมาก่อนหน้านี้ เป็นป้าของฉัน ขอบคุณท่านมากจริงๆ!” กล่าวจบ แชงนาก็ถอยจากไปอย่างเงียบๆ

 

วังเฉินยิ้มแล้วหันมาพูดกับฉินเฟิง “ป้าคนที่ว่า คือคนที่คุณจ้างเธอรับหน้าที่เก็บกวาดวัตถุดิบในเมืองหานก่อนหน้านี้ เรียกว่าซ่างเซี่ยน ทั้งสองมีชะตาชีวิตที่น่าสงสารไม่ต่างกัน ตอนนี้ทางเราเลยจัดที่พักให้อยู่ด้วยกัน คอยปลอบประโลมกันไป”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ความเป็นอยู่ทางอารมณ์ที่ดีของลูกน้อง จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน และฉินเฟิงไม่ต้องการทำให้เลขาของเขารู้สึกทุกข์และขมขื่น ดังนั้นให้คนที่เข้าใจกัน ช่วยปลอบกันถือเป็นวิธีที่ดี

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็ชวนให้นึกถึงอีกปัญหาที่น่าคิด : เมืองหานน่ะมีขนาดเล็ก แต่ฉินเฟิงกลับนำพลเมืองจากทางนั้นกลับมาเป็นจำนวนมาก เกรงว่าหลังจากที่ชิเทียนไห่ฟื้นฟูเมืองหานแล้ว น่ากลัวว่าสุดท้ายเมืองแห่งนั้นก็คงล่มสลายลงอยู่ดี

 

แต่ใครจะสน! เพราะนี่คือยุคสมัยที่ผู้แข็งแกร่งคือราชา และฉินเฟิงมาถึงเลเวล E แล้ว ดังนั้นชิเทียนไห่ไม่กล้าส่งคนมาชิงตัวพลเมืองกลับคืนจากฉินเฟิงอย่างแน่นอน

 

ไม่ช้าแชงนาก็กลับมา และเริ่มเปลี่ยนสีผมของหวูยี่ คนอื่นๆเมื่อทราบข่าวเรื่องฉินเฟิง ก็ทยอยกันมารายงานตัว

 

ในหมู่พวกเขา เป็นธรรมดาที่หลิวซูจะงานหนักสุด เพราะเธอรับผิดชอบในการตรวจนับวัตถุดิบ

 

เวลานี้ เมื่อเห็นว่าซูซิงฝูยังมาไม่ถึง หลิวซูก็เอ่ยเสียงกระซิบ “ผู้ว่าการ คราวนี้คุณนำสิ่งต่างๆกลับมาได้มากมาย เทียบเท่ากับมีเงินทุนจำนวนมากอัดฉีดเข้ามาในสถานชุมชนเฟิงหลี สัดส่วนการถือหุ้นอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง ฉันคิดว่า … ”

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ หลิวซูคงไม่ยอมปริปาก แต่ปัจจุบันฉินเฟิงได้กลายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E แล้ว เป็นธรรมดาที่บางสิ่งบางอย่างจะแตกต่างออกไป

 

ภูเขาลูกเดียว ไม่อนุญาตให้เสือสองตัวอยู่ร่วมกันได้ สถานชุมชนเฟิงหลี เห็นได้ชัดว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

 

“อืม ฉันพอจะเข้าใจ แต่ช่วยรอก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!” ฉินเฟิงกล่าว “คนเราไม่สมควรโยนตัวเองลงสู่ความหายนะ ดั่งสำนวนอย่าข้ามแม่น้ำแล้วเร่งรื้อสะพาน หากวันนั้นมาถึงจริงๆ ฉันจะตกลงกับผู้ว่าการเจิ้งเอง”

 

หลิวซูพยักหน้าเข้าใจ

 

เฝ้ารอจนกระทั่งฉินเฟิงแข็งแกร่งขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นการจะต่อรองกับเจิ้งหยางคงเป็นเรื่องง่าย

 

ส่วนปัจจุบัน ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้

 

สักพักหนึ่ง ซูซิงฝู , เหอหลิง , เซ่าเซี่ยง ก็เดินเข้ามา และอธิบายถึงความปลอดภัยในทุ่งล่าของสถานชุมชน ว่าตั้งแต่ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง การเคลื่อนไหวของสัตว์ร้ายก็ค่อนข้างลดลง ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

 

แต่สิ่งที่ทางซูซิงฝูกล่าว กลับทำให้ฉินเฟิงต้องสั่นสะท้าน

 

ซูซิงฝู มอบบัตรเชิญปิดทองให้กับฉินเฟิง ปากกล่าวอธิบาย

 

“งานประมูลระดับเฉาฟ่านของกลุ่มหวันซ่งจะจัดขึ้นที่เมืองไห่ ลูกพี่คิดว่าควรจะส่งใครไปดี?” ซูซิงฝูเอ่ยถาม

 

ภายในงานนี้ ย่อมมีสมบัติถูกนำออกมาประมูลนับไม่ถ้วน!

 

โดยปกติแล้ว การประมูลของกลุ่มหวันซ่งจะแบ่งออกเป็นสามระดับ อันได้แก่ ระดับสวรรค์ , ระดับปฐพี และระดับเหนือขอบเขต แม้ชื่อจะฟังดูหรูหรา แต่สองอันดับแรกเป็นเพียงงานประมูลระดับต่ำ

 

สินค้าประมูลระดับสูงสุดคือกลุ่มเลเวล E และอาจมีสมบัติเลเวล D ปรากฏขึ้น ซึ่งนั่นเป็นส่วนสำคัญในช่วงท้าย

 

แน่นอน ว่างานแสดงสินค้าขนาดใหญ่นี้เป็นความลับ แต่บางครั้งก็มีเทศการเทกระจาดถูกจัดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการระบายสินค้าขายไม่ออก ที่มักจะอยู่ในเลเวล G

 

และตรงส่วนนี้ มีช่องว่างให้ทำกำไรได้มากมาย

 

“ผมขออาสาเอง คุณก็ต้องไปด้วย” ฉินเฟิงกล่าวตามตรง

 

ใบหน้าอวบอัดของซูซิงฝูฟุ้งไปด้วยความตื่นเต้นทันที

 

“งั้นผู้ว่าการ คุณเตรียมทุนที่จะใช้เอาไว้เท่าไหร่? ”

 

ปัจจุบันภายในสถานชุมชน มีเกราะเหล็กดำจำนวนนับหมื่น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงใช้แลกเปลี่ยน แต่ยังใช้แทนสกุลเงินได้

 

ฉินเฟิงคิดเกี่ยวกับมันอยู่พักหนึ่งและกล่าว “ผมจะมอบทุนให้กับคุณ 1,000 ล้านเหรียญ เพื่อใช้เป็นพื้นฐานการสร้างคลังสินค้าของสถานชุมชนเฟิงหลี”

 

ดวงตาของซูซิงฝูสว่างไสวขึ้นทันใด

 

แต่ฝั่งหลิวซูกลับตะลึงงัน เธอกัดฟันกล่าว “ผู้ว่าการ ตอนนี้คลังของเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น”

 

แน่นอน ว่าต่อให้ในคลังของสถานชุมชนของพวกเขาจะเต็มไปด้วยเกราะเหล็กดำนับหมื่นชิ้น แต่มันก็สามารถตีเป็นเงินได้แค่ราวๆ 2 – 3 ร้อยล้านเหรียญเท่านั้น

 

“อ่า เรื่องนั้นฉันรู้ดี ขอเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งเดือน ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” ฉินเฟิงกล่าว

 

หลิวซูทำได้เพียงพยักหน้าและถอยกลับมา

 

….

 

เรื่องสำคัญๆต่างๆได้รับการปรึกษา และมอบหมายโดยฉินเฟิงจนเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันฉินเฟิงมีผู้ใช้พลังมากมายอยู่ใต้อาณัติ และเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เขาเร่งจัดการเรื่องสถานะของหลิงหวูยี่ ระหว่างนี้ก็มอบหมายหน้าที่ให้ดำรงตำแหน่งอาวุโสกิตติมศักดิ์ของสถานชุมชนเฟิงหลีเป็นการชั่วคราว

 

เป็นตำแหน่งที่แม้ดูโผงผาง แต่ไม่ต้องทำอะไร ขอแค่คอยดูแลสถานชุมชนเฟิงหลีก็พอ

 

เสร็จธุระ ฉินเฟิงก็พาไป๋หลีกลับมายังสถานชุมชนเฉิงเป่ย

 

เนื่องจากสถานชุมชนเฟิงหลียังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นในเฉิงเป่ยเลยยังคงคึกคัก

 

เนื่องจากปัญหาด้านสถานะของหลิงหวูยี่ มันทำให้ฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋หลีในช่วงแรกที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เขานึกขึ้นได้ว่าก็นานแล้วนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่วันนี้เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว ฉินเฟิงตัดสินใจพักผ่อนก่อน ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นค่อยไปพบผู้อำนวยการหลินเต๋อหรง และคิดจะชักชวนอีกฝ่าย ให้มาเข้าร่วมกับสถานชุมชนเฟิงหลี

 

และหวังว่าผู้ว่าการเขตเจิ้งจะไม่ตำหนิเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องชุมชน นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกิน!